บทที่ 498 เขาวงกต

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 498 เขาวงกต

บทที่ 498 เขาวงกต

ฉู่เหินไม่สนสายตานั่นว่าจะมองยังไง ! และทำสิ่งที่ค้างไว้ต่อ หมัดสองข้างของเขารั่วต่อยอีกฝ่ายไม่ได้หยุด ! จนทำให้ชายหนุ่มคนนั้นเลือดกำเดาไหล ก่อนที่ฉู่เหินจะยกขาข้างหนึ่งถีบหน้าอกอีกฝ่ายจนกระเด็นลอยตกไปไกลลิบ !

ตอนนี้เองที่อีกฝ่ายกระอักเลือกออกมาคำโต ! ก่อนที่สายตาของเขาจะพร่าและหมดสติไป ! หลิวซานพีที่เห็นฉากนี้ก็ถึงกับโมโห ! ต้องเข้าใจว่าคนเมื่อกี้นั้นเป็นหลานชายของเขาเอง และก็เป็นคนที่พลังมากที่สุดในทีมคนหนึ่งด้วย

แต่ใครจะไปคิดว่าเด็กคนนั้นจะสู้ไม่ได้ ! แม้ว่าหลิวซานพีจะรู้สึกสงสัยว่าฉู่เหินโจมตีเองจริงไหม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ใช่พลังของฉู่เหินเอง ! เมื่อคิดแบบนี้หลิวซานพีที่คิดจะยั่วยุต่อก็หยุดการกระทำลง

สายตาที่เขามองมายังฉู่เหินนั้นราวกับว่าเขาแค้นจนอยากกินชายหนุ่มเข้าไป สุดท้ายเขาก็กลอกตาไปมา ก่อนจะวางแผนคิดทำอะไรบางอย่าง ! หลังจากนั้นหลิวซานพีก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เขาเข้าใกล้ฉู่เหินชนิดที่ว่าพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ !

“ฉันว่านายหน่วยก้านไม่เลวนี่ เอาอย่างนี้ดีไหม นายตามไอ้บ้าจางนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก ไม่สู้มากับฉันสิ ! ฉันจะทำให้นายเข้าพรรควายุอัสนีได้สบาย ๆ เลย ! ” หลิวซานพีพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มราวกับว่าเปลี่ยนเป็นคนละคน !

จางซานเฟิงได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกกระวนกระวาย และในขณะที่เขากำลังจะด่าหลิวซานพี จางซานเฟิงก็ต้องอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น !

“ขอประทานโทษด้วยนะครับ ผมอยากจะเข้าพรรคด้วยความสามารถของผมเองมากกว่า ถ้าใช้เส้นสายอะไรแบบนั้น ผมคิดว่ามันออกจะไร้ค่าไปหน่อย ! ” ฉู่เหินพูดตอกกลับไปทั้งยิ้ม ๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับทีมตัวเอง !

การกระทำนี้ทำให้หลิวซานพีกัดฟันอย่างโกรธแค้น ! เขาคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะฉลาดแบบนี้ ! ต้องเข้าใจว่าถ้าฉู่เหินเลือกตามเขาไป ฉู่เหินก็ไม่ต่างจากไอ้โง่คนหนึ่ง ! เพราะอาศัยเขาคนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ฉู่เหินเข้าพรรคไม่ได้ อีกทั้งเมื่อกี้ฉู่เหินยังตีหลานชายเขาจนกระอักเลือดอีกด้วย

พอจางซานเฟิงได้ยินที่ฉู่เหินพูดก็หัวเราะ ตอนแรกเขานึกกลัวว่าชายหนุ่มจะเลือกจากไปจริง ๆ เพราะจางซานเฟิงนั้นรู้จักคนอย่างหลิวซานพีดี ว่าถ้าฉู่เหินเลือกตามไปล่ะก็ มันคงไม่ใช่ตัวทางเลือกที่ดีแน่ ๆ ! หลังจากนั้นจางซานเฟิงก็ผสานมือให้หลิวซานพีอย่างมีมารยาท ก่อนจะพาพวกของตัวเองเดินจากไป !

ทันทีที่อีกฝ่ายจากไปแล้ว หลิวซานพีก็ยืนกัดฟัน “รอให้เข้าวงกตไปก่อนเถอะ ถ้าเจอหมอนั้นก็คิดหาวิธีฆ่ามันให้ฉันซะ ! ใครที่ทำให้มันตายได้ฉันจะให้ของวิเศษคนนั้นหนึ่งอย่าง” พอหลิวซานพีพูดแบบนั้นก็ทำให้ทุกคนรู้สึกอยากสู้แล้ว

แต่ก็มีบางคนที่ฉลาด รู้จักประเมินตัวเอง อาศัยความสามารถของพวกเขา ไม่สามารถล้มฉู่เหินได้หรอก ! ดูจากหมัดของฉู่เหินที่สามารถต่อยคนที่เก่งกว่าตัวเองจนกระอักเลือกได้ก็รู้แล้ว !

แม้ในใจจะคิดอย่างงั้น แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมา พวกเขาทำเป็นโกรธก่อนมองอย่างแค้น ๆ ไปทิศทางหนึ่ง ! หลิวซานพีมองท่าทางของพวกเขาก็พอใจ ชมออกมาหลายประโยค และเดินนำพวกเขาเข้าเขาวงกตไป

ถึงจะพูดว่าเขาวงกต ที่จริงมันก็คือภูเขาลูกหนึ่ง เพื่อสร้างเขาวงกตนี้ ทางพรรควายุอัสนีถึงกับขุดภูเขาทั้งลูก เรียกได้ว่าเล่นใหญ่มาก ! เขาวงกตนี้สร้างด้วยค่ายกลถึงแปดอย่าง อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนภายในไปค่อนข้างเยอะ คนที่รู้เรื่องค่ายกลพอเข้าไปภายในก็ไม่รอด มีแต่ผู้ที่จิตวิญญาณแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะพอผ่านไปได้ !

และเพื่อให้พวกเขากระตือรือร้นยิ่งขึ้น ทางพรรคก็ได้วางของวิเศษไว้กว่า 10 ชิ้น คนที่ผ่านด่านได้คนแรกก็จะได้เลือกก่อน 1 ชิ้น ไม่ต้องพูดถึงของวิเศษระดับต่ำสุดใน 10 ชิ้น เพราะของวิเศษพวกนี้ย่อมดีกว่าที่ผู้เข้าแข่งขันมีแน่นอน

เมื่อได้ยินว่ามีของรางวัลเป็นของวิเศษ คนทั่วไปก็ดีใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ชายหนุ่มเองก็เช่นกัน อาวุธของฉู่เหินเป็นเพียงกระบองจตุรธาตุ ซึ่งเจ้ากระบองจตุรธาตุที่ว่านั้นอยู่ในระดับต่ำมาก ด้วยเพราะว่ามันเป็นอาวุธที่สามารถพัฒนาได้ไม่มีจำกัด แต่การจะทำให้มันพัฒนาได้ก็ต้องมีวัตถุดิบดี ๆ มากพอด้วยเช่นกัน !

ตอนนี้ฉู่เหินไม่มีสิ่งนั้นในมือ แม้ว่ากระบอกจตุรธาตุจะเป็นอาวุธที่เลื่อนระดับได้ แต่ตอนนี้เมื่อเทียบกับอย่างอื่นมันก็ยังต่ำไปอยู่สักหน่อย ! เมื่อเป็นแบบนี้เขาถึงไม่รู้สึกว่าอาวุธเขาได้เปรียบกว่าคนอื่น ดังนั้นเขาจึงคิดอยากได้ของรางวัลในครั้งนี้ !

ด่านเขาวงกตเป็นด่านคัดออกด่านแรก อย่ามองว่าคนเข้าร่วมออกจะเยอะ แต่ในด่านแรกคนที่ต้องถูกคัดออกก็มากถึง 90% ไปแล้ว ! เมื่อทุกคนยืนหน้าทางเข้าเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาก็ยืนรอเงียบ ๆ อย่างสงบ เวลาไม่นานก็ได้ยินเสียงตะโกนมาว่าการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้ว ! เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พากันเคลื่อนเข้าสู่ถ้ำภายในภูเขา !

เพิ่งเข้ามาในถ้ำฉู่เหินก็เปิดจิตวิญญาณของตัวเองทันที ! จิตวิญญาณของเขานั้นแข็งแกร่งจนสามารถครอบคลุมทั่วพื้นที่ บวกกับความคุ้นเคยในเรื่องค่ายกล ดังนั้นเขาวงกตนี้จึงไม่นับเป็นอะไรได้ ! หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เลือกมาทิศหนึ่ง ก่อนที่เขาจะใช้พลังลมปราณในร่างกายทั้งหมดพุ่งออกไปด้วยความเร็ว

เข้าวงกตนั้นมีกฎอยู่ว่า ไม่อนุญาตให้เอาสัตว์พาหนะเข้ามาด้วย ดังนั้นฉู่เหินเลยให้หมาป่ารอข้างนอก ! ภูเขานี้เป็นภูเขาที่ใหญ่มาก ๆ กระทั่งฉู่เหินใช้พลังตัวเองวิ่งมาอย่างเร็วที่สุดแล้วก็ยังต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงที่หมาย ! ยิ่งฉู่เหินวิ่งมาเท่าไรหัวคิ้วเขาก็ยิ่งขมวดมากขึ้นเท่านั้น

เขาไม่ได้สนใจค่ายกลในนี้เท่าไร นั่นก็เพราะจิตวิญญาณของเขามากกว่าคนธรรมดาไป บวกกับเขาเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญค่ายกลคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามตอนที่เขาวิ่งมา จิตวิญญาณของเขากลับสัมผัสได้ถึงคน ๆ หนึ่งที่มีความเร็วไม่ต่างจากตัวเองเลย ที่สำคัญคน ๆ นี้ยังไม่ได้ใช้จิตวิญญาณแม้แต่น้อยเลยอีกด้วย !

แบบนี้ก็ยิ่งทำให้ฉู่เหินสงสัยเข้าไปใหญ่ ต่อมาเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า ต่อให้เป็นที่ไหนก็มีคนขี้โกงอยู่เสมอ เมื่อชายหนุ่มเข้าไปใกล้คน ๆ นี้ เขาก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ใครอีก แท้จริงแล้วก็คือชายหนุ่มคนนั้นนั่นเอง

ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายเรียกหลิวซานพีว่าลุง ! งั้นก็ไม่ต้องเดาแล้ว น่าจะเป็นหลิวซานพีแน่ ๆ ที่เป็นคนบอกเขา ! ถ้าเป็นคนอื่นฉู่เหินก็จะหลับหูหลับตาทำเป็นไม่เห็นไป แต่ในเมื่อเป็นเจ้าหมอนี้ ถ้างั้นฉู่เหินก็ขอสั่งสอนมันสักหน่อยก็แล้วกัน !

หลังเพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เวลาไม่นานเขาก็ทิ้งห่างจากชายหนุ่มคนนั้นไปแล้ว หลังจากวิ่งนำมา ในใจของเขาก็คิดหาวิธีสั่งสอนอีกฝ่ายไปด้วย ! จากนั้นสมองของฉู่เหินก็พลันมีความคิดหนึ่งโผล่ขึ้นมา

เวลาไม่นานด้วยความเร็วของฉู่เหิน เขาก็มาถึงทางออกก่อน เมื่อมาถึงเขาก็เห็นก้อนหินที่ทำการสแกนร่างกายของเขา ฉู่เหินรู้ว่านี้ก็เพื่อยืนยันตัวตนของเขา ! ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก และเมื่อถึงที่หมายแล้ว ฉู่เหินก็ชะรอความเร็วลง ก่อนที่เขาจะพบอาวุธวางเรียงรายกันอยู่บนชั้นวางนับ 10 ชิ้น

เสียงบนชั้นวางดังออกมาว่า คนที่สามารถผ่านมาได้สามารถหยิบอาวุธที่เหมาะสมกับพลังวรยุทธ์ของตัวเองเท่านั้น และคนที่มาก่อนก็มีสิทธิ์เลือกก่อน ! ทว่าเมื่อมาถึงฉู่เหินกลับไม่ได้เลือกตามพลังของตัวเอง เขากลับเลือกกระบี่วิเศษเล่มหนึ่งมาถือไว้ในมือ

กระบี่เล่มนี้เป็นอาวุธระดับ 6 ในบรรดาอาวุธทั้งหลายนี้นับได้ว่าเป็นอาวุธที่ดีทีเดียว ! ของวิเศษระดับ 9 เป็นระดับที่ดีที่สุด ระดับ 1 คือต่ำสุด หลังจากฉู่เหินถือกระบี่เล่มนี้ไว้ในมือ ก็สำรวจดูพลังของตัวกระบี่ สุดท้ายก็เก็บเข้าไปในแหวนของตัวเองและหยิบกระบี่ที่คล้ายกันมาแทน

กระบี่สองเล่มมองภายนอกแล้วเหมือนกันมาก และด้วยการที่ฉู่เหินวาดค่ายกลง่าย ๆ ขึ้นมาอันหนึ่ง จึงทำให้คนอื่น ๆ มองเห็นกระบี่ธรรมดา ๆ เล่มนี้กลายเป็นกระบี่ล้ำค่าไปแล้ว !