บทที่ 398 ผู้ชายไม่รู้จักพอ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 398 ผู้ชายไม่รู้จักพอ
บทที่ 398 ผู้ชายไม่รู้จักพอ

“เราต้องใช้เงินกี่เหรียญเพื่อที่จะพบกับชิวฮัวเล่ย?” ซูอันสังเกตว่าสหายทั้งสองของเขาได้หยิบบัตรเชิญที่สวยงามออกมา และยามก็ปล่อยให้พวกเขาผ่านไปอย่างราบรื่น

“การเข้ามาจริง ๆ ไม่ต้องใช้เงินเลย หอสุขนิรันดร์จะส่งคำเชิญไปยังบุคคลที่มีชื่อเสียงทั้งหมดในเมืองจันทร์กระจ่าง รวมถึงบุคคลที่น่านับถือในเมืองใกล้เคียงอื่น ๆ บัตรเชิญแต่ละใบจะอนุญาตให้นำเพื่อนมาด้วยได้ ส่วนค่าใช้จ่ายของที่นี่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าหาความบันเทิงมากขนาดไหน”

ฉู่อวี้เฉิงยักคิ้ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกเป็นนัยว่ามันหมายความว่าอะไรกับคำว่า ‘บันเทิง’

ทำไมเจ้าอ้วนคนนี้ดูคล้ายกับนักแสดงตลกที่ชื่อ เฉียวซาน มากขึ้นเรื่อย ๆ เลยหว่า? ซูอันคิดติดตลก จากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรและอารมณ์เสียในทันที

หอสุขนิรันดร์ได้ออกคำเชิญไปยังบุคคลที่น่านับถือทุกคน ถ้าแม้แต่คนจากตระกูลสายรองอย่างฉู่อวี้เฉิงและฉู่ฮงไฉยังได้รับคำเชิญ แล้วบัตรเชิญของเขาไปอยู่ที่ไหน!

นี่หอสุขนิรันดร์ดูถูกเขาเหรอ!

เดี๋ยวข้าจะเอาขี้มาปาใส่ประตูของพวกเจ้า!

เขาหันหลังเดินจากไปทันทีด้วยใบหน้าอันมืดหม่น

“อาซู เกิดอะไรขึ้น?” ฉู่อวี้เฉิงตกใจกับสีหน้าของซูอันที่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นมืดหม่น เขารีบถามขึ้นทันที

ซูอันพูดพร้อมกับพ่นลมหายใจ “หอสุขนิรันดร์นี้กล้าที่จะไม่ส่งบัตรเชิญมาให้ข้า เห็นได้ชัดว่าพวกเขามองข้ามหัวข้า ทำไมข้าต้องแสดงความเบิกบานให้เห็น ในเมื่อทั้งหมดที่พวกเขามีให้ข้าคือความใจดำของพวกเขา ส่วนนางคณิกาพวกนี้ก็ไม่ได้มีเสน่ห์เท่าภรรยาข้า ช่างมัน ลืมมันไปเถอะ ข้าว่าข้ากลับบ้านไปกอดภรรยาดีกว่า!”

เมื่อผู้คนด้านในหอสุขนิรันดร์ได้ยินคำพูดของเขา ผู้คนในห้องโถงต่างก็หันมามอง ไอ้งั่งคนไหนที่พูดแบบนี้ มันกล้าพูดว่าแม่นางชิวไม่สวยเท่าภรรยาของมันเหรอ?

หรือภรรยาของมันเป็นเทพธิดา?!

คนเหล่านี้ล้วนกังวลว่าพวกเขาจะไม่มีโอกาสแสดงความเก่งกาจสมชายต่อหน้าชิวฮัวเล่ย ตอนนี้โอกาสมาเคาะประตูบ้านของพวกเขาแล้ว

“ไอ้เจ้าโง่! เจ้านี่มันไร้ยางอายจริง ๆ เจ้าคิดว่าภรรยาของเจ้าเป็น…”

ผู้ชายหลายคนที่อยู่ใกล้ซูอันที่สุดลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมจะชกปากคนงี่เง่าที่กล้าว่าร้ายเทพธิดาของพวกเขา ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าของซูอัน และจำได้ว่าเป็นใคร ต่างก็พากันหยุดชะงักทันที ซึ่งมันทำให้ดูราวกับว่าพวกเขาเพิ่งจะกินขี้เข้าไป คำพูดที่เหลือได้แต่กล้ำกลืนลงคอ “ข…ขออภัยด้วยกับการล่วงเกินของพวกเรา”

ภรรยาของซูอันสวยกว่าชิวฮัวเล่ยจริง ๆ และยิ่งไปกว่านั้น ฉู่ชูเหยียนยังได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งในเมืองจันทร์กระจ่าง! ไม่ว่าชิวฮัวเล่ยจะสวยขนาดไหน ตำแหน่งของนางก็ยังไม่มีใครคุกคามได้

ในห้องส่วนตัวบนชั้นสอง บุรุษที่มีหน้าตาอ่อนหวานดั่งสตรีผู้หนึ่งมองฉากนี้ผ่านม่านและเย้ยหยัน “ไม่มีแม้แต่ความสง่างามสักกระผีกลิ้น! คนพาลที่ไร้ยางอาย ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่า ฉู่ชูเหยียนเห็นอะไรในตัวเขา!”

เสียงนั้นอ่อนโยนและไพเราะต่อหู แม้จะเต็มไปด้วยความโกรธ แต่คำพูดนั้นมีจังหวะที่แม่นยำและไม่เร่งรีบเหมาะสมกับนักวิชาการที่เรียบง่ายแต่สง่างาม

ชายอีกคนหนึ่งที่มีบุคลิกละเมียดละไมแต่สมชายชาตรีกว่าพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “ท่านพี่ อย่าปล่อยให้รูปลักษณ์ภายนอกของเขาหลอกเอาได้ เขามีมากกว่าที่เห็นแน่นอน ใต้ภาพลักษณ์ภายนอกที่หยาบโลนและไร้ยางอายของเขา จริง ๆ แล้วเป็นคนที่ฉลาด และจิตใจเจ้าเล่ห์”

ถ้าซูอันอยู่ที่นี่ ชายหนุ่มคงจะจำคนนี้ได้อย่างแน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนายน้อยเซี่ยซิว ในขณะที่คนข้างกายคือพี่สาวของเขาที่แต่งตัวเป็นชาย

“คน ๆ นี้ยอดเยี่ยมอย่างที่เจ้าพูดจริง ๆ เหรอ?” เซี่ยเต๋าอวิ๋นยังคงไม่เชื่อถือ “แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีผลงานแย่มากในระหว่างงานประลองระหว่างตระกูล แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังค่อนข้างจำกัด…”

เซี่ยซิวส่ายหัว “ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนใจร้อนและมีพฤติกรรมไร้การควบคุม แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนที่เก็บอารมณ์ได้เก่งสุดยอดและเฉลียวฉลาดมาก บางครั้ง แม้แต่ข้าเองก็มองเขาไม่ออก”

“ข้าไม่สนใจเขาหรอก ปล่อยฉู่ชูเหยียนปวดหัวไปคนเดียวเถอะ” เซี่ยเต๋าอวิ๋นหันไปมองซูอันอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายยังไม่คู่ควรจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากนาง นางจึงมองไปทางม่านมุกแขวนอยู่บนชั้น 2 แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังไม่มีใครอยู่ที่นั่น “เมื่อไหร่ ชิวฮัวเล่ย คนนี้จะแสดงตัว?”

นางได้ยินมาว่าทักษะทางศิลปะของชิวฮัวเล่ยนั้นไม่มีใครเทียบได้

เซี่ยซิวอธิบายว่า “ข้ากลัวว่าเราอาจจะต้องรออีกสักหน่อย สิ่งที่ข้ากังวลมากกว่าคืออาจจะมีคนจำท่านได้ แม้ว่าท่านจะแต่งตัวเป็นผู้ชาย แต่คนที่ช่างสังเกตหน่อยจะเห็นการปลอมตัวของท่านอย่างแน่นอน ถ้าเรื่องถึงหูท่านพ่อ เขาคงจะไม่ยอมปล่อยข้าไปง่าย ๆ…”

ยิ่งเซี่ยซิวพูดไปมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเสียใจ การพาพี่สาวมาที่นี่ด้วยถือเป็นการตัดสินใจที่ประมาทเกินไปจริง ๆ

ผู้หญิงมักจะอิจฉาริษยาและชอบแข่งขันกัน แม้แต่พี่สาวคนโตของเขาซึ่งมักจะพอใจกับชีวิตเรียบง่ายก็คงไม่ต่างกัน

เซี่ยเต๋าอวิ๋นเยาะเย้ย “ชิ เจ้าไม่เคยสร้างปัญหาอะไรเลยหรือไง? ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยเห็นว่าเจ้ากลัวท่านพ่อของเราขนาดนี้เลย”

เมื่อเห็นหน้าน้องชายของนางดูเคือง ๆ นางจึงผ่อนผัน “ก็ได้ ๆ ถ้าเจ้าไม่พูดเรื่องนี้และข้าไม่พูดด้วย ท่านพ่อก็ไม่มีทางรู้เรื่องนี้หรอกจริงไหม? และระหว่างอยู่ที่นี่ ข้าจะไม่แสดงตัวให้ใครเห็นทั้งนั้น และถ้าข้าอยากจะแสดงความคิดเห็นในระหว่างอยู่ที่นี่ตอนไหน ข้าจะให้เจ้าพูดแทนข้า…แค่นี้พอไหม?”

ดวงตาของเซี่ยซิวเป็นประกายขึ้นทันที “จริงเหรอ ท่านพี่?”

“แน่นอน แต่ถ้าชิวฮัวเล่ยตัดสินใจเลือกเจ้า เจ้าจะต้องพาข้าไปด้วย!”

“อะไรนะ?” สีหน้าพอใจของเซี่ยซิวหายไปในทันที เขานึกภาพค่ำคืนหวานแหววแสนเย้ายวนใจ ที่ชายและหญิงทั้งสองจะสนทนากันอย่างลึกซึ้งและสนิทสนม ซึ่งความสัมพันธ์จะดำเนินต่อไปอย่างเป็นธรรมชาติในห้องนอน แต่ถ้าหากเพิ่มพี่สาวของเขาเข้าไปด้วย ทุกสิ่งที่วาดฝันไว้มันจะต้องหายกลายเป็นควันไปทั้งหมด

“ปกติแล้ว ข้าจะปล่อยให้เจ้าอยู่ตามลำพังไม่ว่าเจ้าจะอยู่กับผู้หญิงกี่คนก็ตาม เพราะพวกนางทั้งหมดเป็นผู้หญิงจากตระกูลที่มีเกียรติ แต่ว่าครั้งนี้แตกต่างออกไป” เซี่ยเต๋าอวิ๋นบีบติ่งหูน้องชายของนาง “ไม่ว่าชิวฮัวเล่ยจะสวยหรือมีความสามารถแค่ไหน ท่านพ่อของเราไม่มีทางยอมให้นางคณิกาเข้ามาในตระกูลเซี่ยแน่นอน”

เซี่ยซิวเริ่มพึมพำกับตัวเอง “ข้าแค่ตั้งตารอที่จะหาความสุขตามประสาผู้ชาย…ข้าไม่เคยบอกว่าจะพานางกลับบ้าน…”

“ยิ่งแย่เข้าไปอีก!” เซี่ยเต๋าอวิ๋นหรี่ตามองเขาด้วยความรู้สึกไม่ได้ดั่งใจ “แม้ว่าชิวฮัวเล่ยจะมีชื่อเสียงดี แต่ภูมิหลังของนางทำให้นางไม่มีที่ยืนดี ๆ ในสังคม ถ้าเจ้าไม่มีเจตนาที่จะพานางไปเลี้ยงดูเป็นภรรยา ก็อย่าทำลายโอกาสในการหาสามีในอุดมคติของนาง!”

เซี่ยซิวกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นว่า “ท่านพี่ คนที่ขอผู้หญิงในหอคณิกาแต่งงานโดยมองข้ามภูมิหลังและลักษณะงานที่เปลืองเนื้อเปลืองตัวนั้นโง่เขลาอย่างยิ่ง…ข้าเข้าใจดี…”

เขายอมอ่อนข้อ หากเป็นผู้ชายมาเถียงกับเขาแบบเดียวกันนี้ เซี่ยซิวคงจะดูถูกเหยียดหยามและตบบ้องหูเข้าให้ แต่เนื่องจากคนที่พูดแบบนั้นออกมาเป็นพี่สาวคนโตของเขา ดังนั้นน้องชายอย่างเขาจึงทำอะไรมากไม่ได้

“พวกผู้ชายอย่างเจ้านี่ชอบปฏิบัติกับผู้หญิงเหมือนของเล่นเสมอ!” เซี่ยเต๋าอวิ๋นพูดอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะหันไปมองทางอื่น

ซึ่งในทันใดนั้นเองที่นางมองไปอีกทาง สีหน้าของนางก็ต้องแข็งทื่อ หลังจากที่จ้องเขม็งไปยังซูอัน ซึ่งอยู่ในห้องโถงด้านล่าง “ผู้ชายนี่มันทุเรศ พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นหมาตัวผู้เหมือนกันหมด!” นางตะโกนด้วยความโกรธ ใบหน้าของนางแดงก่ำ

เซี่ยซิวสับสนกับการระเบิดอารมณ์อย่างกะทันหันของพี่สาว เขามองตามสายตาของนางและนิ่งอึ้งไปเช่นกัน

ซูอันกำลังโอบรอบเอวหญิงสาวที่ผอมเพรียว ในขณะที่มือของเขาดูเหมือนจะเคลื่อนไหวอยู่ภายใต้ชุดของนางแล้ว

ผู้ชายคนนี้ ทำไม…ทำไมจู่ ๆ เขาถึงกล้าทำอะไรขนาดนี้ มีเทพธิดาอย่างฉู่ชูเหยียนเป็นภรรยาอยู่แล้ว ทำไมเขาถึงยัง…อย่าบอกนะว่าแค่ฉู่ชูเหยียนยังไม่พอ?

ภาพที่น่าตกใจอย่างยิ่งที่เซี่ยซิวได้เห็นตอนซูอันเปลี่ยนเสื้อผ้าปรากฏขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง

กับความใหญ่ยักษ์ขนาดนั้น บางทีผู้หญิงธรรมดาอาจจะไม่เพียงพอจริง ๆ…ยิ่งสำหรับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นี่นรกชัด ๆ …

ใบหน้าของเซี่ยซิวเปลี่ยนเป็นมืดมน แม้แต่ตัวเขาก็เพิ่งหลุดพ้นจากภาพหลอนประสาทนั้นไม่นานมานี้เอง

เขาหยิบจอกสุราที่อยู่ข้างหน้าเขามากระดกลงคอภายในอึกเดียวเพื่อกลบความคิดฟุ้งซ่านที่กำลังผุดขึ้นมา