War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1745
ตอนที่ 1,745 : ไม่ได้เรื่อง!

‘ไม่คิดเลยว่ามันจะกล้ารับคำท้า…ดูเหมือนไอ้หนูนี่ก็แค่ผู้ฝึกตนโง่งม!”

ลั่วชานกล่าวเย้ยหยันในใจ

ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ ในเมื่อต้วนหลิงเทียนยอมรับคำท้าของพี่น้องสกุลลั่วแล้วแบบนี้ เรื่องราวก็นับว่าได้ข้อยุติ…

แม้สีหน้าหวางเฟยเซวียนกับกัวลู่จะไม่ค่อยสู้ดี แต่พวกมันก็ไม่คิดจะส่งเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดไปกล่าวอะไรกับต้วนหลิงเทียนอีก เพราะพวกมันรู้ดีว่าเรื่องราวเลยเถิดบานปลายมาถึงขั้นนี้ ก็ทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลย สายเกินไปที่ต้วนหลิงเทียนจะกลับคำ!

‘หรือเจ้าทึ่มจะมั่นใจว่าสามารถเอาชนะพี่น้องสกุลลั่วได้กันนะ?’

กระทั่งหวางเฟยเซวียนยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าไฉนอยู่ๆนางถึงคิดเรื่องนี้ขึ้นมา

ทว่าทันทีที่ความคิดนี้เกิดขึ้น นางก็ละทิ้งมันไปทันที เพราะรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย ‘ในวังนภา มียอดฝีมือที่พึ่งบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดมากมายที่ประมือกับพี่น้องสกุลลั่ว ทว่ากลับไม่ใช่คู่มือของพวกมัน…พลังฝีมือของพี่น้องสกุลลั่วยามร่วมมือกันล้วนเป็นที่ยอมรับทั่ววังนภา!’

‘ช่างเถอะ! ให้เจ้าทึ่มมันทนทุกข์ทรมานเสียบ้างก็ดี! ทีหลังจะได้รู้ไว้ว่าควรรับฟังวาจาของผู้อื่นบ้าง!!’

การที่ต้วนหลิงเทียนไม่ฟังคำเตือนของนาง ทำให้หวางเฟยเซวียนรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เป็นนางที่อุตส่าห์หวังดีแท้ๆ…

พอต้วนหลิงเทียนยืนเผชิญหน้ากับคู่พี่น้องสกุลลั่ว บรรยากาศทั่วลานศิลาก็กลายเป็นเงียบสงบทันที

ถึงแม้จะมีผู้ชมดูเรื่องราวมากมายแต่ทั้งหมดกลับนิ่งเงียบ ราวกับต่อให้มีเข็มเล่มหนึ่งร่วงตก ก็คงได้ยินกันทั้งลาน…

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ทว่าทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากฟ้าห่างไกล เป็นศิษย์วังนภากลุ่มหนึ่งที่พึ่งมาถึง ผู้ที่กล่าวก็คือผู้ที่เหินนำหน้ามาสีหน้าแววตาเผยความสงสัยไม่น้อย

ไม่นานมันก็ได้รับทราบเรื่องราวจากผู้คนโดยรอบ และผันตัวไปเป็นผู้ชมที่ดีทันที

จากนั้นคนอื่นๆที่ตามติดมาก็ได้รับทราบเรื่องราวการเผชิญหน้าของหลิงเทียนกับพี่น้องสกุลลั่วเช่นกัน

“ศิษย์พี่หวังพี”

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด สายตาของกลุ่มคนในลานศิลาพลันหันไปจับจ้องมองชายร่างหนึ่งที่พึ่งมาถึงเช่นกัน และทั้งหมดก็เร่งทำความเคารพอีกฝ่ายทันที

ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหวังพี ศิษย์ส่วนตัวของรองจ้าววังนภา เซียวยี่!

นอกจากนี้ยังเป็นคนที่นำทางต้วนหลิงเทียนไปสระวิญญาณในวันนั้น

“ศิษย์น้องหลิงเทียน ครั้งนี้เจ้าวู่วามเกินไปแล้ว…ข้าเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงของพี่น้องสกุลลั่วมาบ้าง เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดทั่วไป ยากที่จะต้านทานรับมือพวกมันยามร่วมมือกันได้”

หลังจากที่หวังพีมาถึงและรับทราบเรื่องราว มันก็เร่งกล่าวส่งเสียงไปหาต้วนหลิงเทียนทันที

“ศิษย์พี่หวังมั่นใจได้เลย ข้าไม่คิดทำอะไรที่ข้าไม่มั่นใจ”

คำตอบของต้วนหลิงเทียนนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ!

“หือ?”

ได้ยินเสียงตอบเปี่ยมความมั่นใจของต้วนหลิงเทียน หวังพีก็อึ้งไปไม่น้อย มันมองกลับมาด้วยสายตาลึกซึ้ง ค่อยส่งเสียงตอบกลับ “เช่นนั้นข้าจะรอดูการแสดงของเจ้าแล้วกันศิษย์น้องหลิงเทียน! แต่แม้เจ้าจะแพ้พ่ายก็มิต้องกังวล หากพวกมันคิดลงมือหนักจนถึงขั้นทำร้ายเจ้าจนส่งผลต่อการเข้าแดนลับเซียนล่ะก็…ถึงตอนนั้นข้าจะลงมือช่วยเจ้าเอง”

“เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณศิษย์พี่หวังพีล่วงหน้าแล้ว”

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ต้องการความช่วยเหลืออะไรจากหวังพี แต่ในเมื่อหวังพีมีน้ำใจเขาก็กล่าวขอบคุณไปตามมารยาท

“หลิงเทียน พวกเราพี่น้องไม่คิดรังแกเจ้า…เชิญเจ้าลงมือก่อนเถอะ!”

ลั่วชานที่ยืนอยู่ข้างๆลั่วเหอ มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาคมกล้ากล่าวออกด้วยรอยยิ้มแสยะ

และในขณะที่พี่น้องสกุลลั่วยืนอยู่ข้างๆกันนั้นเอง กลิ่นอายพลังของพวกมันกลับแผ่พุ่งออกมา ก่อนที่จะควบรวมผสานเข้าด้วยกันอย่างประหลาด ทำให้รู้สึกเสมือนเขากำลังเผชิญหน้ากับคนเพียงคนเดียวไม่ใช่ 2 คน!

‘พี่น้องสกุลลั่วคู่นี้สามารถผสานพลังกันได้อย่างลงตัวนับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ…กลิ่นอายพลังรวมเป็นหนึ่งแบบนี้ ไม่ใช่ฝาแฝดทุกคู่จะกระทำได้’

ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นลอบประหลาดใจเล็กน้อย

แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้กังวลอะไร

ตอนนี้ต่อให้เขาจะไม่ได้ใช้กระบี่นิลสวรรค์ ทว่าเขาก็ไม่ได้กลัวแม้จะต้องเผชิญหน้ากับอริยะเซียนขั้นต้น นับประสาอะไรกับเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!

แน่นอนว่าเรื่องนี้คนอื่นไม่รู้

“น่าขันสิ้นดี! พี่น้องชราอายุร่วมร้อยกลุ้มรุมรุ่นเยาว์เพียงคนเดียวยังกล้ากล่าวออกว่าไม่รังแก ในหัวของพวกเจ้า…หรือไม่มีคำไร้ยางอายอยู่แล้ว?”

ได้ยินวาจานี้ของหลัวชาน หวางเฟยเซวียนรู้สึกหัวเสียไม่น้อย จึงกล่าวเย้ยออกไป

แม้เสียงที่นางบ่นจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ทุกคนในลานล้วนได้ยินเสียงของนางชัดถ้อยชัดคำดี!

ยังทำให้สีหน้าของคู่พี่น้องสกุลลั่วเปลี่ยนไปทันใด อนิจจาพวกมันไม่อาจหาคำใดมากล่าวปฏิเสธวาจานางได้ จึงทำได้แค่หันไปถลึงตามองนางเท่านั้น

และแน่นอนว่าหวางเฟยเซวียนไม่ได้หวาดกลัวพวกมันแม้แต่นิดเดียว เพราะไม่ว่าจะอย่างไรนางก็คือคุณหนูแห่งคฤหาสน์ดาบทรราช พี่น้องสกุลลั่วหากเลือกได้ก็คงไม่กล้าล่วงเกินนางเช่นกัน!

ในตำหนักฟ้าลี้ลับแม้พลังฝีมือของพี่น้องสกุลลั่วนับว่าไม่เลว แต่พวกมันก็แค่ศิษย์ธรรมดาๆเท่านั้น หากมียอดฝีมือของคฤหาสน์ดาบทรราชคิดฆ่าพวกมัน ด้วยชื่อเสียงและผลประโยชน์ น่ากลัวว่าตำหนักฟ้าลี้ลับคงเลือกหลับตาข้างหนึ่ง

แน่นอนไม่ต้องคำนึงถึงยอดฝีมือของคฤหาสน์ดาบทรราชด้วยซ้ำ อาศัยแค่พลังฝีมือของหวางเฟยเซวียนคนเดียว ด้วยอัจฉริยะภาพที่นางเผยออก แม้ตอนนี้นางจะอ่อนด้อยกว่าพวกมัน แต่น่ากลัวว่าในอนาคตพวกมันก็ไม่แม้แต่จะคู่ควรหิ้วรองเท้าให้นาง! เรื่องนี้ยังขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น!!

เพราะพี่น้องสกุลลั่วสำเหนียกเรื่องนี้ดี มันจึงทำแค่ถลึงตามองหวางเฟยเซวียนเท่านั้น ไม่ได้ล่วงเกินอะไรนางอีก

พวกมันรู้ดีว่าแค่ถลึงตามอง หวางเฟยเซวียนคงไม่ยึดถือเป็นจริงจังอะไร พวกมันย่อมไม่กล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับนาง เพราะหากบาดหมางกันแล้วนางต้องไม่คิดปล่อยพวกมันไว้แน่ นั่นไม่ใช่อะไรที่พวกมันอยากจะเห็น

เช่นนั้นหากกระทำได้พวกมันก็ไม่คิดจะล่วงเกินหวางเฟยเซวียน

“พวกเจ้าแน่ใจงั้นเหรอ ที่จะให้ข้าลงมือก่อน?”

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองคู่พี่น้องสกุลลั่ว กล่าวถามออกมาเสียงเบา

“อะไร? หรือเจ้ากลัวว่าพวกเราพี่น้องจะหลอกลวงเจ้า?”

ลั่วเหอกล่าวเย้ยออกมา

“อย่าได้กังวลไป! ข้าลั่วชานผู้นี้รักษาคำพูดเสมอ และคำกล่าวของข้าล้วนแทนพวกเราทั้งคู่!”

ลั่วชานกล่าวตะโกนเสียงดัง

“ถ้างั้นข้าไม่เกรงใจแล้วกัน…”

ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินคำพูดของพวกมันก็พยักหน้ารับคำ ทันใดนั้นเองแววตาเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา! ปราณสุริยันแรกกำเนิดในร่างพลันโคจรผ่านชีพจรเซียน 99 สายด้วยความเร็วฉับไวค่อยปะทุออกทั่วกาย!!

พริบตาอาณาบริเวณทรงกลมกินรัศมี 100 หมี่โดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลางก็ปรากฏเขตแดนก่อตัวขึ้น!!

เขตแดนของต้วนหลิงเทียน แน่นอนว่าย่อมเป็นเขตแดนหมื่นกระบี่!

ทว่าด้วยการที่เขาใช้ออกด้วยปราณสุริยันแรกกำเนิด จึงทำให้สนามพลังเขตแดนของเขานี้เสมือนกลับกลายเป็นดวงตะวันร้อนแรงแผดแสงเจิดจ้า ไม่เพียงแต่จะห่อหุ้มร่างเขาเอาไว้เท่านั้น กระทั่งพี่น้องสกุลลั่วที่อยู่ไม่ไกลเกินระยะยังถูกปกคลุมไปด้วย!!

จังหวะนี้ทุกผู้คนในลานศิลาไม่เว้นแม้แต่หวังพีก็ถูกม่านแสงทองเจิดจ้าบดบังทัศนวิสัย ไม่อาจแลเห็นสิ่งใดที่อยู่ด้านในสนามพลังของต้วนหลิงเทียนได้เลย!

“แสงนี่มันอันใดกัน!?”

“ดูเหมือนว่า…นี่คือเขตแดน?”

“นี่มันเขตแดนพิสดารอันใดกันแน่ ไฉนมิอาจแลเห็นสิ่งใดด้านในได้เลยเล่า!?”

……

เหล่าศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับหลายคนที่ยกมือขึ้นบดบังแสงสีทองสว่างจ้ากล่าวออกมาด้วยสงสัย สองตาของพวกมันทุกคนตอนนี้หยีลงแทบปิด! ต่างบังเกิดความอยากรู้อยากเห็นนักว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่พวกมันก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย

“นี่คือเขตแดนของเจ้าทึ่มหรือ?”

หวางเฟยเซวียนเองก็ประหลาดใจไม่น้อย “นี่มันเขตแดนผีสางอันใดกัน?”

แม้ไม่ใช่แค่วันสองวันที่หวางเฟยเซวียนรู้จักต้วนหลิงเทียน ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นต้วนหลิงเทียนควบรวมปราณใช้เขตแดนออกมา

“นี่มัน…”

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หลิวเจี้ยนกับเริ่นเฟยที่ยืนอยู่ข้างๆกันท่ามกลางผู้คน พลันหันมามองหน้าสบตากันทันใด และต่างแลเห็นถึงแววตาตกใจเหลือเชื่อของอีกฝ่าย

“เขตแดนนี่…ไฉนเหมือนกับเขตแดนของลี่เฟิงได้เล่า?”

“นั่นสิ ข้าเองก็ได้ยินมาจากท่านลุงหลิวว่ายามที่ลี่เฟิงเปิดใช้เขตแดน จะเสมือนมีดวงตะวันมหึมาบังเกิด…เขตแดนของหลิงเทียนกลับคล้ายกับคำอธิบายเขตแดนของลี่เฟิง ดูเหมือนทั้งคู่จะมีความสัมพัน์กันจริงๆ…”

ทั้งคู่หารือกันพักหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ น้ำเสียงของพวกมันแต่ละคนเต็มไปด้วยความประหลาดใจทั้งแตกตื่น

ส่วนเรื่องราวภายในสนามพลังที่ผู้คนไม่อาจมองเห็นนั้น หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนเปิดใช้เขตแดนหมื่นกระบี่ พี่น้องสกุลลั่วที่อยู่ห่างไม่ถึงร้อยหมี่ก็ถูกเขตแดนของเขากลืนกินไปด้วย และตอนนี้สีหน้าของพวกมันทั้งคู่ยังเปลี่ยนไปราวคนละคน

เพราะตอนที่พวกมันอยู่ในเขตแดนของต้วนหลิงเทียนนั้น พวกมันพบว่าปราณแรกกำเนิดในร่างของพวกมัน…ไม่อาจโคจรใช้ออกได้เลย!!

ปราณแรกกำเนิดของพวกมันถูกสะกดข่ม!!

“ปะ…เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”

“เป็นไปไม่ได้! ต่อให้มันจะเป็นยอดฝีมือเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด แต่เขตแดนที่มันสร้างขึ้นด้วยปราณแรกกำเนิดของมัน ก็ไม่มีทางสะกดข่มปราณแรกกำเนิดในร่างของพวกเราได้…สะกดข่มปราณแรกกำเนิดถึงขั้นที่พวกเราไม่อาจโคจรใช้ออกได้ มีเพียงเขตแดนที่สร้างจากปราณแรกกำเนิดของตัวตนขอบเขตพลังอริยะเซียนเท่านั้น!!”

พี่น้องสกุลลั่วตื่นตระหนกกันยกใหญ่ พวกมันไม่อาจทราบได้จริงๆว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!

ตั้งแต่ต้นจนจบพวกมันไม่เคยสงสัยเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนอาจจะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตอริยะเซียนเลย!

ต้วนหลิงเทียนก็แค่รุ่นเยาว์อายุไม่ถึง 40 ปี พวกมันไม่อาจเชื่อมโยงตัวตนเช่นนี้กับขอบเขตพลังอริยะเซียนได้ออก

แน่นอนว่าอันที่จริงต้วนหลิงเทียนก็ไม่ใช่อริยะเซียน ที่เขาสามารถสะกดปราณแรกกำเนิดของพี่น้องสกุลลั่วได้ เพราะเขาไม่ได้ใช้ปราณแรกกำเนิดธรรมดาๆ แต่เป็นปราณสุริยันแรกกำเนิด!

ในแง่พลังอำนาจแล้ว ปราณสุริยันแรกกำเนิดของเขามันเทียบได้กับปราณแรกกำเนิดของตัวตนขอบเขตพลังอริยะเซียนขั้นตน!

เช่นนั้นปราณแรกกำเนิดของพี่น้องสกุลลั่วจึงถูกสะกด!

“สมควรเป็นความสามารถพิเศษของเขตแดนมัน!!”

“ใช่! พลังพิสดารของเขตแดนมันสามารถสะกดปราณแรกกำเนิดของพวกเราได้!!”

ไม่นานลั่วเหอกับลั่วชานที่พึมพำออกมาด้วยความตกใจ ก็เห็นพ้องต้องกัน

ถึงแม้เสียงพึมพำของทั้งคู่จะไม่ได้ดังอะไร แต่ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินชัดเจน จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ด้วยไม่คิดว่าจินตนาการของพวกมันจะเป็นตุเป็นตะขนาดนี้

“มันจบแล้ว…”

แววตาของต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นไร้แยแส เพียงห้วงคิดจิตสั่งการ กระบี่พลังสีทองนับหมื่นเล่มในเขตแดนหมื่นกระบี่พลันพุ่งเข้าหาพี่น้องสกุลลั่วทันที!!

เสียงกระบี่หมื่นเล่มพุ่งแหวกฝ่าอากาศดังขึ้นพร้อมเพรียง บังเกิดเป็นแรงกดดันไร้สภาพอันหนักอึ้งไม่น้อย!

“อั๊ค!!”

ยังไม่ทันโดนกระบี่ทำร้าย เพียงต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันพลังอันน่ากลัวจากกระบี่พลัง 10,000 เล่มที่กรูกันเข้ามาทุกทิศทาง ลั่วเหอก็ไม่อาจทานรับแรงกดดันได้ไหว ร่างมันทรุดลงก่อนพี่ชาย ยังกระอักโลหิตออกมาเต็มปาก!!

และไม่นานลั่วชานก็เจริญรอยตามมัน

“นี่มันเขตแดนบัดซบอันใดกันแน่!?”

เมื่อล้มลงไปทั้งคู่ก็พยายามเร่งเร้าปราณแรกกำเนิดออกมาสุดชีวิต หมายทานทนรับพลังอันน่ากลัวที่กำลังใกล้เข้ามาจากทุกสารทิศ อนิจจาพวกมันทำได้แค่หันมามองหน้าสบตากันดว้ยความสิ้นหวังเท่านั้น เพราะไม่อาจทำอะไรได้เลย

กระบี่พลังนับหมื่นเล่ม ทั้งแต่ละเล่มก็เปล่งพลังอำนาจมหึมา ทำให้พวกมันรู้สึกเสมือนกำลังจะถูกขุนเขานับหมื่นถล่มทับ!!

“ไม่ได้เรื่อง…”

เมื่อเห็นสภาพอนาถของทั้งคู่ ต้วนหลิงเทียนก็เบ้ปากออกด้วยความรังเกียจ จากนั้นก็ไม่มีอารณ์หยอกล้ออะไรพวกมันอีก เพียงใจคิด กระบี่พลังนับหมื่นเล่มพลันหลอมรวมเป็นกระบี่สีทองเล่มเขื่อง พุ่งทะยานออกไปฉับไว!!

ปงงงง!!

กระบี่พลังเล่มเขื่องพุ่งปะทะร่างทั้งคู่อย่างจัง!!