ตอนที่ 355 เสพสุข

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 355 เสพสุข

เช่นนั้นก็ต้องรอดูว่าฮ่องเต้จะเชื่อคำกล่าวของหลูหนิงฮว่าหรือไม่

“ตอนนั้นท่านตาของเจ้ารักษาคนป่วยที่ใช้ยาชนิดนี้เช่นไร” องค์หญิงใหญ่เอ่ยถาม

“หลังจากท่านตาฝังเข็มให้แล้วจึงกำชับคนผู้นั้นว่าห้ามใช้ยานั่นอีกเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นภายภาคหน้าร่างกายของเขาจะทรุดโทรม อาการปวดศีรษะจะกลายเป็นเรื่องเล็กทันที จะมีอันตรายถึงชีวิตได้เจ้าค่ะ” หลูหนิงฮว่าตอบตามความจริง

องค์หญิงใหญ่เริ่มนับลูกประคำอีกครั้ง ดวงตานิ่งขรึมไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่

“หากใช้ยาชนิดนี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เขาจะมีชีวิตอยู่ต่ออีกนานเพียงใด” จู่ๆ องค์หญิงใหญ่ก็ถามคำถามนี้ขึ้น ใบหน้ายังคงอ่อนโยนและสงบนิ่งตามเดิม

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองไปทางองค์หญิงใหญ่ ไม่รู้ว่าเหตุใดองค์หญิงใหญ่จึงถามคำถามนี้ออกมา

หลูหนิงฮว่าก็ตะลึงเช่นเดียวกัน

“ต้องดูว่าใช้ทุกวันหรือไม่เจ้าค่ะ” หลูหนิงฮว่าได้สติจึงกล่าวขึ้น “หากใช้ทุกวัน ไม่เกินครึ่งปีก็คงมีอันตรายถึงชีวิต! ทว่า หากใช้สองสามวันครั้ง ภายในห้าปีอวัยวะภายในต้องเสื่อมแน่เจ้าค่ะ”

“อืม…” องค์หญิงใหญ่รับคำ ไม่รู้ว่านึกถึงสิ่งใด จู่ๆ ขอบตาของนางจึงร้อนผ่าว มือที่นับลูกประคำอยู่ชะงัก เงยหน้ามองไปทางหลูหนิงฮว่า หยัดแผ่นหลังตรง น้ำเสียงหนักแน่น “ฮ่องเต้ทรงงานหนักเพื่อแผ่นดินมามาก เมื่อพบคนที่ถูกใจอย่างชิวกุ้ยเหรินก็คงอยากปล่อยตัวตามสบายไปบ้างเป็นเรื่องธรรมดา หนิงฮว่ามีวิธีที่ทำให้พระองค์เสวยสุขตามพระทัยโดยที่ไม่ปวดพระเศียรบ้างหรือไม่”

ท่านย่าต้องการชีวิตของฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ

ไป๋ชิงเหยียนไม่เชื่อว่าเวลาเพียงไม่นานจะทำให้ท่านย่าเปลี่ยนความคิดจากการปกป้องฮ่องเต้แล้วหันมาเอาชีวิตของเขาแทนได้

หลูหนิงฮว่ากำมือแน่น หาก ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ นางก็จะได้ไม่ต้องกังวลว่าวันใดวันหนึ่งนางต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อไปปรนนิบัติรับใช้ฮ่องเต้อีกแล้ว

“หนิงฮว่าจะทำให้เต็มที่ที่สุดเจ้าค่ะ” หลูหนิงฮว่ารับปาก

แววตาขององค์หญิงใหญ่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก “ลำบากเจ้าแล้ว…”

หลูหนิงฮว่ารู้ว่าองค์หญิงใหญ่มีเรื่องจะสนทนากับไป๋ชิงเหยียนต่อ หญิงสาวทำความเคารพแล้วเดินจากไปพร้อมเจี่ยงหมัวมัว

แผ่นหลังที่หยัดตรงขององค์หญิงใหญ่ค่อยๆ ผ่อนคลายลง เอนกายพิงหมอนอิง สีหน้าส่อแววเหนื่อยล้า เอ่ยขึ้นช้าๆ “ฮ่องเต้ยิ่งอายุมากยิ่งขี้หวาดระแวง ในอดีตล้วนบันทึกว่าจักรพรรดิมักทำเรื่องผิดพลาดในช่วงบั้นปลายของชีวิต! แทนที่จะให้ฮ่องเต้นั่งอยู่บนบัลลังก์ต่อแล้วคอยหวาดระแวงตระกูลไป๋ของเรา มิสู้ให้องค์รัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์แทนดีกว่า องค์รัชทายาทไว้พระทัยเจ้ามาก พระองค์รับปากว่าจะคุ้มครองตระกูลไป๋ให้อยู่อย่างสงบสุขปลอดภัย”

ก่อนที่ไป๋ชิงเหยียนจะเดินทางไปหนานเจียง ท่านย่าเคยเจรจากับองค์รัชทายาทแล้ว ดูเหมือนครั้งนั้นองค์รัชทายาทจะรับปากกับท่านย่าว่าจะปกป้องคุ้มครองตระกูลไป๋ให้ปลอดภัย!

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าลงไม่ได้กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น

สายเลือดแห่งราชวงศ์หลินล้วนเหมือนกัน ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทก็ตาม…ตอนนี้องค์รัชทายาทยังไม่ได้ครอบครองบัลลังก์ เขาจำเป็นต้องได้ใจคน ดังนั้นเขาถึงดูใจกว้างกว่าฮ่องเต้

ทว่า หากองค์รัชทายาทได้ขึ้นครองบัลลังก์ ก็คงไม่ต่างอันใดจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน

เหมือนกับคำที่ฮ่องเต้เคยตรัสกับท่านปู่ของนางตอนที่พระองค์ได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทใหม่ๆ ทว่า เมื่อขึ้นครองราชย์ ฮ่องเต้กลับลืมมันไปหมดสิ้น

การเดินทางไปยังหนานเจียงทำให้ไป๋ชิงเหยียนมององค์รัชทายาทออกทะลุปรุโปร่ง หมดหวังกับคนผู้นี้อย่างสิ้นเชิง

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากคัดค้านท่านย่าอีก ระยะเวลาห้าปีเพียงพอสำหรับตระกูลไป๋แล้ว

“ท่านย่าจัดการเถิดเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะให้เล็กน้อย

“ดี” องค์หญิงใหญ่พยักหน้า มองดูหลานสาวตรงหน้าที่ไม่ได้สนิทสนมกับนางเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว นางหลับตาลง นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในหอทำพิธี ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะจรดพื้นเพื่อตัดขาดความสัมพันธ์กับนาง อีกทั้งคำกล่าวที่ว่าหากไม่ยอมตัดให้เด็ดขาดคงวุ่นวายภายหลัง!

แม้ความสัมพันธ์ทางสายเลือดไม่อาจตัดขาดกันได้ด้วยคำกล่าวเพียงคำเดียว ทว่า หลานสาวของนางเอาใจออกห่างนางไปแล้ว

องค์หญิงใหญ่ไม่เคยนึกมาก่อนเลยจริงๆ ตั้งแต่ที่นางแต่งงานกับไป๋เวยถิง นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและมีความสุขมาเกือบทั้งชีวิต นึกไม่ถึงเลยว่านางจะกลายเป็นหม้ายในช่วงบั้นปลายของชีวิตเช่นนี้

องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจยาว เอ่ยขึ้น “อาเป่ากลับไปพักผ่อนเถิด ย่าเองก็เหนื่อยแล้ว”

ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืนทำความเคารพ พอเดินออกมาจากห้อง หญิงสาวรู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงสะอื้นของท่านย่าดังแว่วออกมา ทว่า นางไม่ได้หันกลับไปมอง เดินก้มหน้าออกไปจากเรือนฉางโซ่วทันที

สามี บุตรชายและหลานชายล้วนเสียชีวิตอยู่ที่หนานเจียง ในฐานะคนเป็นภรรยา เป็นแม่และเป็นย่า ท่านย่าย่อมเกลียดเป็นธรรมดา ทว่า ในฐานะองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์หลิน นางทำได้เพียงเลือกปกป้องราชวงศ์

ไป๋ชิงเหยียนเดาได้ว่าท่านย่าเลือกใช้การตายของฮ่องเต้มาระงับความเกลียดชังที่อยู่ในใจของนาง

เช่นนี้ อำนาจของราชวงศ์หลินก็ยังคงอยู่ในมือของคนในราชวงศ์ ท่านย่าจะได้ระบายความโกรธเกลียดของตัวเองออกมาเพื่อบรรเทาบาดแผลความเจ็บปวดที่อยู่ในใจของตัวเอง

องค์หญิงใหญ่คือพระธิดาที่เกิดจากฮองเฮาของฮ่องเต้องค์ก่อน สิ่งที่นางสนใจไม่ใช่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แต่คืออำนาจของราชวงศ์หลิน

ไม่ว่าผู้ใดมาอยู่ในตำแหน่งเดียวกันองค์หญิงใหญ่ก็คงรู้สึกลำบากใจเช่นเดียวกัน

ทว่า ใต้หล้านี้มีผู้ใดไม่ลำบากบ้าง ท่านย่าเลือกที่จะเสียสละเพื่อปกป้องราชวงศ์หลินเอาไว้ เช่นนั้นก็ลิขิตแล้วว่าภายภาคหน้าต้องอยู่คนละฝ่ายกับนาง

ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากเรือนฉางโซ่วก็เห็นหลูหนิงฮว่ายืนอยู่หน้าเรือนราวกับกำลังรอนางอยู่ เมื่อเห็นนางเดินออกมา หลูหนิงฮว่าจึงก้าวเข้ามาทำความเคารพ “คุณหนูใหญ่!”

“ท่านอา” ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะทำความเคารพกลับ

“ข้าตั้งใจรอเดินกลับพร้อมกับคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ” หลูหนิงฮว่ากล่าวยิ้มๆ

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าพลางเดินไปพร้อมกับหลูหนิงฮว่า

“แม้หนิงฮว่าจะเป็นบุตรบุญธรรมขององค์หญิงใหญ่ ทว่า แท้จริงแล้วหนิงฮว่าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น” น้ำเสียงอ่อนโยนของหลูหนิงฮว่าค่อยๆ ดังขึ้น “องค์หญิงใหญ่มีบุญคุณต่อหนิงฮว่า หากหนิงฮว่ากล่าวสิ่งใดที่เป็นการล่วงเกินคุณหนูใหญ่ หวังว่าคุณหนูใหญ่จะไม่ถือสานะเจ้าคะ”

“ท่านอาว่ามาได้เลยเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ

“หนิงฮว่าไม่ทราบว่าองค์หญิงใหญ่และคุณหนูใหญ่มีเรื่องผิดใจอันใดกันหรือไม่ ทว่า องค์หญิงใหญ่รักและเอ็นดูคุณหนูใหญ่จากใจจริง สิ่งที่คนเราหวาดกลัวที่สุดคือการไม่ได้ทดแทนบุญคุณของบิดามารดาที่เลี้ยงเรามา หนิงฮว่ามีประสบการณ์มาก่อน ไม่ว่าภายภาคหน้าจะเป็นเช่นไร ทว่า ตอนนี้ท่านย่าที่รักและเอ็นดูคุณหนูใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ คุณหนูใหญ่อย่าทำให้ตัวเองเสียใจภายหลังเลยนะเจ้าคะ”

หลูหนิงฮว่ากล่าวจบก็ย่อกายทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “หนิงฮว่ากล่าวมากความไป คุณหนูใหญ่อย่าถือสานะเจ้าคะ”

“ข้าจะจำคำกล่าวของท่านอาไว้” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

“หากคุณหนูใหญ่ไม่มีอันใดแล้ว หนิงฮว่าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” หลูหนิงฮว่าก้มศีรษะเล็กน้อยพลางเอ่ยขึ้น

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า

เมื่อเห็นหลูหนิงฮว่าเดินจากไปไกลแล้ว ชุนเถาจึงเดินเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน กล่าวยิ้มๆ “แผ่นหลังของแม่นางหลูคล้ายกับแผ่นหลังของคุณหนูมากเลยเจ้าค่ะ”

ไม่ใช่เหมือนนาง แต่เหมือนท่านอาซู่ชิวต่างหาก

ไป๋ชิงเหยียนมองตามแผ่นหลังของหลูหนิงฮว่า มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกระชับแน่น

นั่นสินะ บัดนี้ท่านย่ายังมีชีวิตอยู่ เหตุใดนางต้องเสียใจกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นด้วย

ไป๋ชิงเหยียนหันกลับไปมองทางเรือนฉางโซ่วแวบหนึ่ง จากนั้นสั่งชุนเถา “เดี๋ยวให้บ่าวนำของว่างอ่อนๆ มาให้ท่านย่าด้วย”

แม้ไม่อาจกลับไปสนิทสนมกับท่านย่าได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ทว่า การเป็นห่วงเพียงเล็กน้อยก็ถือเป็นการแสดงความจริงใจจากหลานอย่างนางแล้ว

สิ่งที่องค์หญิงใหญ่ทำกับจี้ถิงอวี๋ยังติดอยู่ในใจของไป๋ชิงเหยียน นางไม่อาจแสร้งทำเป็นไม่สนใจได้