ตอนที่ 356 ทำลายชีวิตคน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 356 ทำลายชีวิตคน

วันที่ยี่สิบสอง เดือนสี่ หลูผิงกลับมาจากซั่วหยาง

จี้ถิงอวี๋บอกสิ่งที่ต้องการกับหลูผิงหมดแล้ว หลูผิงสั่งให้คนกระจายกันออกไปหาซื้อของตามเมืองต่างๆ จะได้ไม่เป็นที่สนใจในเมืองหลวงมากนัก

ทั้งสองตกลงกันว่าเมื่อส่งย้ายของไปซั่วหยางอีกครั้งในวันที่ยี่สิบหก เดือนสี่ ให้หลูผิงนำกำลังคนมาปล้นของที่จุดนัดพบตรงทางคดของภูเขาได้เลย

เช่นนี้ จี้ถิงอวี๋จะได้รับของที่ต้องการใช้อย่างเร่งด่วน อีกทั้งเป็นการทำให้ปัญหาโจรป่าน่ากลัวมากขึ้น ไป๋ชิงเหยียนจะได้มีข้ออ้างในการฝึกฝนทหารได้

หลูผิงกำลังรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในซั่วหยางในครั้งนี้ให้ไป๋ชิงเหยียนฟัง ไป๋จิ่นจื้อมาถึงอย่างรีบร้อนพอดี สาวน้อยได้ยินหลูผิงเล่าว่าประมุขไป๋จนปัญญาจึงขั้นต้องมาขอร้องหลูผิง ยอมให้แม้กระทั่งของมีค่า ไป๋จิ่นจื้อรู้สึกสะใจมาก

“ยอมแพ้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว!” ไป๋จิ่นจื้อแสยะยิ้มเย็น

“ข้ารับของมีค่าที่ประมุขไป๋มอบให้ไว้ทั้งหมดขอรับ เป็นทุนสำหรับจัดซื้อของในครั้งนี้พอดีขอรับ”

หลูผิงเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนที่มีสีหน้าราบเรียบ กำหมัดแน่นพลางกล่าวขึ้น “มีอีกเรื่องที่ต้องรายงานคุณหนูใหญ่ขอรับ หลังจากที่คุณหนูใหญ่และคุณหนูสี่จากมา นายอำเภอโจวนำคนไปจับกุมตัวทายาทตระกูลบรรพบุรุษที่ก่อความวุ่นวาย คืนวันที่ประมุขไป๋และผู้อาวุโสตระกูลไป๋เดินทางมายังเมืองหลวง…ทายาทของตระกูลไป๋สองสามคนดื่มเหล้าเมาหนัก ไปขอร้องให้นายอำเภอโจวปล่อยตัวคนออกมา ทว่า นายอำเภอโจวไม่อนุญาต คนพวกนั้นจึงอาละวาดโวยวายอยู่กลางถนนกล่าวว่าหากนายอำเภอโจวแน่จริงให้จับพวกเขาไปให้หมดเลย บุตรอนุของผู้เฒ่าห้าโยนเด็กน้อยของร้านขายดอกไม้คนหนึ่งจากสะพานลงไปในแม่น้ำ แม่ของเด็กกระโดดลงไปช่วย ปรากฏว่า…”

“เป็นอย่างไร” แววตาของไป๋ชิงเหยียนเยือกเย็น

หลูผิงกล่าวเสียงเบาหวิว “แม่ของเด็กคนนั้นช่วยลูกขึ้นไปไว้บนเรือได้ ทว่า ตัวนาง…”

ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดแน่น นึกถึงเด็กน้อยขายดอกไม้นามว่าหย่าเหนียงที่นางเคยพบตอนไปซั่วหยาง นางจำได้ว่าเด็กน้อยคนนั้นมีดวงตาสีดำที่ใสบริสุทธิ์ เป็นเด็กว่าง่าย ไม่คดโกง และผูกพันธ์กับผู้เป็นมารดามาก

“เด็กคนนั้นนามว่า…หย่าเหนียงใช่หรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม

หลูผิงพยักหน้า

ไป๋ชิงเหยียนเดือดดาลเป็นอย่างมาก แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร

“ต่อมาเล่า นายอำเภอโจวจัดการอย่างไร”

“ไป๋ชิงผิงหลายชายของประมุขไป๋ไปฟ้องร้องนายอำเภอโจว ขอให้เขามาจับกุมตัวคน นายอำเภอโจวกุมขังคนเหล่านั้นไว้แล้วขอรับ เดิมทีไป๋ชิงผิงอยากรับเด็กหย่าเหนียงไปเลี้ยงดูที่ตระกูลไป๋ ทว่า เด็กน้อยต่อต้านไม่ยอมไป ไป๋ชิงผิงจึงฝากให้เพื่อนบ้านช่วยเลี้ยงดู อีกทั้งให้เงินเป็นค่าดูแลหย่าเหนียงขอรับ”

หลูผิงกล่าวเสียงหนักแน่น เขาไม่ได้รายงานว่าก่อนกลับมาเขาก็นำเงินไปให้หญิงชราใจดีซึ่งเป็นเพื่อนบ้านเช่นกัน อย่างไรซะก็เป็นความผิดของตระกูลบรรพบุรุษไป๋ หลูผิงเองก็รู้สึกผิดเช่นเดียวกัน

ไป๋ชิงเหยียนกำถ้วยชาในมือแน่นจนได้ยินเสียงแตกร้าวของหยกขาว

ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชาในมือลง นิ้วมือขาวซีด โทสะเดือดพล่านอยู่ในใจ

ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ทำเรื่องชั่วช้าเลวทรามยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!

ไป๋ชิงเหยียนหลับตาลง การเลือกประมุขผิดทำให้ตระกูลบรรพบุรุษต้องล่มจม

“หย่าเหนียง? เด็กน้อยขายดอกไม้ผู้นั้นหรือเจ้าคะ”

ไป๋จิ่นจื้อยังไม่ลืมเด็กน้อยที่ไม่ยอมรับเงินจากเซียวหรงเหยี่ยน

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า ไป๋จิ่นจื้อเดือดดาลทันที

“ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ไม่เพียงเหิมเกริม แต่ยังโง่จนน่าสมเพช พี่หญิงใหญ่เตือนพวกเขาไปแล้วครั้งหนึ่ง พวกเขายังกล้าทำตัวเช่นนี้ กล้าทำลายชีวิตคนเชียวหรือ!”

“คนในตระกูลทำผิดคนหนึ่งอาจโทษว่าเป็นที่คนผู้นั้นคนเดียว หากทำผิดสองคน..อาจโทษได้ว่าไม่เอาไหน ทว่า หากทำผิดหลายคนถึงเพียงนี้…ล้วนเป็นความผิดของประมุข!” แววตาของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยความอาฆาต

“ถึงเวลาเปลี่ยนตัวประมุขคนใหม่แล้ว”

“ตอนนั้นท่านปู่ไม่ควรไว้หน้าประมุข ถ้าตอนนั้นให้ท่านลุงสอง ท่านพ่อข้า ท่านอาสี่หรือท่านอาห้ารับตำแหน่งประมุขแทน ตอนนี้พวกเราอาจรักษาสายเลือดของตระกูลไป๋เอาไว้ได้ ตระกูลบรรพบุรุษก็คงไม่เสื่อมโทรมถึงเพียงนี้ ดูสิว่าตอนนี้ตระกูลบรรพบุรุษทำเรื่องเน่าเฟะเช่นใดออกมาบ้าง!”

ไป๋จิ่นจื้อโมโหจนหายใจรุนแรง หากไม่ใช่เพราะตอนนี้นางอยู่ไกลถึงเมืองหลวง นางจะฟาดแส้ใส่สัตว์เดรัจฉานพวกนั้นจนดูไม่ได้เลย

“นอกจากไว้หน้าประมุขแล้ว ท่านปู่ยังยึดมั่นในคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับฮ่องเต้ เพราะคำหลอกลวงที่ต้องการทำให้ใต้หล้าสงบสุขของคนผู้นั้น ท่านปู่พาทายาทตระกูลไป๋ไปออกรบทั้งหมดโดยไม่เหลือทางรอดให้ตระกูลไป๋แม้แต่น้อยก็เพื่อต้องการสร้างทหารแกร่งให้ฮ่องเต้ไว้ใช้ในภายภาคหน้า”

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองหลูผิง พยายามข่มอารมณ์โกรธที่อยู่ในใจ

“ลุงผิงรีบส่งคนกลับไปซั่วหยางบอกนายอำเภอว่าห้ามผ่อนปรนให้ตระกูลบรรพบุรุษไป๋เด็ดขาด หากเขากล้าทำก็แสดงว่าต้องการเป็นศัตรูกับข้า ไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางปล่อยไปแน่ จะทำให้ตระกูลของเขาไม่ได้เป็นขุนนางอีกเลย ฝังศพของมารดาหย่าเหยียงอย่างสมเกียรติ สั่งให้คนดูแลหย่าเหนียงให้ดี เมื่อกลับไปอยู่ซั่วหยางข้าจะรับหย่าเหนียงมาอยู่จวนบรรพบุรุษ”

“ขอรับ!” หลูผิงกำหมัดรับคำ

“พี่หญิงใหญ่ให้ลุงผิงกล่าวกับนายอำเภอโจวเช่นนี้เพราะต้องการจัดการตระกูลบรรพบุรุษล่วงหน้าแล้วหรือเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อขมวดคิ้วถาม “ทว่า หากพี่หญิงใหญ่กลับไปซั่วหยางแล้วหลี่เม่าเกิดลงมือพอดีจะทำเช่นไรเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ “เมืองหลวงมีพี่หญิงรองและท่านย่าของเจ้าอยู่ ไม่มีทางเกิดอันใดขึ้นหรอก เดิมทีพี่จะรอให้ท่านแม่และท่านอาสะใภ้กลับไปยังซั่วหยางก่อนแล้วค่อยจัดการทีเดียว ทว่า ตอนนี้ดูเหมือนจะรอช้าไม่ได้แล้ว”

ไป๋ชิงเหยียนเติบโตมากับท่านย่า นางรู้ดีกว่าผู้ใดว่าท่านย่าเป็นคนเช่นไร

หลี่เม่าลงมือเพื่อหยั่งเชิงเท่านั้น เรื่องแค่นี้ท่านย่ารับมือได้อยู่แล้ว

ทว่า ไป๋จิ่นจื้อยังไม่คลายกังวล พี่หญิงรองกำลังตั้งครรภ์ ส่วนท่านย่า…ไป๋จิ่นจื้อไม่อยากเชื่อใจอีกแล้ว

ไป๋จิ่นจื้อกำหมัดแน่น “พี่หญิงใหญ่ ให้ข้ากลับไปซั่วหยางดีหรือไม่เจ้าคะ อย่างน้อยข้าก็เป็นเซี่ยนจู่ พอมีอำนาจอยู่บ้าง ข้าอดเป็นห่วงทางนี้ไม่ได้จริงๆ เจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันแน่น ส่ายหน้า “เรื่อของตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่ซั่วหยางสำคัญกว่า หากปล่อยตระกูลบรรพบุรุษต่อไป ไม่รู้ว่าชาวบ้านจะเดือดร้อนอีกสักเท่าใด ที่สำคัญหลี่เม่าต้องการหยั่งเชิงพี่ หากพี่ไม่อยู่ เขาไม่มีทางลงมือแน่ เสี่ยวซื่อ เจ้ารีบกลับไปเตรียมตัว เราจะเดินทางกลับซั่วหยางในวันที่ยี่สิบสี่”

“พี่หญิงใหญ่ เหตุใดเราไม่รอเดินทางไปพร้อมขบวนส่งของกลับไปซั่วหยางในวันที่ยี่สิบหกเล่าเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อเอ่ยถาม

“วันที่ยี่สิบหกลุงผิงมีงานสำคัญนอกเหนือจากการขนย้ายของไปยังซั่วหยางต้องทำ หากเราตามไปด้วยจะเป็นภาระเสียเปล่าๆ พวกเราเดินทางล่วงหน้าไปพร้อมองครักษ์ก่อน เมื่อจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จจะได้กลับมารับท่านแม่และบรรดาท่านอาสะใภ้พร้อมกับขบวนขนย้ายของพอดี”

ไป๋ชิงเหยียนวางแผนเรียบร้อยจึงลุกขึ้นยืน “พี่จะไปเรียนให้ท่านย่าทราบ เสี่ยวซื่อไปเตรียมตัวเถิด”

ภายในเรือนฉางโซ่ว เมื่อองค์หญิงใหญ่ได้ยินเรื่องที่ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ทำก็โมโหเดือดดาลเป็นการใหญ่ นางคลำลูกประคำ “เจ้ากลับไปจัดการตระกูลบรรพบุรุษไป๋ให้เด็ดขาดตอนที่พวกเขากำลังก่อเรื่องใหญ่เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน!”