บทที่ 397 เนี่ยแหละอภิสิทธิ์ของคนมีเงิน!
บทที่ 397 เนี่ยแหละอภิสิทธิ์ของคนมีเงิน!
ซูอันรู้สึกสงสัยมากจริง ๆ ว่า ชิวฮัวเล่ย คนนี้งดงามมากขนาดไหนกันถึงสามารถทำให้ผู้ชายหลายคนคลั่งไคล้ได้ขนาดนี้?
แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องพูดถึงจี้เติ้งถู ตาเฒ่าหื่นคนนั้น
แต่แม้กระทั่งฉู่ฮงไฉ ชายผู้แสนเย็นชาและเงียบสงบคนนี้ก็ดูจะเป็นแฟนคลับตัวยงไปซะแล้ว
ทั้งสามคนรีบไปที่หอสุขนิรันดร์ แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่เคยขี่ม้ามาก่อน แต่เขาก็สามารถเรียนรู้ได้จากการเฝ้าดูคนอื่น ๆ อีกทั้งตัวเองยังเป็นผู้บ่มเพาะ ดังนั้นการรักษาสมดุลของร่างกายจึงไม่ยากเกินไป
ระหว่างทาง ฉู่ฮงไฉและฉู่อวี้เฉิงพยายามหาโอกาสที่จะถามเขาเกี่ยวกับอาการของฉู่ชูเหยียน
ซูอันตระหนักดีถึงความพยายามของพวกเขาและแกล้งทำเป็นไม่สนใจ
ในไม่ช้าทั้งหมดก็มาถึงถนนที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมลึกลับ
ฉู่อวี้เฉิงขยิบตาให้ซูอัน แต่ดวงตาเล็ก ๆ ของเขาซึ่งฝังอยู่ในใบหน้าที่อ้วนท้วนมากเกินไปก็ทำให้สังเกตได้ยาก “ที่นี่คือ ถนนสุขสวรรค์! ถนนเส้นนี้ไม่ได้มีเพียงแค่หอสุขนิรันดร์! มันยังมีหอคณิกาต่าง ๆ กว่าร้อยแห่ง มันเป็นสวรรค์ของมนุษย์เดินดิน ไม่ใช่แค่ในนามแต่ในความเป็นจริงด้วย!”
“กว่าร้อยแห่ง?” ซูอันตกตะลึง เมืองจันทร์กระจ่างมีสถานบันเทิงเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?
แม้ว่าเมืองจันทร์กระจ่างจะเป็นเมืองใหญ่ แต่ก็ยังดูอ่อนด้อยเมื่อเทียบกับมหานครระดับนานาชาติในโลกที่แล้ว ผู้คนส่วนใหญ่ยังเป็นสามัญชนที่ยากจนและมีรายได้ไม่มากนัก ด้วยเหตุนี้จะมีลูกค้าเพียงพอสนับสนุนธุรกิจมากขนาดนี้ได้ยังไง?
ฉู่ฮงไฉพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “เมืองจันทร์กระจ่าง เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงและคึกคัก แถมยังเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าสำหรับเมืองอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เราสามารถผลิตเกลือ และเหล็กกล้าได้เป็นอันดับต้น ๆ ทั้งยังเป็นเมืองที่มีประชากรมากมายรวมถึงคนรวยและมีชื่อเสียงที่ทุกคนรู้จักกันดี
“เมืองจันทร์กระจ่างไม่เพียงแต่จะมีประชากรจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยเส้นทางการค้าที่ไม่มีที่สิ้นสุดจากสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งทำให้อาชีพทุกประเภทเติบโต ทั้งยังสร้างสัญญาณแห่งความเจริญรุ่งเรืองทำให้เมืองนี้กระจ่าง…สมชื่อจันทร์กระจ่าง”
คำอธิบายของเขา ทำให้ซูอันเข้าใจคร่าว ๆ สถานที่แห่งนี้เหมือนกับเมืองหยางโจวของจีนโบราณนั่นเอง
ด้วยเงินแสนเหรียญ เราจึงขี่นกกระเรียนไปยังหยางโจว
เป็นสถานที่ที่คนโบราณหลายคนใฝ่ฝัน
เมืองจันทร์กระจ่างก็เจริญเช่นเดียวกันกับหยางโจว
ชายหนุ่มกวาดสายตาไปรอบ ๆ ถนน และแน่นอนว่าเขาเห็นอาคารสีสดใสที่มีรูปร่างและสีต่างกันมากมาย มีสาวน้อยหลายคนในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยซึ่งเผยให้เห็นเรือนร่างของพวกนางครึ่งหนึ่ง บางคนปิดปากหัวเราะคิกคัก และหลาย ๆ คนกล้าแสดงออกอย่างไม่เกรงกลัวใคร… วิธีการดึงดูดลูกค้าของพวกนางนั้นหลากหลายและน่าอัศจรรย์จริง ๆ
ฉู่อวี้เฉิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่คึกคักว่า “แม้แต่อากาศก็ยังเต็มไปด้วยกลิ่นหอมที่เย้ายวน กลิ่นหอมนี้จะต้องเป็นกลิ่นหอมของสาว ๆ ที่นี่ แน่นอน…สถานที่แห่งนี้เป็นสวรรค์ของผู้ชายจริง ๆ!”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เจ้าแน่ใจเหรอว่าไม่ใช่แค่กลิ่นของเครื่องสำอาง?”
ปกติแล้วเจ้าอ้วนคนนี้ดูค่อนข้างสุภาพและน่ารักใคร่ ใครจะคิดว่าจริง ๆ แล้วเขาจะเป็นชายมากประสบการณ์ในเรื่องนี้?
ฉู่อวี้เฉิงรู้สึกเหมือนถูกรัดคอ
ชายอ้วนรู้สึกว่ามีเลือดร้อนพุ่งพล่านในร่างกายและความปรารถนาอันแรงกล้าที่แผดเผาภายในตัวเขาก็พร้อมที่จะจุดไฟเผาสถานที่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คำพูดของซูอันก็ทำให้เขาถึงกับสำลักและกลืนคำพูดอื่น ๆ ลงคอไปจนหมด
ซูอันใช้โอกาสนี้ที่ฉู่อวี้เฉิงกำลังอ้ำอึ้ง สำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวให้ละเอียดมากกว่าเดิม แม้ว่าถนนสุขสวรรค์นี้จะเต็มไปด้วยหอคณิกา แต่ดูเหมือนว่าสถานที่ ๆ เด่นที่สุดก็คือ หอสุขนิรันดร์ ซึ่งเป็นอาคารสูงที่มีหลายชั้นสูงชันจากพื้นดิน ทั้งการออกแบบและขนาด จึงเหนือกว่าหอคณิกาทั่วไปมาก และป้ายใหญ่ ๆ นั่นทำให้รู้ได้ทันทีว่ามันคือหอสุขนิรันดร์
ขณะนี้มีฝูงชนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่บริเวณทางเข้า หลายคนต่างตะโกนเรียกชื่อชิวฮัวเล่ย
ซูอันตกตะลึง ฉากนี้ราวกับว่าคนดังบางคนปรากฏตัวในย่านใจกลางเมืองในโลกก่อนหน้าของเขา แต่ชิวฮัวเล่ยยังไม่ได้โผล่หน้าออกมาสักหน่อย คนเหล่านี้จะตะโกนไปเพื่ออะไรกัน?
ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้ไม่รู้งั้นเหรอว่า วันนี้เทพธิดาที่พวกเขาคลั่งไคล้กำลังจะจบลงด้วยการเป็นเพียงของเล่นของใครบางคนที่แข็งแกร่ง?
“ดีที่เรามาเร็ว! คนจึงยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่” เสียงของฉู่ฮงไฉฟังดูประหลาดใจและเป็นสุข
ซูอันกะพริบตาปริบ ๆ มองไปที่ฝูงชนที่อยู่ข้างหน้าเขา เกิดอะไรขึ้นกับตาของเจ้า เนี่ยนะคนไม่เยอะ?
เมื่อสัมผัสได้ถึงความสับสนของซูอัน ฉู่อวี้เฉิงก็อธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “คนเหล่านี้มาที่นี่เพราะสนุกกับความวุ่นวายเท่านั้น จริง ๆ แล้วพวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่หอสุขนิรันดร์ด้วยซ้ำ ฮงไฉพูดไม่ผิด นี่เรามาเร็วกว่าคนอื่นแล้ว เรายังเข้าไปได้ วันนี้เราจะหาที่นั่งดี ๆ ได้แน่นอน”
ขณะที่ชายอ้วนพูด เขาก็เดินเข้าไปยังกลุ่มฝูงชนและใช้แขนกับร่างกายที่หนาและกว้างอย่างน้อยสองเท่าของคนปกติแหวกฝูงชนเข้าไป ฉู่อวี้เฉิงเคยเป็นรถถังในงานประลองระหว่างตระกูล ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาในการแหวกผ่านคนธรรมดาเหล่านี้
ฝ่ามืออวบอ้วนของฉู่อวี้เฉิงผลักไปข้างหน้า และผู้คนที่ขวางอยู่ก็เดินโซเซออกไปพ้นทางเหมือนคนเมาสุรา…
การกระทำของชายอ้วนดึงดูดคำสาปแช่งจากผู้คนที่ทำให้ขุ่นเคือง แต่เมื่อฝูงชนตระหนักถึงความแข็งแกร่งของเขา ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่กล้าพูดคำหยาบออกมาแม้เพียงครึ่งคำ
เมื่อเห็นคนรอบตัวเขา ดวงตาของซูอันก็เริ่มกระตุก ฝูงชนเหล่านี้เป็นเหมือนธนาคารความโกรธที่ชายหนุ่มจะสามารถถอนได้ไม่จำกัด! เขาจะปล่อยโอกาสนี้ไปง่าย ๆ ได้ยังไง ก็เริ่มตะโกนเสียงดัง “พวกขี้แพ้โปรดหลีกทางไปซะ! พวกเจ้าทุกคนเข้าไปไม่ได้อยู่แล้ว ทำไมถึงยังกล้ามารุมล้อมที่นี่? พวกเจ้านี่มันเกะกะขวางทางจริง ๆ!”
แม้ว่าไม่มีใครเคยได้ยินคำว่า ‘ขี้แพ้’ มาก่อน แต่ก็ไม่ยากที่จะเดาออกว่าเป็นคำด่า ฝูงชนเรียนรู้อย่างรวดเร็วและทุกคนก็โกรธจัด
—
ท่านยั่วยุขี้แพ้ A สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น 99 คะแนน!
—
—
ท่านยั่วยุขี้แพ้ B สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น 99 คะแนน!
—
—
ท่านยั่วยุขี้แพ้ C สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น 99 คะแนน!
—
ซูอันถอนหายใจด้วยความพึงพอใจที่คะแนนความโกรธแค้นหลั่งไหลเข้ามามากมาย ระบบคีย์บอร์ดของเขาช่างหยิ่งยโสเหลือเกินที่เห็นว่าตัวประกอบเหล่านี้มีความสำคัญไม่พอที่จะเอ่ยชื่อ
ฉู่อวี้เฉิงปาดเหงื่อออกจากคิ้วอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่จับตาดูฝูงคนรอบตัว ปกติเขามีเหงื่อออกง่ายเนื่องจากมีร่างกายที่อ้วนท้วน แต่ก็รู้ว่าเหงื่อที่ไหลโทรมอยู่ในตอนนี้มาจากความวิตกกังวลที่ถูกซูอันปลุกปั่น
ฉู่ฮงไฉกำกระบี่แน่น แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของพวกเขาจะสูงกว่าฝูงชนรอบตัว แต่ก็รู้ว่าไม่มีทางที่ทั้งหมดจะยืนหยัดต่อสู้กับคนอื่นจำนวนมากที่รุมเข้ามาพร้อมกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนเหล่านี้หลายคนเป็นผู้บ่มเพาะเช่นกัน
ทั้งสองสาปแช่งซูอันในใจอย่างต่อเนื่อง มีบางอย่างผิดปกติกับสมองของชายผู้นี้หรือยังไง? มันคิดอะไรอยู่ถึงได้ตะโกนแบบนั้นออกมา!
—
ท่านยั่วยุฉู่ฮงไฉสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 222!
—
—
ท่านยั่วยุฉู่อวี้เฉิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 222!
—
โชคดีที่ทั้งหมดสามารถฝ่ามาถึงทางเข้าได้สำเร็จ และยามจากหอสุขนิรันดร์ก็ได้เข้ามาช่วยเหลือและยับยั้งฝูงชนที่โกรธจัดไว้จากพวกเขา
มีเสียงของชายหนุ่มตะโกนออกมาจากที่ใดที่หนึ่งในฝูงชน “ชิ เจ้าคิดว่าเจ้าทำได้เพียงเพราะว่าเจ้ามีเงินนิดหน่อยงั้นหรือไง? เจ้าคิดว่าแค่มีเงิน เจ้าก็มีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการงั้นเหรอ?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เมื่อได้ยินเสียงตะโกน ซูอันก็หยุดเดิน เขาหันกลับมาและยิ้มกว้างให้ “เรากำลังจะเข้าไป แต่พวกเจ้าทุกคนได้แต่มองดูอย่างโง่ ๆ จากด้านนอกเท่านั้น ขออภัย เนี่ยแหละอภิสิทธิ์ของคนมีเงิน”
หลังจากพูดจบ ซูอันก็ไม่ลืมที่จะยักไหล่ พร้อมกับส่ายหัวไปมาเพื่อรีดคะแนนความโกรธให้ถึงขีดสุด
—
ท่านยั่วยุผู้แพ้ A สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 199!
—
—
ท่านยั่วยุผู้แพ้ B สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 199!
—
—
ท่านยั่วยุผู้แพ้ C สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 199!
—
เมื่อเห็นคะแนนความโกรธแค้นไหลเข้ามามากกว่าเดิม ซูอันเกือบจะโห่ร้องออกมาด้วยความปีติยินดี ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมตัวร้ายในละครถึงชอบพูดจาหยาบคาย และทำไมคนถึงเขียนบทแปลก ๆ เช่นนี้ออกมา
มันช่างรู้สึกดีจริง ๆ!
ชายหนุ่มหัวเราะคิกคักขณะโอบแขนรอบฉู่ฮงไฉและฉู่อวี้เฉิง “ต่อไปพวกเจ้าต้องพาข้าไปยังสถานที่ที่มีชีวิตชีวามากกว่านี้นะ!”
เขาจะไม่ได้รับคะแนนความโกรธแค้นมากนัก หากเขายั่วยุคนแค่คนเดียว แต่ในขณะนี้ แค่เพียงตะโกนด่าส่ง ๆ ที่นี่ก็ทำให้ตัวเองได้รับคะแนนมากกว่าหมื่นคะแนน
“ได้สิ…” ฉู่อวี้เฉิงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อบนใบหน้าของเขา ข้าคงต้องบ้าแน่ ๆ ถ้าชวนเจ้าไปไหนอีก!
ยามของหอสุขนิรันดร์กลัวว่าซูอันจะเป็นต้นเหตุการจลาจล ดังนั้นจึงรีบพาทั้งสามเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็วด้วยความกระวนกระวาย
เมื่อพวกเขาเข้ามาด้านในของหอสุขนิรันดร์ ดวงตาของซูอันก็ถูกดึงดูดไปยังแม่น้ำที่ส่องประกายแวววาวซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของตึกในทันที บัดนี้ ชายหนุ่มเริ่มตระหนักได้ว่า หอสุขนิรันดร์นั้นถูกสร้างขึ้นริมฝั่งแม่น้ำของเมืองจันทร์กระจ่าง
เขายังสังเกตเห็นเรือสำราญบางลำที่ริมฝั่งแม่น้ำ
บนบกยังมีหอคณิกาไม่พอเหรอ?
คนในเมืองนี้รู้วิธีหาความสุขจริง ๆ…
ซูอันถอนหายใจ