บทที่ 405 แก้แค้น!

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

คำพูดนี้จบลง ฮั่วเฉิงเลี่ยงก็แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง

เขาตกตะลึงไปสักพัก รอยยิ้มบนใบหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติอีกต่อไป : “จื่ออี้ คุณพูดอะไรอยู่?”

“เป็นฉันเองที่ทำ อีกทั้งถ้าไม่เกิดการผิดพลาดอะไร หลังจากที่เปิดตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้ Huo Groupก็จะป็นของฉัน” หันจื่ออี้กล่าวอย่างเรียบๆ

“จื่ออี้——” ฮั่วเฉิงเลี่ยงยังคงไม่อยากจะเชื่อ : “ฉันมีลูกสาวสองคนคือชิงชิงกับเหมียวเหมี่ยว คุณแต่งงานกับชิงชิงไปแล้ว ในอนาคต Huo Group ครึ่งหนึ่ง เป็นธรรมดาที่จะเป็นของคุณ……หรือว่า คุณอยากได้ Huo Group ทั้งหมดเลยใช่ไหม?”

หันจื่ออี้มองเขา แล้วยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา : “ไม่หรอก ฉันไม่ได้สนใจ Huo Groupเลย!”

อย่างนั้นคุณ……” ฮั่วเฉิงเลี่ยงไม่เข้าใจ ไม่ใช่เพื่อเงิน อย่างนั้นจะเพื่ออะไร? ในตอนนั้นที่หันจื่ออี้ช่วยลูกสาวของตนเอง เขารู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก ก็เลยเชื่อมั่นในตัวของหันจื่ออี้!

“คุณฮั่ว ไม่รู้ว่าคุณรู้จักผู้หญิงท่านหนึ่งที่ชื่อว่าชิวหย่าเจี๋ยไหม?” หันจื่ออี้มองตรงเข้าไปในดวงตาของฮั่วเฉิงเลี่ยง โดยไม่พลาดร่องรอยการแสดงออกของเขาเลยแม้แต่น้อย

เป็นไปอย่างที่คิด เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของฮั่วเฉิงเลี่ยงก็แข็งทื่อ

ผ่านไปสองสามวินาที เขาก็แสดงออกอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ : “จื่ออี้ ฉันไม่เข้าใจว่าคุณพูดอะไรอยู่!”

“คนขับรถของคุณ เขาบอกหมดแล้ว” หันจื่ออี้มองศัตรูตรงหน้า สายตาที่ดุร้ายและเกลียดชังค่อยๆเผยออกมาทีละน้อยๆ : “ฉันคือลูกชายของชิวหย่าเจี๋ย”

“อะไรนะ?!” ฮั่วเฉิงเลี่ยงมองหันจื่ออี้อย่างตกตะลึง ก่อนหน้านี้เขามักจะพูดเสมอว่าเขาเป็นเด็กกำพร้า และพ่อแม่ของเขาป่วยจนเสียชีวิตตั้งแต่เขาอยู่มัธยมศึกษา ต่อมาก็ได้รับทุนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Latitude Technology ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ

เรื่องราวเหล่านี้ เขาก็ไม่เคยคิดว่าหันจื่ออี้จะโกหก ถึงอย่างไรทุกๆคนก็รู้ เรื่องที่เขาเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Latitude

อีกอย่างเขาก็เชื่อใจหันจื่ออี้มาตลอด ดังนั้นเดิมทีก็ไม่เคยส่งใครไปตรวจสอบภูมิหลังของเขาที่หนิงเฉิงเลย แต่คาดไม่ถึงว่า……

“ฉะนั้น คุณจึงมาตามหาฉันเพื่อที่จะแก้แค้นใช่ไหม?” ฮั่วเฉิงเลี่ยงมองหันจื่ออี้ เกิดอารมณ์สับสนยุ่งเหยิงขึ้นมาในจิตใจ

ในตอนนั้นเขาออกไปปฏิบัติงานนอกสถานที่ที่หนิงเฉิง พอดีว่าฝนตก จึงได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งหนีออกมาจากบ้านอย่างตกที่นั่งลำบาก แต่วิ่งได้ไม่กี่ก้าวก็เป็นหมดสติล้มลงไปกับพื้น ในตอนนั้นเขาหวังดี จึงช่วยชีวิตผู้หญิงคนนั้นไว้

แต่เมื่อเขาส่งเธอไปโรงพยาบาลแล้ว จึงพบว่าผู้หญิงคนนี้รูปร่างหน้าตาค่อนข้างสะสวย ยิ่งไปกว่านั้นคาดไม่ถึงว่าจะถูกสามีของเธอทำร้ายร่างกาย!

ผู้หญิงคนนั้นเป็นไข้อยู่หลายวัน เขาไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมเธอตลอด เดิมทีก็แค่สงสารและเห็นใจ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่เห็นเธอยืนอยู่ตรงหน้าต่างที่ยาวจรดพื้น มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างทุกข์ระทมใจ จู่ๆหัวใจของเขาก็เหมือนมีแรงกระตุ้นขึ้นมา

การแต่งงานของเขา เป็นการแต่งงานของตระกูลที่ร่ำรวย เขามีความรับผิดชอบต่อภรรยาเท่านั้นแต่ไม่ได้มีความรักใดๆ

แต่การปรากฏตัวของชิวหย่าเจี๋ย ดูเหมือนจะจุดประกายชีวิตที่ขาวดำของเขาให้สว่างไสวขึ้น เขาไม่เคยสงสารใครขนาดนี้ แล้วก็ไม่เคยต้องการใครมากเท่านี้มาก่อน

ฉะนั้นวันนั้นที่เธอออกจากโรงพยาบาล เขาจึงไปพูดคุยกับเธอ ปรารถนาให้เธอทิ้งสามีของเธอซะ แม้ว่าเขาจะให้สถานะกับเธอไม่ได้ แต่ว่าเขาสามารถปกป้องเธอได้

แต่เธอฟังแล้ว ก็ถามเขาตรงๆว่ามีครอบครัวแล้วใช่ไหม

เขาจึงจำใจยอมรับ เธอก็เลยปฏิเสธ แล้วบอกว่าตนเองไม่สามารถไปทำลายความสุขของครอบครัวคนอื่นได้ และบอกกับเขาว่าต่อไปนี้อย่าได้มาหาเธออีก

เขาจากไปด้วยความโกรธ แต่หลังจากกลับไปถึงเมืองไห่หลิน ทุกๆวันก็ฝันเห็นแต่ภาพเธอ

หลังจากนั้น เขาโทรไปหาเธอ แต่เธอก็ปฏิเสธไม่รับสาย เขาไปตามหาเธอ เธอก็บอกว่าเธอไม่รู้จักเขา

เธอเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างนี้ กลับทำให้เขามุ่งมั่นที่อยากจะเอาชนะให้ได้

ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดหาวิธีอื่น หันไปให้ความสนใจพ่อของหันจื่ออี้แทน

ใครจะรู้ว่า ผู้ชายคนนั้นก็เป็นแค่คนไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวคนหนึ่ง นับตั้งแต่ทำธุรกิจประสบความล้มเหลวครั้งนั้น ก็เมาหัวราน้ำทุกวันแล้วก็ติดการพนันจนเป็นนิสัย

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงทำการวางกับดัก ทำให้ชายคนนั้นติดหลุมพราง จนติดเงินการพนันเป็นจำนวนมาก

เขาคิดว่า เมื่อนำตระกูลหันให้จมดิ่งลงไปสู่ภาวะที่ตกอับแล้ว เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ชิวหย่าเจี๋ยก็ต้องยอมจำนนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับบอกว่า ในตอนนั้นแม่ของเธอก็ถูกเมียน้อยฆ่าตาย ดังนั้นเธอจึงยอมอดตายดีกว่ายอมจำนนต่อเขา!

เขาทั้งเสียใจ ทั้งโกรธแค้น ดังนั้นจึงนำความเคียดแค้นทั้งหมดไประบายกับพ่อของหันจื่ออี้ โดยการเร่งรัดให้เจ้าหนี้เงินกู้ไปทวงเงินพ่อหัน แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันในระหว่างการต่อสู้ ทำให้ชิวหย่าเจี๋ยได้รับบาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ

เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกลุ่มอันธพาลเหล่านั้นก็หนีหายไปกันหมด แต่พ่อของหันจื่ออี้ก็เป็นคนเลวจริงๆ ภรรยาของตนเองนอนหมดสติจมกองเลือดอยู่ เขากลับไม่สนใจไยดี ยังคงนั่งดื่มเหล้าของตนเองต่อ

ในที่สุด เมื่อฮั่วเฉิงเลี่ยงได้ยินข่าวก็รีบตามมา แล้วให้คนส่งชิวหย่าเจี๋ยไปโรงพยาบาล แต่เธอเกิดภาวะสมองตายไปแล้วการช่วยชีวิตจึงไม่เป็นผล

เขาได้เห็นผู้หญิงอันเป็นที่รักจากไป ก็เหมือนกับคนคลุ้มคลั่ง เขาตรงไปยังบ้านของหันจื่ออี้ แล้วฆ่าพ่อของหันจื่ออี้ด้วยมือของตนเอง

แต่เวลานั้น หันจื่ออี้เข้ามหาวิทยาลัย จึงไม่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด ถึงแม้ว่าตระกูลฮั่วจะไม่ได้มีอิทธิพลอะไรในหนิงเฉิง แต่เพราะว่ามีเงิน ฉะนั้นจึงจัดฉากว่าสองสามีภรรยาทะเลาะกันแล้วฆ่าตัวตาย เรื่องราวทั้งหมดจึงถูกฝังเอาไว้ตลอดมา!

เวลานี้ ฮั่วเฉิงเลี่ยงมองหันจื่ออี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน จึงพบว่า หน้าตาของหันจื่ออี้คล้ายกันกับชิวหย่าเจี๋ยจริงๆ

เพียงแต่หันจื่ออี้เป็นผู้ชาย โดยปกติชอบออกกำลังกาย ดังนั้น จึงมีผิวสีแทนสุขภาพดี ดูแล้วความหล่อเหลาลึกซึ้ง ได้ซ่อนความคล้ายคลึงเหล่านั้นเอาไว้

“จื่ออี้ เรื่องในตอนนั้น เป็นความผิดของฉันจริงๆ” ฮั่วเฉิงเลี่ยงรู้ว่า เรื่องราวมาถึงตอนนี้แล้ว จะพูดอะไรก็สายไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เขาที่บีบบังคับตระกูลหัน ชิวหย่าเจี๋ยจะตายได้อย่างไร? แล้วหันจื่ออี้จะกลายเป็นเด็กกำพร้าได้อย่างไร?!

“เหอะๆ ประโยคที่พูดว่าเป็นความผิดของคุณประโยคเดียว มันจะสามารถลบล้างเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อนของคุณได้งั้นเหรอ?!” หันจื่ออี้มองศัตรูที่อยู่ตรงหน้าด้วยดวงตาที่แดงก่ำ : “คุณรู้บ้างไหมว่า แม่ของฉันไม่เคยมีช่วงวันเวลาที่ดีเลยสักวัน! ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก ไม่มีความสามารถที่จะปกป้องดูแลเธอได้! ในที่สุดฉันก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ในตอนนั้นอยู่ปีสอง ฉันพยายามดิ้นรนหาเงินอย่างสุดชีวิต ตลอดระยะเวลาที่ขยันหมั่นเพียร ก็เพื่อพาแม่ของฉันออกมาจากในนรกนั่น?! ในทันใดที่เธอทนความทุกข์ทรมานมาถึงที่สุด แต่ก็เป็นเพราะคุณ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องพังพินาศไปหมด!”

“ฉันผิดเองทั้งหมด ฉันต้องขอโทษคุณ ขอโทษหย่าเจี๋ย!” ในดวงตาของฮั่วเฉิงเลี่ยงก็เปียกชื้น หลายปีมานี้ น้อยมากที่เขาจะหลับลงอย่างสงบสุข เขามักจะฝันถึงผู้หญิงที่ดื้อดึงคนนั้น ภาพด้านหลังที่เงียบเหงาโศกเศร้านั้น

“คุณฮั่ว ในเมื่อคุณรักแม่ของฉันขนาดนี้ แล้วตอนที่แม่ของฉันตายเพราะคนของคุณ ทำไมคุณถึงไม่เชือดคอฆ่าตัวตายไปซะล่ะ?” หันจื่ออี้เดินทีละก้าวๆไปยังตรงหน้าฮั่วเฉิงเลี่ยง : “คุณที่เป็นฆาตกร หลายปีมานี้ กลับนั่งเสวยสุขบนกองเงินกองทอง แต่แม่ของฉัน กลับอยู่ในนรกที่เย็นเยือก และต้องพัวพันอยู่กับพ่อปีศาจคนนั้นของฉัน!”

ฮั่วเฉิงเลี่ยงก้าวถอยหลังทีละก้าวๆ : “จื่ออี้ ขอโทษนะ! ถ้าคุณต้องการHuo Group ฉันจะยอมให้คุณแต่โดยดี ฉันรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้มันไม่มีทางชดเชยได้ แต่หลายปีมานี้ ฉันก็ไม่เคยมีความสุขเลยจริงๆ! ถึงแม้ฉันจะอยู่บนกองเงินกองทอง แต่เมื่อไม่มีใครมาร่วมแบ่งปันความสุข มันสู้คู่สามีภรรยาทั่วๆไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”

“Huo Groupงั้นเหรอ? เหอะๆ!” หันจื่ออี้หัวเราะเยาะ : “ตอนนี้ฉันเป็นทายาทของlatitude คุณคิดว่า Huo Groupเล็กๆแบบนี้ฉันจะสนใจไหม? ฮั่วเฉิงเลี่ยง ที่ฉันเอาHuo Groupทั้งหมด ก็เพราะว่า ฉันอยากให้คุณตายตาไม่หลับไง! วันนั้นที่คุณตาย ก็คือวันที่ฉันได้Huo Group คุณว่า สำหรับคุณแล้ว มันเป็นการดูถูกมากเลยใช่ไหมล่ะ?!”

“จื่ออี้ คุณอยากฆ่าฉันด้วยตัวเองเหรอ?” ฮั่วเฉิงเลี่ยงมองลูกเขยที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งกับสิ่งที่ตนเองทำลงไปในตอนนั้น

เขาเคยผิดพลาดไปแล้วครั้งหนึ่ง และไม่อยากเกิดความขัดแย้งกับลูกชายของชิวหย่าเจี๋ยเพราะเรื่องราวในตอนนั้นอีก แล้วก็ไม่อยากให้มือของหันจื่ออี้ต้องเปื้อนเลือดด้วย

“ทำไม ฮั่วเฉิงเลี่ยง คุณกลัวเหรอ?” อารมณ์ของหันจื่ออี้ถูกจุดไฟ : “ในตอนนั้นที่คุณทำให้แม่ฉันต้องตาย ทำไมถึงไม่คิดล่ะว่า เธอยังมีลูกชายอีกคน!”

ฮั่วเฉิงเลี่ยงรู้ว่าชิวหย่าเจี๋ยมีลูกชาย แต่ตอนนั้นชิวหย่าเจี๋ยจงใจบอกว่าลูกยังเล็กมาก อยู่ที่บ้านเพื่อน อาจเพราะกลัวว่าเขาจะหาหันจื่ออี้เจอ แล้วพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดกับหันจื่ออี้!

อีกอย่าง ในตอนนั้นชิวหย่าเจี๋ยอายุสามสิบกว่าแล้ว แต่มองดูแล้วเหมือนอายุแค่ยี่สิบห้ายี่สิบหก เขาก็คงไม่เชื่อว่าในตอนนั้นเธอจะมีลูกชายเรียนถึงมัธยมแล้ว

“จื่ออี้——” ชั่วพริบตาฮั่วเฉิงเลี่ยงก็คล้ายกับชราลงไปอย่างมาก เขาหันตัวกลับ หยิบซองใส่เอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากในลิ้นชัก : “ฉันไม่ได้กลัวตาย และจริงๆแล้วคุณก็ไม่จำเป็นต้องสละตัวเองเพื่อการแก้แค้นหรอก เพราะเดิมที ฉันก็ใกล้จะตายอยู่แล้ว”

รูม่านตาของหันจื่ออี้หดแคบลงทันที เปิดซองเอกสาร คาดไม่ถึงว่าด้านในจะเป็นผลรายงานการวินิจฉัยโรค

“ฉันเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย” ฮั่วเฉิงเลี่ยงพูดอย่างห่อเหี่ยว : “แต่พอดีHuo Groupเกิดเรื่อง ฉันจึงกลัวว่าราคาหุ้นจะตกลงไปอีก ดังนั้นจึงไม่ได้บอกใครทั้งนั้น หมอบอกว่า อย่างมากสุดฉันก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสามเดือน บางที เดือนเดียวก็อาจจะไม่ถึงด้วยซ้ำ……จื่ออี้ คุณยังอายุน้อย ไม่จำเป็นต้องฆ่าฉันหรอก มันเกินความจำเป็นเกินไป”

หันจื่ออี้มองผลการรายงานอย่างตกตะลึง มือของเขาสั่นอย่างรุนแรง

ตั้งแต่ต้น เขามุ่งมั่นมาโดยตลอด จู่ๆ กลับถูกผลการรายงานนี้พังทลายลง! เช่นนั้น ความเจ็บปวดของเขา ความไม่รู้อีโหน่อีเหน่ของแม่ ใครจะเป็นคนชดใช้?!

มีสิทธิ์อะไร ฮั่วเฉิงเลี่ยงมีชีวิตที่มั่นคงปลอดภัยมาหลายปีขนาดนี้ แต่แม่ของตนเองกลับไม่เคยได้มีความสุขเลยแม้แต่วันเดียว!

อีกอย่าง ถ้าไม่ใช่เรื่องราวในตอนนั้น เขาก็คงไม่ต้องจากประเทศของเขาไปไกล แล้วก็ไม่ต้องถูกบีบบังคับให้เลิกกับหลานเสี่ยวถาง!

ถึงอย่างไรแม่และเขาก็ผ่านพ้นมาได้หลายปีแล้ว ต้องการเพียงแต่ยืนหยัดอีกสองปีสั้นๆ สองปี ก็จะหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานแล้ว!

หน้าอกของเขาแปรปรวนขึ้นมาอย่างรุนแรง ในดวงตาแดงฉาน หันจื่ออี้ดึงคอเสื้อของฮั่วเฉิงเลี่ยง ยกมือขึ้นแล้วต่อยเข้าไปอย่างรุนแรง!

ฮั่วเฉิงเลี่ยงไม่ได้หลบเลี่ยง ยืนรับอย่างเด็ดเดี่ยว แต่ที่มุมปากมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา

เสียงของฮั่วเฉิงเลี่ยงสั่นเครือเล็กน้อย : “จื่ออี้ เรื่องราวในปีนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันก็ใกล้จะตายแล้ว ถ้าฉันได้พบแม่ของคุณ……”

“ไม่ต้องไปรบกวนแม่ของฉัน!” หันจื่ออี้แทบจะตะโกนออกมา!

และห้องข้างๆ ฮั่วชิงชิงที่หลับสนิทอยู่จู่ๆก็ตกใจตื่นขึ้นมา เธอลืมตา

“ฉันก็ไม่มีหน้าไปเจอเธอหรอก” ฮั่วเฉิงเลี่ยงรู้สึกว่าร่างกายของตนเองเริ่มจะไม่ไหวแล้ว เขามองหันจื่ออี้ : “ฉันรู้ว่าฉันไม่มีคุณสมบัติพอ แต่ฉันยังอยากขอร้องคุณอีกเรื่องหนึ่ง จื่ออี้ ชิงชิงไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ฉันขอร้อง คุณอย่าทำร้ายเธอเลยนะ!”

ได้ยินชื่อของฮั่วชิงชิง หัวใจของหันจื่ออี้ก็รู้สึกหดหู่

จริงๆแล้วเขาไม่อยากที่จะทำร้ายเธอ เพราะความแค้นของเขากับฮั่วเฉิงเลี่ยงไม่ช้าก็เร็วมันจะต้องจบสิ้นลง และที่เขาแต่งงานกับฮั่วชิงชิง ก็ได้ใช้เธอให้เป็นประโยชน์แล้ว ที่ทำให้ฮั่วเฉิงเลี่ยงลดความระแวดระวังลง

ดังนั้นเขาจึงไม่ได้แตะต้องเธอ เพราะคิดว่า ถ้าเธอไม่ยอมให้อภัยเขา และเลือกที่จะจากไปแล้วล่ะก็ อย่างน้อยเธอก็จะไม่สึกหรออะไร

เขาจะนำตัวเลือกสุดท้ายนี้ มอบให้กับเธอ