ตอนที่ 253 ฉางโซ่วมีแผนการล้ำเลิศของเขาเอง (1)
แท้จริงแล้ว เทพแห่งท้องทะเลคนนี้เป็นผู้ใดกัน? เมื่อส่งข่าวแล้ว ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็สังหารยุงเลือด จากนั้นนางก็ลืมตายาวรีดุจตาหงส์ขึ้น ใบหน้างดงามของนางดูเคร่งขรึมขณะที่นางอยู่บนเตียงตรงมุมของเคหาสน์ถ้ำ
เมื่อเทพแห่งท้องทะเลทักษิณและปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเกลี้ยกล่อมนาง นางก็ยังไม่เต็มใจอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเห็นภาพวาดนั้น และได้ยินการสนทนาระหว่างคนทั้งสามรวมถึงได้เห็นบุญแห่งศาลสวรรค์ในวันนี้…
ภาพวาดของจอมปราชญ์เทพ!
นั่นเป็นภาพวาดของจอมปราชญ์เทพอย่างแน่นอน!
บัดนั้น เจตจำนงแห่งกระบี่ที่เฉียบคมไหลเวียนไปมาระหว่างฝีแปรงพู่กันและหมึกเรียบง่ายของภาพวาด และกลิ่นอายที่จอมปราชญ์เทพทิ้งไว้บนภาพวาดนั้นกำลังจะทำลายหัวใจเต๋าของนาง!
จอมปราชญ์เทพนั้นคือผู้ใด? คำตอบนั้นชัดเจนในตัวเอง!
เทพแห่งท้องทะเลผู้นี้มิได้เป็นเพียงคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเท่านั้นใช่หรือไม่?
มีสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยอยู่เบื้องหลังเขาด้วยหรือไม่?
เป็นไปได้หรือไม่ที่ทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าอาศัยเรื่องของเผ่ามังกรมาวางกับดักและกำลังพยายามวางแผนร้ายต่อสำนักบำเพ็ญประจิม?
นี่เป็นการแอบสมคบคิดวางแผนกันของจอมปราชญ์เทพอย่างแน่นอน!
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงตัวสั่นเล็กน้อย ในใจของนางเต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งกระบี่ ในขณะนั้น ภาพของเทพแห่งท้องทะเลทักษิณผู้ใจดีและมีเมตตาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้านาง… เทพแห่งท้องทะเลทักษิณผู้นี้…
เป็นผู้ดำรงอยู่ที่ได้รับความสำคัญจากทั้งปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ทงเทียนและบรรพชนไท่ชิงพร้อมๆ กัน
ก่อนหน้านี้ข้ายังเคยล้อเขาเล่นด้วยการใช้ให้สานุศิษย์วิหารที่ชราทำให้เขาอับอายต่อหน้าคนอื่นแล้วก็เอามาล้อเลียนเป็นเรื่องตลก!
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้งทันที
ดีมาก มีเพียงผู้ดำรงอยู่เช่นนี้เท่านั้นที่จะทำให้ราชินีผู้นี้เชื่อฟังได้
แต่นับจากนี้ไปในภายหน้า จะเป็นท่านหรือข้าที่จะคว้าชัยได้?
“ฮ่าฮ่า! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ฮ่า…”
ในเคหาสน์ถ้ำนั้น ยิ่งนางหัวเราะ ก็ยิ่งหัวเราะไม่ออก เสียงหัวเราะของนางนั้น… ฟังดูมีความมั่นใจลดน้อยลงเรื่อยๆ
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก่ายหน้าผากอย่างรวดเร็วและสบถเสียงเบาออกมาสองสามคำโดยไม่รู้จะทำอย่างไร
ยามนี้นางถูกอีกฝ่ายจับและควบคุมเอาไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว ยิ่งกว่านั้น เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เทพแห่งท้องทะเลกล่าวในวันนี้อย่างรอบคอบแล้ว เขาจะต้องจัดเตรียมอนาคตของนางเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคนผู้นี้… “ข้าไร้พลังและทำอันใดไม่ถูกจริงๆ”
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงถอนหายใจเบา ๆ และนอนอยู่บนเตียงพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
‘ลอบโจมตีวังมังกรทะเลทักษิณ ล่อเสือออกจากถ้ำ แล้วโจมตีสถานที่จัดงานอภิเษกของวังมังกรทะเลบูรพา…
หรือว่า ยุงถูกเปิดโปงแล้ว? หรือนี่คือหมอก[1]ที่อีกฝ่ายจงใจปล่อยออกไป?
ในหอโอสถแห่งยอดเขาหยกน้อย … หลี่ฉางโซ่วได้พิจารณาข้อมูลที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงส่งมาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ต่างๆ
เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปมา และท้ายที่สุดก็หยุดอยู่ตรงจุดท่ามกลางแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในขณะที่ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
น่าสนใจนัก ในตอนนี้ ดูเหมือนว่า ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจะตกใจกลัวกับภาพวาดภูเขาแม่น้ำที่เขาแขวนไว้ที่กลางห้องโถง หลี่ฉางโซ่วตั้งใจทำเช่นนั้น และจงใจวางภาพวาดของท่านเจ้าสำนัก ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ทงเทียนเจี้ยวจู่ เอาไว้ที่นั่นเพื่อเตือนผู้ที่วางอุบายทำร้ายเขาและสำนักเทพทะเล
เป็นเพียงการใช้ประโยชน์จากมัน
แต่คาดไม่ถึงว่ามันจะส่งผลดีมากถึงขนาดนั้น
ดูเหมือนว่า ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจะจำภาพวาดนั้นได้ว่าเป็นของผู้ใดได้ในทันที
เจตจำนงแห่งกระบี่ที่เฉียบคมถึงเพียงนี้…
นอกจากเป็นจอมปราชญ์เทพ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยแล้ว ก็หาผู้ใดไม่ได้ที่จะทำเช่นนั้นได้อีกในโลกบรรพกาลนี้
วันนี้ เมื่อผู้บำเพ็ญเหวินจิงกล่าวกับเขาผ่านการส่งข้อความเสียงอย่างสุภาพนุ่มนวลกว่าเดิมมาก…
นางดูเสมือนฮูหยินตัวน้อยที่เพิ่งแต่งงานและเข้าไปในบ้านของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ข้างบ้าน…
ก่อนหน้านี้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงไม่มั่นใจ ครั้งล่าสุดที่นางมาที่นี่ นางยังกลั่นแกล้งเทพแห่งท้องทะเลอีกด้วย ทว่ามาวันนี้ นางเรียกเขาว่า ‘ท่านเทพ’ อย่างนอบน้อม และยังถึงกับเริ่มถามว่าเขามีคำชี้แนะอื่นๆ ให้นางอีกหรือไม่
หลี่ฉางโซ่วจะไม่มีวันลืมคำขอของจอมปราชญ์เทพ เขาชี้แนะอย่างจริงจังว่า “ข้าไม่อยากให้เจ้ายังคงซ่อนตัวอยู่ที่นั่นเพื่อส่งต่อข้อความอีกต่อไป สหายเต๋า เจ้าไม่ควรเปิดเผยตัวเอง หากจำเป็น สหายเต๋าก็สามารถทำลายสำนักเทพทะเลทักษิณเพื่อปกป้องตัวเจ้าเองได้”
“นางน่าจะรู้ว่าข้าหมายถึงอะไร เพราะอย่างไรเสีย นางก็หาใช่คนโง่เขลาไม่”
หลี่ฉางโซ่วพึมพำสองสามคำขณะยืนเอามือไพล่หลังท่ามกลางแสงแดด และยังคงคิดถึงแผนการของเขาต่อไป
เขาไม่ได้คิดถึงวิธีปกป้องเผ่ามังกร แต่จะเผยพลังแห่งศาลสวรรค์ให้เห็นว่ายิ่งใหญ่อย่างไร
ในยามนี้ มีทหารและแม่ทัพอยู่ในศาลสวรรค์ไม่กี่คน และเป็นที่น่าอึดอัดใจที่สุดในชีวิตขององค์เง็กเซียน
แม้เมื่อแม่ทัพตงมู่จะยินดีตอบคำถามของเขาว่ามียอดฝีมือในศาลสวรรค์บ้างหรือไม่ แต่นั่นก็น่าจะเป็นเพราะองค์เง็กเซียนเคยสั่งเขาเอาไว้มาก่อนหน้านี้
มียอดฝีมือในศาลสวรรค์จริงๆ มีบรรดาร่างจำแลงของจอมปราชญ์เทพในวังดุสิต องค์เง็กเซียนและเทพมารดาหวังหมู่ ซึ่งไม่อาจดูเบาฐานพลังปราณของพวกเขาได้
ทว่าก็มีทหารน้อยคนนักที่องค์เง็กเซียนจะใช้ได้จริงๆ แล้วจะนับประสาอะไรกับการเชิญปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่
ความแข็งแกร่งของทหารถั่วก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ ยังไม่อาจสร้างพลธนูถั่วหนึ่งแสนคนได้จริงๆ…
หลี่ฉางโซ่วอดหัวเราะออกมาไม่ได้
เขายังต้องพิจารณาด้วยว่า ในช่วงเวลานั้นหากเขาดูโดดเด่นเกินไป อาจทำให้องค์เง็กเซียนเกิดความสงสัยได้หรือไม่
หลี่ฉางโซ่วให้ความเคารพอย่างเพียงพออยู่เสมอต่อฝ่าบาท องค์เง็กเซียน ผู้ซึ่งสามารถสร้างมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพได้ตลอดเวลา และเขาก็ยังคอยระวังตัวอยู่
ข้าเป็นบ่าวรับใช้และก็เหมือนเป็นคู่ต่อสู้ของพระองค์ด้วยเช่นกัน
เพราะในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่ได้มีความจงรักภักดีใดๆ เลย สิ่งที่เขาต้องการคือ บุญและการคุ้มครองจากศาลสวรรค์เท่านั้น
องค์เง็กเซียนก็น่าจะรู้ดีถึงแผนการต่างๆ ที่คิดค้นขึ้นเพื่อผลประโยชน์เหล่านี้
คราวนี้ สำนักบำเพ็ญประจิมจะซ่อนตัวอยู่ในเงามืดและให้กองทัพกบฏเผ่าทะเลออกตัวลงมือแทนพวกเขา เมื่อถึงช่วงวิกฤติ ก็จะมีตัวหมากอย่างผู้บำเพ็ญเหวินจิงและเผ่าปีศาจทะเลลึกเปิดเผยตัวออกมา…
หากบรรดาศิษย์ของจอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมปรากฏตัวขึ้น หลี่ฉางโซ่วก็จะเชิญปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ให้ปรากฏตัวโดยตรงเพื่อจัดการสิ่งต่างๆ ในนามของศาลสวรรค์
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะเกรงกลัวผู้ใดเล่า ในเมื่อเขาอยู่บนยอดเจดีย์เสวียนหวง?
ส่วนข้า ปรมาจารย์เต๋าน้อย มีหน้าที่รับของขวัญขอบคุณจากเผ่ามังกร ซึ่งเพียงพอแล้วที่ข้าจะซ่อนอยู่ข้างหลังและร้องตะโกนว่า “ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ช่างน่าทึ่งเพียงใด?”
แล้วข้าควรจัดการอย่างไรเพื่อให้ศาลสวรรค์มีบทบาทสำคัญได้?
ต้องคิดเรื่องนี้ให้ละเอียดรอบคอบเพื่อหาระดับ ‘ความเหมาะสม’…
แต่ก็ไม่ปลอดภัยที่จะคิดเช่นนั้น
ในเวลานี้ ร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วลืมตาขึ้นมาในห้องลับใต้ดิน เขากางม้วนภาพวาดคนสองภาพเอาไว้บนพื้นแล้วเริ่มพิจารณาและคาดการณ์อย่างรอบคอบขณะทำเครื่องหมายของกลุ่มกองกำลังหลายฝ่าย และวาดแผนภาพเพื่อสรุปความเป็นไปได้ต่างๆ
คราวนี้ หลี่ฉางโซ่วได้วางแผนเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ภายในสามวัน
ในท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นเพียงงานอภิเษกครั้งใหญ่ของอ๋าวอี่ที่จะเกิดขึ้นในอีกสิบเอ็ดหรือสิบสองปีข้างหน้า มีสถานที่ไม่มากนักที่จะให้เขาออกแบบและจัดการได้ แค่ก็เพียงพอที่จะให้คิดและมองอะไรได้ชัดเจนและทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่งได้
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วจะเขียนบันทึกเสนอแนะถึงองค์เง็กเซียนอีกครั้ง เพื่อรายงานเรื่องแผนการของสำนักบำเพ็ญประจิม เขาจะขอองค์เง็กเซียนให้ส่งทหารชั้นยอดจำนวนสองหมื่นนายไปรอคำสั่งบนท้องฟ้าเหนือทะเลบูรพาเพื่อช่วยรักษาสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือเผ่าพันธุ์มังกรในยามคับขันได้…
แน่นอนว่า ทหารชั้นยอดสองหมื่นนายนั้นไม่ได้มีประโยชน์มากนัก ทว่าหากเป็นทหารถั่วเซียนชั้นยอดสองหมื่นนายที่เขาให้พวกเขา…
ในเวลานั้น แต่ละคนจะใช้วิธีของตนเอง สะบัดมือและโปรยถั่วกระจายออกไปตามใจชอบ และพลธนูหนึ่งล้านคนก็จะลงไปใต้ทะเลบูรพาเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่บุกมาโจมตีพวกเขาอย่างเกรี้ยวกราด…
ฉากนั้น!
ว้าว แน่นอนว่า นั่นเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น
สิบสองปีก็เพียงพอให้หลี่ฉางโซ่วจะดูแลและฝึกฝนทหารถั่วเซียนหนึ่งหรือสองประเภทที่ทรงพลังแข็งแกร่งมากขึ้น และเมื่อร่วมกับทหารสวรรค์สองหมื่นนาย ก็น่าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีได้
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังทำให้ผู้คนรู้สึกว่าศาลสวรรค์ได้ส่งทหารหลายแสนนายมาเสริมกำลังช่วยพวกเขา
ฝ่าบาท องค์เง็กเซียนไม่น่าจะปฏิเสธเรื่องนี้
หลี่ฉางโซ่วตัดสินใจ และขณะที่เขากำลังจะเบนความสนใจไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในเมืองอันสุ่ย เขาก็แผ่สัมผัสเซียนรับรู้ไปเฝ้าดูเหตุการณ์ในสำนักและจับสังเกตเห็นร่างที่มาจากยอดเขาพิชิตสวรรค์
………………………………………………………………
[1] หมายถึงจงใจหลอกนาง อาจเพราะรู้ว่านางทรยศหรือแปรพักตร์แล้ว