บทที่ 399 หาหาง
บทที่ 399 หาหาง

ขณะที่ซูอันโกรธเคืองและขู่ว่าจะจากไป นางคณิกาคนหนึ่งที่แต่งหน้าจัดก็เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

“อุ๊ย…นายน้อยจากตระกูลฉู่! เราไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้ว?” ขณะที่นางพูด นางก็โบกผ้าเช็ดหน้าในมือเบา ๆ

ฉู่อวี้เฉิงโบกมือกลับอย่างตื่นเต้น “ไม่เจอกันนานเลยพี่สาวฮัว! เสน่ห์ของท่านนี่ยังคงเย้ายวนข้าได้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยนะเนี่ย! แหะ ๆ ท่านยังดูเต็มไม้เต็มมือเหมือนเดิมจริง ๆ!”

ผู้หญิงควรเป็นอย่างนี้นี่แหละ ผู้หญิงส่วนใหญ่ผอมเหมือนไม้เสียบผี เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าสายตาของบางคนเป็นอะไร ทำไมถึงชอบแบบนั้น?

ฉู่ฮงไฉใช้โอกาสนี้อธิบายกับซูอัน “ชื่อเต็มของพี่ฮัวคือ ฮัวเว่ยเหมียน ย้อนกลับไปเมื่อก่อน นางเคยเป็นคณิกาที่มีชื่อเสียง และเมื่อนางโตขึ้น นางก็กลายเป็นผู้ดูแลหอคณิกาแทน บุคคลสำคัญหลายคนรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับนางเพื่อที่จะขยายเส้นสายของพวกเขา”

ซูอันจ้องเขม็ง เห็นเด็ก ๆ อย่างนี้ใครจะคิดว่าเจ้าอ้วนฉู่อวี้เฉิงจะเป็นทหารชำนาญศึก?

ทว่ารสนิยมของฉู่อวี้เฉิงไม่ธรรมดาไปหน่อยเหรอ? ดูเหมือนว่าเขาจะชอบคนที่แก่กว่าเล็กน้อย นอกจากนี้ พี่ฮัวคนนี้ไม่ตัวใหญ่บึ้บบั้บเกินไปหน่อยเหรอ?

ข้อสงสัยของซูอันถูกบรรเทาลงเมื่อพิจารณาร่างที่อ้วนกลมของฉู่อวี้เฉิง บางทีในสายตาของเขามีเพียงผู้หญิงที่ตัวใหญ่กว่าเขาเท่านั้นถึงจะเรียกว่าอ้วนได้

“เจ้าปีศาจน้อย…” ฮัวเว่ยเหมียนหยอกล้ออย่างสนุกสนาน ทันใดนั้น สายตาของนางก็เลื่อนไปที่ซูอัน “และคนนี้คือ…?”

นางใช้เวลาในหอคณิกามาเนิ่นนาน และสายตาของนางก็เฉียบคมอย่างไม่น่าเชื่อ ชำเลืองมองเพียงครั้งเดียว นางก็ได้เห็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของซูอันที่แสดงความรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยและความอยากรู้อยากเห็นในดวงตาของเขา และรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่เคยเข้าหอคณิกามาก่อน

อย่างไรก็ตาม เสื้อผ้าของเขาทำมาจากวัสดุชั้นดีและมากับนายน้อยสองคนจากตระกูลฉู่ซึ่งเป็นคนร่ำรวยและน่านับถือ ดังนั้นนางจึงไม่กล้าปฏิบัติต่อซูอันอย่างละเลย

คนรับใช้ของหอสุขนิรันดร์กระซิบที่หูของนางคำสองสามคำ จากนั้นการแสดงออกของนางก็เปลี่ยนไปเป็นเริงร่า “โอ้ ท่านคือนายน้อยซูนี่เอง! ไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางฉู่จะตกหลุมรักท่าน! ท่านเป็นชายที่มีพรสวรรค์และมีใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างกับเทพบุตรลงมาจุติ!”

คนที่ประกอบอาชีพเช่นนางย่อมรู้จักคนสำคัญของเมืองจันทร์กระจ่างเช่นเดียวกับหลังมือของตัวเอง ชายหนุ่มเช่น ซูอัน ไม่เพียงแต่เป็นนายน้อยของตระกูลฉู่เท่านั้น แต่เขายังเป็นอาจารย์ที่สถาบันจันทร์กระจ่าง ไม่ว่าใครก็ย่อมรู้จัก อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นหน้าเขา

แม้ว่าคำพูดของนางจะฟังดูเยินยออย่างเห็นได้ชัด แต่ซูอันก็ยังรู้สึกอัศจรรย์ใจเมื่อได้ฟังคำพูดของนาง ทุกคนมักเรียกเขาว่าลูกเขยไร้ประโยชน์ ลูกเขยขยะของตระกูลฉู่ มีเพียงผู้ดูแลหอคณิกาผู้นี้เท่านั้นที่เรียกเขาว่านายน้อยซู และไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เขาแต่งเข้าตระกูลของภรรยาด้วยซ้ำ แต่กลับบอกว่าฉู่ชูเหยียนชอบเขา ชายหนุ่มก็รู้สึกใกล้ชิดกับพี่ฮัวคนนี้ทันที

ไม่น่าแปลกใจที่กิจการของนางในเมืองจันทร์กระจ่างนี้ไปได้ดี!

ฉู่อวี้เฉิงตบก้นของนาง “เมื่อครู่น้องชายของข้าเสียใจที่พี่สาวฮัวจงใจเมินเฉยไม่ส่งบัตรเชิญให้เขา รีบหาผู้หญิงดี ๆ มาช่วยเขาให้หายอารมณ์ร้อนหน่อยเร็ว!”

“พวกเราผิดไปแล้วนายน้อย! แต่ด้วยการที่นายน้อยซูเป็นสามีสุดที่รักของคุณหนูฉู่ และท่านก็เป็นลูกเขยในอุดมคติของอ๋องฉู่ แม้ว่าข้าจะมีความกล้ามากกว่านี้ถึงสิบเท่า ข้าก็ยังคงไม่กล้าส่งคำเชิญถึงท่าน แต่เพื่อเป็นการไถ่โทษ ค่าใช้จ่ายของนายน้อยซูในคืนนี้ หอสุขนิรันดร์ของเราจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง!”

ถึงแม้ว่าการใช้เวลาหนึ่งคืนในหอสุขนิรันดร์เป็นการใช้จ่ายเงินจำนวนมาก แต่มันก็คุ้มค่าที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับซูอัน ท้ายที่สุดเขาก็เป็นนายน้อยของตระกูลฉู่ และเป็นอาจารย์ของสถาบันจันทร์กระจ่าง

ยิ่งกว่านั้นข่าวลือมากมายว่าเขาได้รับเงินรางวัลกว่าล้านเหรียญเงินจากการพนัน หากเอาอกเอาใจเขาไว้ดี ๆ ต่อไปในอนาคตเขาอาจเต็มใจที่จะกลับมาอีก

หลังจากการประกาศของนาง เสียงหวีดหวิวแสดงความอิจฉาดังขึ้นจากแขกคนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง

ฉู่อวี้เฉิงพยายามเสี่ยงโชค “พี่ฮัว พี่ให้น้องชายของข้าหาความสนุกได้โดยไม่ต้องจ่ายทั้งคืน แล้วเราล่ะ? พี่ไม่ลำเอียงมากเกินไปเหรอ? นอกจากนี้ เราสองคนสนิทกันมากกว่าเขาอีก”

ฮัวเว่ยเหมียนหัวเราะเสียงแหลม “ใครที่นี่ไม่รู้บ้างว่านายน้อยสายตระกูลที่สามของตระกูลฉู่เป็นพ่อค้าเกลือผู้ยิ่งใหญ่ จำนวนเงินที่หอสุขนิรันดร์ของเราได้มาแต่ละเดือนนั้นแค่เท่ากับที่ธุรกิจท่านทำเงินได้ภายในวันเดียว ถ้าข้าให้ท่านไม่ต้องจ่าย มันจะเหมือนเป็นการไม่แสดงความเคารพอย่างสูงแก่ท่านเอาได้นะ”

ฉู่อวี้เฉิงกลอกตา “หอสุขนิรันดร์ของพี่ฮัวเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสถานที่ปลดเปลื้องทรัพย์ ข้าอาจเชื่อมากกว่าถ้าพี่พูดตรงกันข้าม”

ฮัวเว่ยเหมียนยิ้ม “จุ๊จุ๊ เลิกปากหวานเรื่องธุรกิจของเราเสียที เอาอย่างนี้ข้าจะจัดการให้สาวเผ่าอสูรมาเป็นเพื่อนกับพวกท่าน สาวเหล่านี้เพิ่งมาถึงและพวกนางไม่เคยให้ความบันเทิงแก่แขกคนอื่นมาก่อน!”

ขณะที่นางพูด นางชี้ไปทางด้านหลังของห้องโถง หญิงสาวสามคนที่แต่งตัวหรูหราเดินเข้ามา

“พวกนางไม่เคยรับแขกมาก่อนเลยเหรอ?” ฉู่อวี้เฉิงพ่นลมหายใจอย่างไม่เชื่อ เขามองดูผู้หญิงที่เดินเข้ามาด้วยแววตาเย้ยหยัน หากพวกนางไม่เคยให้ความบันเทิงกับแขกมาก่อนจริง ๆ นายน้อยอ้วนคนนี้คงเป็นชายบริสุทธิ์ผุดผ่องเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม สาวเผ่าอสูรเป็นของหายากจริง ๆ เมื่อมนุษย์ต่อสู้กับชนต่างเผ่าเมื่อพันปีก่อน ชนต่างเผ่าส่วนใหญ่ได้ล่าถอยไปยังพรมแดนของอาณาจักร แต่ชนต่างเผ่าบางส่วนก็ได้เลือกที่จะอยู่ต่อในดินแดนของมนุษย์

ปกติแล้วชะตากรรมของชนต่างเผ่าช่างน่าสมเพชยิ่งนักหากพวกเขาไม่ถูกจับไปเป็นทาสหรือคนรับใช้ ก็จะถูกขายมาในสถานที่เช่นนี้ หากได้แต่งงานกับคนธรรมดาสักคนหนึ่งและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายก็ถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว

ความงามของเผ่าอสูรถือว่าเป็นสมบัติหายาก แม้แต่ฉู่อวี้เฉิงยังคงไม่มีโอกาสได้ลิ้มลอง

ด้วยความคิดเหล่านี้ เขาจึงไม่เปิดโปงคำโกหกของฮัวเว่ยเหมียน

ฮัวเว่ยเหมียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะที่นางสังเกตเห็นการแสดงออกที่พึงพอใจของทั้งสามคนนี้ “สาว ๆ ปฏิบัติต่อนายน้อยเหล่านี้ให้ดี! ข้าจะไปรับแขกคนอื่นก่อน วันนี้ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำสำหรับการชุมนุมของคณิกา และข้าต้องขออภัยนายน้อยทุกท่านด้วย”

“ไป ไป ไป!” ฉู่อวี้เฉิงหมดความอดทนที่จะพูดคุยกับฮัวเว่ยเหมียน ตอนนี้เขาจึงอยากให้นางจากไปเพื่อที่เขาจะได้มีความสุขกับสาวเผ่าอสูรสักที

ฮัวเว่ยเหมียนยิ้มเล็กน้อยและเดินออกไป สะโพกของนางส่ายไปมาในลักษณะที่เกินจริง

ฉู่อวี้เฉิงดึงหญิงสาวที่อวบอั๋นและสมบูรณ์ที่สุดในสามคนเข้ามากอด จากนั้นเขาก็ผลักหญิงสาวที่เพรียวและบอบบางที่สุดเข้าไปหาซูอัน

คนที่เหลืออยู่สำหรับฉู่ฮงไฉ เป็นสาวเผ่าอสูรที่ธรรมดาที่สุด

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คิดอะไรเลย เขาทุ่มเทสุดหัวใจให้กับชิวฮัวเล่ยตั้งแต่แรก ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะเทียบได้กับนางในใจของเขาได้ การมีสาวเผ่าอสูรอยู่ข้าง ๆ มันก็แค่เป็นเหมือนมีเพื่อนดื่มด้วยอย่างสนุกสนานมากขึ้นเท่านั้น

ฉู่อวี้เฉิงพูดกับหญิงสาวในอ้อมกอดของซูอันว่า “นี่เป็นครั้งแรกของน้องชายข้าที่มาเที่ยวที่แบบนี้ ดังนั้นจงรับใช้เขาให้ดี อย่าทำให้เขาตกใจไป”

ใบหน้าของหญิงสาวผอมเพรียวมีสีสันเล็กน้อย นางก้มศีรษะลง แล้วพูดว่า “นี่เป็นครั้งแรกของข้าด้วยเช่นกัน…”

ฉู่อวี้เฉิงหัวเราะเสียงดัง ไม่สนใจจะเถียงกับนาง เขาเริ่มพูดคุยกับหญิงสาวในอ้อมแขนของเขาทันที “เจ้าเป็นคนเผ่าพันธุ์ไหน?

นางนอนอยู่ในอ้อมแขนของฉู่อวี้เฉิง เอาแขนคล้องคอเขา ดวงตาที่มีเสน่ห์ของนางแวววาว “ผู้น้อยมาจากเผ่าพันธุ์หมี” นางกล่าว

“เผ่าพันธุ์หมีเหรอ เยี่ยมไปเลย! นี่คือสิ่งที่ข้าหวังไว้เลย!” ขณะที่เขาพูด ฉู่อวี้เฉิงก็ฝังหัวของเขาเข้าไปในเนินอกที่อวบอัดของนาง

เจ้าอ้วนคนนี้! ซูอันพูดไม่ออก ตอนนี้เขาพบว่าความมั่นใจของตัวเองกำลังสั่นคลอน

เขามองหญิงสาวที่ถูกผลักเข้ามาในอ้อมแขนของเขาอย่างส่ง ๆ และถามว่า “เจ้าชื่ออะไร?”

“ข้าชื่อเล้งส่วงเยว่…” หญิงสาวตอบอย่างเขินอาย สายตาของนางลดต่ำลง และเสียงของนางก็บางเบาราวกับเสียงหึ่ง ๆ ของยุง

ซูอันตะลึง คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะเป็นชื่อสำหรับคนที่ทำงานในหอคณิกาแบบนี้! เป็นไปได้ไหมว่าอาจจะเป็นชื่อปลอม?

เขาไม่หวั่นไหวไปกับการแสดงออกที่เขินอายของนาง

เพียงเพราะชายหนุ่มไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน จึงไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้อะไรเลย

ในโลกก่อนหน้านี้ เขาเคยอ่านเรื่องราวของผู้มากประสบการณ์มามากมาย หลายครั้งที่หญิงสาวที่ขายเรือนร่างจงใจแสร้งทำเป็นสาวบริสุทธิ์เพื่อให้ลูกค้าถูกใจ

นั่นคือเหตุผลที่ธุรกิจการค้าและอาชีพทั้งหมดต้องดำเนินการโดยนักธุรกิจ!

“เจ้าเป็นคนเผ่าพันธุ์ไหน?” หูปุยที่โผล่ออกมาจากผมของนางกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเขา ในโลกก่อนหน้านี้ เขาเคยเห็นพวกนักแสดงในโทรทัศน์ที่ได้รับบทให้แต่งหน้าเป็นพวกเผ่าประหลาด ๆ ที่มีหูแมวหางแมวแต่รูปลักษณ์เป็นคน แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะได้มีโอกาสได้โอบกอดและเล่นกับเผ่าอสูรแบบนี้จริง ๆ ในโลกนี้

“ข้าเป็นเผ่าพันธุ์แมว” เล้งส่วงเยว่ตอบ

“นางแมวยั่วสวาท?” ดวงตาของซูอันเป็นประกาย จินตนาการไปถึงร่างที่เพรียวบางของแคทวูแมนซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของแบทแมนยืนพิงมอเตอร์ไซคันใหญ่

ความประทับใจที่มีต่อผู้หญิงในอ้อมแขนของเขาสูงขึ้นในทันที

“ข้าอยากรู้มาโดยตลอด แล้วพวกเผ่าอสูรมีหางมั้ย?” ขณะที่เขาถาม เขาก็เอื้อมมือไปข้างหลังนาง ซึ่งการกระทำเช่นนี้ หากมองลงมาจากชั้นสอง มุมนี้ดูราวกับว่าเขากำลังเอื้อมเข้าไปในชุดของนาง

“ไอ้เวรนั่น!”

ไม่ใช่แค่เซี่ยเต๋าอวิ๋นที่โกรธ ในห้องส่วนตัวอีกห้องหนึ่งผู้หญิงอีกคนที่กำลังหน้าแดงสบถด้วยสีหน้ารังเกียจ