บทที่ 410 เป้าหมายของซานเป่าคือแม่ทัพหญิง

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 410 เป้าหมายของซานเป่าคือแม่ทัพหญิง

วันถัดมา

ข่าวการหายตัวไปของตู้เย่รู้ไปถึงหูของจ้าวชู แต่หลังจากที่เขาได้พบกับตู้เย่เมื่อวานนี้เขารู้สึกว่าคนผู้นั้นไม่ใช่เสวี่ยนเซิงตู้เย่ เขาจึงไม่ให้ความสนใจ

จ้าวชูได้คุยกับสองพี่น้องตระกูลซุน เขารู้ว่าทั้งคู่มีความสามารถมาก ความสนใจของเขาจึงพุ่งไปที่ทั้งสองคนมากกว่าตู้เย่ เขาต้องการสองพี่น้องซุนมาก แต่จ้าวชูไม่รู้เลยว่าการที่ตู้เย่จากไป นั่นหมายถึงเขาได้สูญเสียแม่ทัพมากฝีมือไป

….

จวนอู่โหว

วันนี้เป็นวันหยุดของเว่ยฉิง พิธีคำนับอาจารย์จึงถูกจัดขึ้นในวันนี้ แม้ไม่ได้ใหญ่โตและไม่ได้มีการเชิญแขกหรือบุคคลภายนอกมา แต่ก็เต็มไปด้วยพิธีการที่เคร่งขรึม คนทั้งครอบครัวนั่งรวมตัวกันที่ห้องโถงรับแขก ตู้เย่นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของห้อง วันนี้เขาสวมเสื้อผ้าสีน้ำเงินคราม มัดผมเปิดหน้าผากที่เรียบเนียน ทำให้ตู้เย่ทั้งงดงามและหล่อเหลาในเวลาเดียวกัน ซานเป่าเอียงศีรษะมองไปที่อาจารย์ของนาง

วันนี้อาจารย์ของนางหล่อเหลา ทั้งเขายังมีดวงตาที่งดงามอีกด้วย

ถังหลี่ยื่นถ้วยน้ำชาให้แก่ซานเป่า นางรับไป จากนั้นจึงได้คุกเข่ายกน้ำชาให้กับตู้เย่

“โปรดรับการคารวะจากศิษย์ด้วยเจ้าค่ะ” ซานเป่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตู้เย่หยิบถ้วยชาขึ้นจิบ ก่อนที่ซานเป่าจะคำนับให้ตู้เย่สามครั้ง เป็นการเสร็จสิ้นพิธี ตู้เย่อดมองซานเป่าไม่ได้

ตอนนี้เขามีลูกศิษย์แล้ว

นางจะเป็นคนที่เขาห่วงใยและกังวลในโลกใบนี้

หลังจากจบพิธี ซานเป่าพาตู้เย่ไปเดินเล่นรอบๆ เพื่อให้เขาคุ้นเคยกับที่นี่

……

วันถัดมา

ตู้เย่เริ่มสอนซานเป่าฐานะอาจารย์ ในตอนเช้าเขาพาซานเป่าไปที่ลานซ้อม เด็กหญิงตัวน้อยนั่งท่าม้า นางเอามือประสานกันดันออกจากลำตัว

ใบหน้าของซานเป่าขึ้นสีแดงระเรื่อ เหงื่อไหลหยดจากหน้าผาก นางทำท่านี้มาเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามครึ่งแล้ว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า นางทำได้มากที่สุดก็เพียงแค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้น

ทันทีที่ตู้เย่เดินมา นางหอบหายใจอย่างหนักมองไปที่อาจารย์อย่างกระตือรือร้น

“อีกครึ่งชั่วยาม” เขาพูดอย่างเย็นชา

ซานเป่ากัดฟันและอดทน พวกคนหน้าตาดีมักชอบดุหรือ? ไม่สิ! ท่านแม่ไม่เห็นจะดุเลย มีแต่ท่านอาจารย์นั่นแหละใจร้าย! ซานเป่าก่นด่าตู้เย่ในใจ นายท่านอู่มองจากข้างสนาม เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป

“ท่านอาจารย์ ซานป่ายังเด็กอยู่เลย สองชั่วยามไม่โหดไปหน่อยหรือ?” เมื่อเขาพูดจบ ตู้เย่ชำเลืองมองมาทางเขาอย่างเย็นชา

“นายท่านอู่ ท่านรักนางมาก ท่านจะมาทำแทนนางสักครึ่งชั่วยามดีหรือไม่?”

“หะ..? เมื่อครู่ข้าพูดว่าอะไรนะ แก่แล้วก็เลอะเลือนเช่นนี้”

นายท่านอู่เดินไปข้างหน้าซานเป่าเขาชูกำปั้นขึ้น

“หลานปู่ พยายามเข้านะ”

“…”

หลังจากที่ยืนนานกว่าสองชั่วยาม ซานเป่าก็รู้สึกว่าขาของนางไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป

…..

การฝึกช่วงเช้าเสร็จสิ้นลง ตู้เย่ให้นางพักครึ่งชั่วยาม กินข้าวและฝึกอีกครั้งในตอนบ่าย

“พลังจากหมัดนั้นด้อยกว่าอาวุธ ข้าจะสอนดาบให้เจ้า” ตู้เย่กล่าว

วิชาดาบ?

ดวงตาของซานเป่าสว่างขึ้น

พ่อของนางสวนมวยให้กับนาง แต่จริงๆ นางอยากเรียนรู้ทักษะอื่นมานานแล้ว น่าเสียดายที่บิดาของซานเป่ามีเพียงกำปั้นที่แข็งแกร่งเท่านั้น ส่วนการใช้ดาบเขาได้แต่ฟันอย่างโหดเหี้ยม นางอยากเรียนมานานแล้ว

ซานเป่ากระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เป็นอย่างมาก ทันใดนั้นนางรู้สึกว่าไม่ปวดเอวอีกต่อไป! แม้แต่ขาของนางก็ไม่เจ็บอีกด้วย!

เนื่องจากซานเป่ายังเพิ่งหัดเรียน ตู้เย่จึงไม่ได้นำดาบจริงให้นางแต่เป็นดาบไม้เท่านั้น ซานเป่ารับมันไปอย่างไม่เต็มใจ

“เมื่อเจ้าเชี่ยวชาญแล้ว อาจารย์จะให้ดาบจริงแก่เจ้า” ตู้เย่กล่าว

“ตกลง! ข้าจะฝึก! สัญญา” ซานเป่ายื่นนิ้วก้อยออกมา

“เด็กโง่”

ถึงอย่างนั้นตู่เย่ก็ยื่นมือไปเกี่ยวก้อยกับนาง แต่การเรียนรู้เรื่องใหม่นั้นเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตู้เย่เข้มงวดกับนางมาก ในตอนเช้าซานเป่าต้องนั่งท่าม้า ตอนบ่ายเรียนวิชาดาบ นางต้องฝึกซ้อมทั้งวันแทบไม่ได้หยุดพัก

อาจารย์ของนางโหดมาก เรี่ยวแรงของนางแทบไม่เหลือแล้วเขาไม่สนใจด้วยซ้ำ

ซานเป่าเติบโตมากับความรักของคนทั้งครอบครัว ไม่เคยต้องทนลำบากแม้สักครั้ง นางจึงเกิดท้อขึ้นมาบ้างเป็นธรรมดา แต่เพราะความดื้อรั้น นางจึงกัดฟันอดทนไม่บอกใครในครอบครัว

ผ่านไปสองสามวันถังหลี่ทนไม่ไหวจึงมาคุยกับตู้เย่

“ตู้เย่ ท่านไม่คิดว่าท่านเข้มงวดกับนางเกินไปหรือ?”

“ข้ารู้ว่าขีดจำกัดของนางอยู่ตรงไหน อันที่จริงนางทำได้ทุกอย่างแล้ว”

“หากเจ้าคิดว่าการฝึกของซานเป่าเป็นแค่เรื่องที่นางจะไว้ใช้ป้องกันตัว ภายหน้านางจะเป็นสตรีในห้องหอดั่งเช่นบุตรสาวบ้านอื่น ข้าจะไม่สอนอะไรให้นางมากมายนัก”

“แต่ในเมื่อเจ้าบอกว่านางจะเป็นแม่ทัพ ดังนั้นนางจึงต้องฝึกให้มากขึ้น” ตู้เย่พูด

คำพูดของตู้เย่พุ่งเข้าใส่ในหัวใจของถังหลี่ ใช่ ซานเป่าของนางคือว่าที่แม่ทัพหญิง ในสนามรบดาบไม่มีตา คนเป็นแม่ทัพต้องเผชิญกับอันตรายมากกว่าสตรีในห้องหอ

ก่อนที่ถังหลี่จะได้เป็นมารดา นางคิดว่าการเป็นแม่ทัพหญิงเป็นเรื่องที่ดี เป็นวีรสตรีที่เก่งกาจ เป็นผู้หญิงเหตุใดต้องอยู่แต่บ้านเฝ้าแต่เรือน โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่ การเป็นแม่ทัพจึงเป็นเรื่องดี

แต่หลังจากที่นางได้รู้ซึ้งถึงความเป็นมารดาของเด็กน้อยแล้ว นางหวังเพียงให้ซานเป่าเป็นหญิงสาวธรรมดาเท่านั้น มีชีวิตที่มั่นคง ไม่อยากให้นางต้องเสี่ยงกับอะไรอีกต่อไป

แต่อย่างไรก็ตาม ถังหลี่ต้องหยุดความคิดนี้ไว้ นางไม่สามารถยัดเยียดความคิดตัวเองให้กับลูกได้ ซานเป่าชอบศิลปะการต่อสู้ นางจะเป็นแม่ทัพหญิง ชีวิตของนางไม่ได้ถูกกำหนดมาให้ใช้ชีวิตธรรมดา

ยิ่งนางแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ซานเป่าจะรับมือกับอันตรายได้มากขึ้นเท่านั้น

ความขมขื่นในตอนนี้จะเป็นความสบายในวันหน้า การบาดเจ็บในตอนนี้จะทำให้ซานเป่าในสนามรบบาดเจ็บน้อยลง นางเข้าใจดี

“ตู้เย่ ซานเป่าคือศิษย์ของท่าน ท่านสั่งสอนนางเถอะ” ในที่สุดถังหลี่จึงเอ่ยปาก

ในเมื่อถังหลี่ตกลงใจเช่นนั้น ต่อให้คนในครอบครัวคิดอยากขัดแย้งไม่เห็นด้วยเพียงไหน ก็ย่อมไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาคัดค้าน

พริบตาเดียวก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว

หลังจากมื้อกลางวัน ซานเป่ารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย นางจึงพิงต้นไม้และหลับไป นางตื่นขึ้นมาอย่างงุนงง บนตัวของนางมีเสื้อคลุมอยู่และเห็นตู้เย่กำลังทายาที่มือของนาง

“อาจารย์”

ตู้เย่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ซานเป่าตื่นเขาก็รีบเก็บยาไปทันที แต่สายตาที่เฉียบคมของซานเป่าก็ยังคงเหลือบมองไปที่เขา

“อืม”

“ท่านอาจารย์” ซานเป่าเรียกอีกครั้ง ตู้เย่ก็ไม่สนใจนาง

“อาจารย์” ซานเป่าเรียกอีกครั้ง

เสียงที่น่าเอ็นดูของซานเป่าดังขึ้นไม่ขาด แล้วตู้เย่จะทนต่อไปได้อย่างไร?

“ต่อให้ทำตัวเป็นเด็กน้อย เจ้าก็ต้องฝึกอย่างเข้มงวดอยู่ดี” ตู้เย่พูด

“ขอบคุณท่านอาจารย์”

เขาเป็นห่วงนางเช่นกัน เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ซานเป่าจึงอดมีความสุขไม่ได้

“อาจารย์ ตอนที่ท่านยังเด็กท่านฝึกแบบนี้ไหม?” ซานเป่าถามอย่างสงสัย นางเอียงศีรษะเล็กน้อย ตอนนี้นางลำบากมาก นางอยากรู้ว่าตอนเด็กอาจารย์นั้นเป็นแบบนางไหม

“ยากกว่านี้” ตู้เย่กล่าว

มันไม่ได้ลำบากแบบนี้ แต่มันโหดร้ายมาก ตู้เย่ไม่ชอบพูดถึงเรื่องในอดีตของตัวเอง แต่เมื่อเห็นว่าซานเป่ามองมาที่เขาอย่างกระตือรือร้น ชายหนุ่มก็ตกลงไปในห้วงความทรงจำและค่อยๆ เล่าเรื่องในอดีตออกมา