ตอนที่ 400 ขัดขวางวันแห่งความสุข

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 400 ขัดขวางวันแห่งความสุข

กว่าจะประชุมเสร็จก็เกือบสิบโมงแล้ว

หลินม่ายเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะหันไปยิ้มและขยิบตาให้เถาจืออวิ๋น “ถึงเวลาไปขัดขวางวันแห่งความสุขแล้ว”

เถาจืออวิ๋นยิ้มตอบอย่างรู้กันพลางพยักหน้า

เพื่อไปดูน้ำหน้าของหม่าเทาและชู้รักของเขาในวันนี้ สองสาวจึงแต่งตัวอย่างพิถีพิถันเป็นพิเศษ

หลินม่ายงามเฉิดฉายในชุดสีขาว ส่วนเถาจืออวิ๋นงามเฉิดฉายในชุดสีดำ

ถ้าอยู่เดี่ยว ๆ ทั้งสองสาวต่างก็สวยในแบบของตัวเอง

แต่พอเดินออกไปไหนมาไหนด้วยกัน สไตล์ของทั้งสองจึงค่อนข้างแปลกตา และดูโดดเด่นไปสักหน่อย

ในขณะเดียวกัน หม่าเทาก็เพิ่งขี่จักรยานที่มีรักแรกของเขาในชุดสีแดงนั่งซ้อนท้ายมาถึงบ้านหลังใหม่ของพวกเขาด้วยสีหน้าชื่นมื่น

งานแต่งถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีการเชิญเพื่อนร่วมงาน ญาติ ๆ และเพื่อนสนิทมิตรสหายมากมายเข้าร่วมงาน ทำให้ผู้คนอยู่กันเต็มห้อง

ทั้งห้องครัวของบ้านเถาจืออวิ๋น ทั้งห้องครัวของเพี่อนบ้าน ต่างก็แออัดไปด้วยญาติผู้หญิงหลายคนของตระกูลหม่า

ภายใต้คำสั่งของแม่หม่า ญาติผู้หญิงเหล่านั้นต่างก็ช่วยกันทำอาหารสำหรับจัดเลี้ยงในพิธีแต่งงานอย่างขันแข็ง

ญาติของตระกูลหม่าต่างก็มาจากชนบท สภาพภายนอกของพวกเขาจึงดูยากจนกว่าชาวเมืองทั่วไป

บรรดาญาติผู้หญิงหลายคนเห็นว่าหม่าเทากับพ่อแม่ของเขามีใบหน้าผ่องใส แถมยังสวมเสื้อผ้าใหม่เอี่ยม พวกหล่อนก็อิจฉากันแทบตาย

ที่สำคัญหม่าเทาเพิ่งจะหย่าร้างไปได้ไม่นาน ก็มีผู้หญิงอื่นมาจ่อรอแต่งงานกับเขาแล้ว ครอบครัวนี้ช่างร่ำรวยจริง ๆ เลย!

เสียอย่างเดียวคือลูกสะใภ้คนใหม่คนนี้สวยน้อยกว่าสะใภ้คนก่อนที่ชื่อเถาจืออวิ๋นมาก แถมหล่อนยังทำท่ารังเกียจอย่างออกหน้าออกตา ด้วยเหตุนี้พวกหล่อนจึงไม่ค่อยชอบหน้าหล่อนสักเท่าไหร่

เพื่อนบ้านและอดีตเพื่อนร่วมงานของเถาจืออวิ๋นเองก็คิดไม่ต่างจากผู้หญิงในตระกูลหม่า

สามีเก่าของเถาจืออวิ๋นแต่งงานกับชู้รักออกหน้าออกตาขนาดนี้ บรรดาเพื่อนบ้านต่างก็ซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปาก

พอเห็นว่าเจ้าสาวหน้าตาธรรมดา พวกเขาต่างก็ผิดคาดไปตาม ๆ กัน

ตอนแรกทุกคนคิดว่าที่สามีเก่าของเถาจืออวิ๋นถึงขั้นยอมหย่าขาดกับหล่อนเพื่อแต่งงานใหม่ แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นคงสวยกว่าเถาจืออวิ๋นมาก

ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงคนที่ว่านี้เทียบเถาจืออวิ๋นไม่ได้เลยสักกระเบียดนิ้ว!

ทุกคนที่มารวมตัวกันอยู่หน้าประตู ต่างกระซิบกระซาบวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าผู้หญิงคนนี้ดีกว่าเถาจืออวิ๋นตรงไหน

พวกเขาไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เถาจืออวิ๋นกับหม่าเทาจะหย่าร้างกัน ครอบครัวของหม่าเทากล่าวหาว่าเถาจืออวิ๋นเป็นฝ่ายที่นอกใจก่อน

แถมยังบอกว่าหล่อนไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี แต่ไปหลงใหลได้ปลื้มชายอื่น

เพราะแบบนี้ ทันทีที่ทั้งสองหย่าขาดจากกัน สามีเก่าของหล่อนจึงแต่งงานใหม่อย่างรวดเร็ว

นี่น่ะหรือผู้ชายที่อวดอ้างว่าตัวเองเป็นสามีที่ดี!

ในบรรดาฝูงชน บางคนอดรู้สึกสงสัยไม่ได้ “ผู้หญิงคนนี้มีดีอะไรจนสามีเก่าของเสี่ยวเถาตกหลุมรักกัน?”

ตอนที่หลินม่ายกับเถาจืออวิ๋นเดินมาถึงหน้าบ้านพร้อมกับยามของโรงงานที่มาช่วยพวกเธอไล่ที่ พวกเธอบังเอิญได้ยินประโยคนี้เข้าพอดี

หลินม่ายแค่นเสียงตะคอกอย่างเย็นชาอยู่ในใจ

ผู้หญิงคนนั้นทำให้หม่าเทาตกหลุมรักได้ยังไงน่ะเหรอ?

เพราะหล่อนสำส่อน แล้วผู้ชายก็ชอบผู้หญิงสำส่อนพอดีไงล่ะ

ต่อให้เถาจืออวิ๋นฉลาดเฉลียวและใจกว้างมาก ถึงหล่อนจะสวยหยดย้อยแค่ไหน ทำงานบ้านเก่งกว่าคนอื่น หรือมีรายได้เป็นกอบเป็นกำแล้วยังไง!

สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงที่ใจง่ายสำส่อนอยู่ดี

หม่าเทาที่หลงใหลในมารยาร้อยเล่มเกวียนของหล่อนจึงปักใจว่าหล่อนคือรักแรกของเขา

บรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยความคึกคัก หม่าเทากับรักแรกของเขาผลัดกันทักทายแขกด้วยรอยยิ้ม

แต่จู่ๆ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยกับยามในเครื่องแบบประมาณสิบกว่าคนก็เบียดเสียดผู้คนจำนวนมากเข้าไป พลางตะโกนลั่น “หลีกไป หลีกไป!”

เพื่อนบ้านและอดีตเพื่อนร่วมงานของเถาจืออวิ๋นที่เบียดเสียดกันอยู่ตรงทางเดินเพื่อรับชมความตื่นเต้น กระเถิบร่างของตัวเองเข้ากับกำแพงเหมือนตุ๊กแก จากนั้นหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยและคนของเขาก็เดินเบียดกันเข้าไปในห้องของเถาจืออวิ๋น

หม่าเทา เวินหงเหมย และแขกในงานทุกคนรีบหันขวับไปมองแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

ชายสารเลวหม่าเทาตกตะลึงอยู่แค่สองวินาที จากนั้นก็หยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าทันควัน แล้วเดินตรงเข้าไปหาหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย

จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “สูบบุหรี่ก่อนไหม มา สูบบุหรี่สักหน่อย”

หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยตวัดมือ ปัดซองบุหรี่ในมืออีกฝ่ายจนร่วงลงกับพื้น

เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “สูบเสิบอะไรกัน ผมมาที่นี่เพื่อยึดบ้านคืน ให้ทุกคนที่นี่รีบเก็บข้าวของ แล้วออกไปทันที ถ้าไม่ยอมออกไปภายในห้านาที เราจะจับตัวพวกคุณส่งตำรวจให้หมด ในข้อหาบุกรุกเคหสถานของผู้อื่นโดยมิชอบ!”

ทันทีที่แขกเหรื่อได้ยินแบบนั้นก็แยกย้ายกระจายตัวเหมือนผึ้งแตกรัง วิ่งหนีกระเจิงไปเกินครึ่ง

แขกเหล่านั้น นอกเหนือจากญาติของตระกูลหม่าสองสามคนที่มาจากชนบทแล้ว คนที่เหลือต่างก็เป็นเพื่อนร่วมงานของหม่าเทาทั้งนั้น

ทุกคนที่มางานแต่งต่างก็รู้ว่าหม่าเทากำลังครอบครองบ้านของอดีตภรรยาตัวเองอยู่

เนื่องจากทุกคนรู้ความจริง จึงรู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของโรงงานตัดเสื้อชุนเหลยพูดไม่ใช่แค่คำข่มขู่ให้กลัว

ในเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงขั้นว่าจะจับตัวทุกคนส่งตำรวจในข้อหาบุกรุกเคหสถานของผู้อื่น พวกเขาก็รีบหนีเตลิดเพื่อเอาตัวรอดกันทันที

พวกเขาคิดมาโดยตลอดว่าอดีตภรรยาของหม่าเทานั้นอ่อนแอเกินไป หม่าเทาต่างหากที่มีไหวพริบมากกว่า

ถึงแม้จะสิ้นสุดความเป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่เขายังสามารถครอบครองบ้านของอดีตภรรยาได้โดยไม่ยอมส่งคืน

ที่แท้อดีตภรรยาของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ แค่รอเวลาเอาคืนอย่างเหมาะสมเท่านั้น

ถ้าไม่ได้เป็นแบบนั้น แล้วทำไมยามจากโรงงานตัดเสื้อชุนเหลยต้องแห่กันมายึดบ้านคืนจากเขาในวันนี้ด้วย?

แขกที่ได้รับเชิญมางานแต่งต่างวิ่งเตลิดหนีไปแล้ว เหลือแค่แขกอีกสองสามคนที่ไม่หนีไปไหน เพราะพวกเขาต่างก็มาจากชนบท เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ถึงพวกเขาไม่คิดหนี แต่สถานการณ์ก็ใช่ว่าจะต่างไปจากแขกที่วิ่งหนีไปก่อนหน้า ทุกคนต่างแสดงสีหน้าตื่นตระหนกเพราะทำอะไรไม่ถูก

พอรู้ตัวว่างานแต่งล่ม หม่าเทาและเวินหงเหมยก็รู้สึกอับอายมาก

พอเห็นว่าทั้งคู่ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมออกไป หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยก็ตะคอกใส่ “ยืนนิ่งอยู่ทำไมกัน? อยากโดนจับตัวส่งตำรวจนักใช่ไหม?”

เวินหงเหมยเป็นคนแรกที่ตื่นตระหนก หล่อนพูดพึมพำ “ฉันจะเก็บข้าวของเดี๋ยวนี้แหละค่ะ ขอเวลาเราหน่อย”

พูดจบแล้ว หล่อนก็หันกลับไปเปิดตู้เสื้อผ้า กวาดเอาเสื้อผ้าของตัวเองและของลูกสาวออกมา

ถึงหล่อนเพิ่งแต่งงานกับหม่าเทาในวันนี้ แต่หล่อนก็ส่งเสื้อผ้าบางส่วนของตัวเองกับลูกสาวมาเก็บไว้ที่นี่ก่อนแล้ว

นับตั้งแต่หย่าขาดจากอดีตสามี เวินหงเหมยกับลูกสาวของหล่อนก็อาศัยอยู่ในบ้านที่อับชื้นและทรุดโทรมในชุมชนแออัดตามลำพัง

บ้านโทรม ๆ หลังนั้นแทบกันลมฝนไม่ได้เลย แต่ดีกว่านอนข้างถนนมานิดหน่อยเท่านั้น สองแม่ลูกต้องใช้ชีวิตอย่างน่าสังเวชที่นั่นมาโดยตลอด

ในที่สุดก็จะได้มีบ้านหลังใหม่ให้อยู่เสียที เวินหงเหมยจึงแทบรอไม่ไหวที่จะส่งสิ่งของมาเก็บไว้ก่อน

ทว่าหม่าเทากลับเรียกให้หล่อนหยุด “หงเหมย ไม่ต้องเก็บของ!”

ทันใดนั้นสีหน้าของหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยพลันมืดครึ้มลงทันที “ทำไม? คุณคิดจะยึดบ้านหลังนี้ไว้เลยไม่ยอมออกไปใช่ไหม?”

จากนั้นเขาก็หันไปโบกมือส่งสัญญาณให้บรรดาลูกน้องของเขา “จับเขามัดไว้ แล้วส่งตัวเขาไปที่สถานีตำรวจเดี๋ยวนี้!”

ยังไม่ทันที่กลุ่มยามจะเคลื่อนไหว พ่อและแม่ของหม่าเทาที่ตื่นตะลึงกับการบุกเข้ามาอย่างกะทันหันของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็กลับมาได้สติ

พวกเขารีบพุ่งตัวออกไปขวางหน้าหม่าเทาไว้ พูดอย่างหาเรื่อง “ฉันจะคอยดูว่าใครกล้าแตะต้องลูกชายฉัน!”

หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยเหยียดยิ้ม “ลูกชายของพวกคุณละเมิดกฎหมาย ครอบครองบ้านของอดีตพนักงานในโรงงานเรา พวกเราจึงมีสิทธิ์จับตัวลูกชายคุณไปลงโทษ!”

จากนั้น เขาก็ส่งสัญญาณให้ลูกน้องเข้าไปจับกุมตัวพ่อหม่ากับแม่หม่าด้วย จะได้ส่งตัวไปที่สถานีตำรวจด้วยกัน

พ่อหม่าและแม่หม่าไม่ยินยอมให้จับแต่โดยดี พยายามต่อสู้และดิ้นรนอย่างสุดแรงกับบรรดายามที่เข้ามาควบคุมตัว

หม่าเทารีบพูด “หยุดนะ หยุดได้แล้ว ผมเป็นคนเช่าบ้านหลังนี้ ทำไมถึงต้องออกไปด้วย?”

พอได้ยินแบบนั้น พ่อหม่ากับแม่หม่าก็บังเกิดความมั่นใจขึ้นมาทันที

แม่หม่าผลักยามสองคนที่ต้องการควบคุมตัวนางออกไป สวนกลับอย่างรุนแรง “พวกเราจ่ายเงินเช่าบ้านหลังนี้ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาไล่ให้เราออกไป?”

หลินม่ายกับเถาจืออวิ๋นยืนอยู่ด้านนอกประตู ไม่ได้เข้าไปในห้องแต่แรก

แต่ตอนนี้เถาจืออวิ๋นทนยืนฟังไม่ไหวอีกต่อไป เมื่อได้ยินหม่าเทากับพ่อแม่ของเขาพูดเรื่องไร้สาระ จึงเบียดตัวแทรกเข้าไปในห้องทันที

หล่อนพูดด้วยความโกรธเคือง “ใครเป็นคนจ่ายค่าเช่าบ้านหลังนี้กันแน่? พวกคุณนี่ช่างไร้ยางอายจริง ๆ ถึงได้พูดเรื่องโกหกออกมาหน้าด้าน ๆ!”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

การแก้แค้นที่เจ็บปวดที่สุดคือการทำลายศัตรูในวันที่อีกฝ่ายมีความสุขที่สุดสินะ ร้ายกาจไม่เบาเลย

ไหหม่า(海馬)