บทที่ 499 อย่าพูดออกไป

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 499 อย่าพูดออกไป

บทที่ 499 อย่าพูดออกไป

ฉู่เหินพิจารณากระบี่อย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าไอพลังทั้งสองเล่มไม่ต่างกันเลย ! หลังจากเขาเก็บกระบี่เล่มแรกไปแล้ว เขาก็เข้าไปเลือกของรางวัลชิ้นที่สองต่อ รางวัลชิ้นที่สองเป็นเชือกเส้นหนึ่งที่มีคำอธิบายด้านล่างว่า เชือกเซียน

มันเขียนว่าเมื่อปล่อยเชือกออกไป จะหยุดการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้ ซึ่งนอกจากหยุดการเคลื่อนไหวอีกฝ่ายได้แล้ว มันยังสามารถสกัดพลังวรยุทธ์ของคู่ต่อสู้ได้ด้วย ! ฉู่เหินรู้สึกว่านี้เป็นของดีชิ้นหนึ่ง เมื่อลองคิด ๆ ดูเขาก็ตัดสินใจเลือกกระบี่และเชือกเซียนเส้นนี้ไป ! เมื่อเลือกทุกอย่างเสร็จสิ้น ฉู่เหินก็ยังไม่ได้พุ่งตัวออกไปแต่อย่างใด

เขากลับหายร่างกลับไปอีกทิศทางหนึ่งแทน และซ่อนตัวอยู่ตรงทางโค้งใต้แสง ! หลังจากซ่อนตัวเสร็จ ชายหนุ่มก็รออย่างเงียบ ๆ เวลาไม่นานก็เห็นเพียงชายหนุ่มที่ถูกตัวเองชกจมูกก่อนหน้านี้วิ่งเข้ามา ! หมัดที่เขาชกอีกฝ่าย แม้ว่าจะไม่ได้บาดเจ็บหนักอะไร แต่ผ่านไปชั่วโมงครึ่งแล้วก็ยังไม่หายช้ำเลย !

ชายหนุ่มคนนี้วิ่งมาที่นี่อย่างร่าเริง คงคิดว่าเป็นคนแรกที่มาที่นี่ล่ะสิ แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าชั้นวางของรางวัลอันดับหนึ่งว่างเปล่า พอเห็นฉากนี้เข้าไปเขาก็อดที่จะเศร้าเสียใจไม่ได้

ไม่คิดว่าตัวเองโกงขนาดนี้แล้ว ยังมีคนที่เร็วตัวเองได้อีก นี้ทำให้เขารู้สึกไม่ยินยอม ! เขาคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะฉู่เหินนั่นต่อยเขาจนอยู่ในสภาพนี้ เขาก็คงไม่ใช่อันดับสองอย่างแน่นอน ! ดังนั้นคนที่เขาเกลียดเข้ากระดูกเลยคนแรกก็คือฉู่เหิน

ได้อันดับสองก็มีสิทธิ์เลือกเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเลือกไปแล้วไม่มีสิทธิ์กลับมาเลือกใหม่ ! สำหรับข้อนี้ ชายหนุ่มเดินไปที่ชั้นวางรางวัลที่สองโดยไม่แม้แต่จะคิด ไม่ต้องใช้หัวคิดก็รู้ว่าของชิ้นที่สองย่อมดีกว่าชิ้นที่สามแน่ !

หลังจากหยิบกระบี่มาจากชั้นวางที่สอง เขาก็สำรวจสิ่งที่อยู่ในมืออย่างละเอียด และเมื่อพิจารณาสักพักหนึ่งเขาก็คล้ายจะมีเหงื่อเย็น ๆ ไหลอาบร่าง ! อย่ามองว่าเขาเป็นแค่คนน่ารังเกียจคนหนึ่ง เพราะเขาเองก็เป็นเด็กที่เติบโตมาในตระกูลใหญ่ และผ่านประสบการณ์มาก็มาก ดังนั้นเมื่อเขาเบิกตามองดี ๆ ก็พบว่าของวิเศษชิ้นนี้มีปัญหา

หลังจากเขาเคาะมันก็พบว่าบนตัวของกระบี่ถูกสร้างด้วยค่ายกลอันหนึ่ง เวลาไม่นานเขาก็ทำลายค่ายกลที่ว่าทิ้ง ของชิ้นนี้ฉู่เหินเพียงแค่เลียนแบบไอพลังของทั้งสองเฉย ๆ และก็ไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก เพราะแบบนี้ชายหนุ่มถึงได้ทำลายค่ายกลนี้ได้อย่างง่ายดาย

หลังจากค่ายกลถูกทำลาย มันก็เผยอาวุธธรรมดา ๆ เล่มหนึ่งออกมาแทน ! แม้ว่าจะเป็นกระบี่ที่ไม่เลว แต่ก็ไม่ได้มีมูลค่าอะไร เป็นอาวุธที่คนทั่วไปก็มี พอเห็นฉากนี้เข้าไปชายหนุ่มได้แต่ยืนมองอย่างโง่งม

เขาหักกระบี่อย่างโมโห แม้ว่าจะทำแบบนี้ไปแล้วเขาก็ยังไม่คลายความโกรธลงได้ ต่อมาก็ใช้พลังเพลิงในร่างกายเผากระบี่ที่เหลือทั้งหมดอีกรอบ ! อีกฝ่ายราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน มือและเท้าสับกระบี่เป็นชิ้น ๆ

ต่อมาเขาก็เดินตรงไปที่ชั้นวางที่สาม เพียงแต่น่าเสียดายที่ชั้นวางนั้นเปล่งแสงออกมาขวางไม่ให้เขาหยิบได้ ด้วยความจนปัญญาเขาจึงลองเคลื่อนไปหยิบชิ้นที่ 4 ที่ 2 จนถึงชิ้นที่ 10 ดู แต่ที่ทำให้เขาโกรธก็คือ ชั้นวางอาวุธทุกชิ้นจะมีเกาะป้องกันเคลือบชั้นวางเอาไว้ ไม่ให้เขาหยิบ !

เขาก็รู้แล้วว่าตนนั้นหมดโอกาสที่จะหยิบได้แล้ว แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ของวิเศษ แต่เขาก็ต้องการที่จะออกไปดูว่าใครเป็นคนทำเรื่องชั่ว ๆ แบบนี้กับตัวเอง เขาคิดว่าใครบ้างที่จะสามารถเป็นอันดับหนึ่งได้ ขอเพียงเขาออกไปเห็นว่าใครได้ที่หนึ่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะทำอะไรไม่ได้ วันข้างหน้าถ้าเข้าพรรควายุอัสนีไปแล้ว เขาจะหาวิธีฆ่ามันซะ !

ในพรรควายุอัสนีเขาไม่เพียงแต่มีลุงอยู่คนหนึ่ง เขายังมีพี่ชายอยู่ด้วยสองคนที่เป็นถึงอัจฉริยะของพรรค ! ดังนั้นขอเพียงเขาเข้าพรรควายุอัสนีได้ ใครที่ทำกับตัวเองไว้มันก็ถือว่าได้ตายไปแล้ว !

ในตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้า เขาคิดว่าอันดับสามน่าจะมาถึงแล้ว และก็เพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาได้ที่สอง จึงรีบหมุนตัวไปทางออก ทันทีที่เขาเดินออกไปก็ได้ยินเสียงตะโกนเชียร์อย่างครึกครื้น

เขามองอย่างงงงวย ต่อมาก็มีเด็กสาววิ่งเข้ามาคล้องดอกไม้ที่คอ อีกทั้งยังบอกว่าเขาเป็นที่หนึ่ง หลังจากได้ยินที่เธอพูดเขาก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเขาได้อันดับที่สอง จะกลายเป็นที่หนึ่งไปได้ยังไง พอคิดถึงตรงนี้เขาก็กวาดสายตาไปรอบ ๆ ผู้คนที่กำลังยืนยินดีกับตัวเองอยู่ ก่อนที่ต่อมาเขาจะค่อย ๆ หลบไปยืนอีกด้านหนึ่ง

พอเห็นทุกคนมองเขาด้วยสายตาชื่นชมละอิจฉา ในใจเขาก็แอบรู้สึกพอใจไม่น้อย เพียงแต่ตำแหน่งอันดับหนึ่งของเขาเหมือนจะไม่มีความหมายเลย กระทั่งของรางวัลอันดับสองยังไม่ได้ นี้ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก ! ดวงตาของเขานั้นจับจ้องไปที่ทางออกอย่างไม่ละสายตา

จากนั้นเวลาไม่นานอันดับสองและสามก็ค่อย ๆ คนมาทีละคน อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าคนพวกนี้ต้องไม่ใช่คนที่จะขัดขาตัวเองแน่ ! หลังจากนั้นเขาก็ยืนกวาดสายตามองอย่าละเอียด ยิ่งคนผ่านเข้ารอบเยอะขึ้น คนที่เขารู้จักก็เพิ่มขึ้นมาด้วยเช่นกัน

หลังจากนั้นไม่ถึงสิบนาทีเขาก็ล็อคเป้า 6-7 คนที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ที่สุด ! เพียงแต่ยังมีเรื่องให้เขาสงสัยอยู่ เลยยังไม่ได้สรุปว่าสุดท้ายเป็นใครกันแน่ !

ฉู่เหินรู้ดีว่าต้องออกไปจากเขาวงกตก่อนครึ่งชั่วโมง ดังนั้นเมื่อเห็นเวลาสมควรแล้วถึงค่อยวิ่งออกมา ! อีกทั้งเขายังพรมน้ำให้เหมือนเหงื่อ ราวกับว่าเขาวิ่งมาอย่างเร่งรีบ

เมื่อฉู่เหินออกมาได้ ชายหนุ่มคนนั้นก็เพียงปรายหางตามองเขาครู่เดียวก่อนถอนสายตาทิ้งไป อีกฝ่ายคิดว่าไม่มีทางเป็นฉู่เหินไปได้ ขนาดวิ่งมายังดูเหนื่อยออกขนาดนั้น !

ฉู่เหินทำตามสำนวนที่ว่าไม่แสดงภูเขาก็ไม่เปิดเผยแหล่งน้ำ* เขาเลยไม่รีบวิ่งออกมาก่อน ต่อมาเขาก็มายืนรอเงียบ ๆ อย่างงั้น แม้แต่พูดยังไม่พูดด้วยซ้ำ ! หลังจากสังเกต น่ากลัวว่ามีคนผ่านด่านแรกไม่เยอะจริง ๆ กะดูแล้วมีราว ๆ 20,000-30,000 คนเท่านั้น !

*หมายถึง ปิดบังความจริง

ต้องเข้าใจว่าครั้งนี้มีคนเข้าแข่งกว่า 100,000 คน คนที่ถูกคัดออกมีเยอะมาก ๆ ยิ่งเวลาใกล้หมดคนก็เริ่มทยอยกันออกมา ! สุดท้ายแล้วก็ไม่ถึง 90,000 คนด้วยซ้ำ

ด่านต่อไปพวกเขาต้องเข้าการทดสอบที่ภูเขา คนทั้ง 90,000 คนจะต้องฆ่ากันเอง ซึ่งจนถึงตอนนี้ฉู่เหินก็ยังหาพวกตัวเองเจอไม่กี่คนเอง ! ตอนที่พวกเขาเข้าไปในเขาวงกตก็พากันแยกย้ายกระจายตำแหน่งไปกันหมดแล้ว

พวกที่มาพร้อมกับเขาตอนแรกมีจำนวนนับ 100 กว่าคน ทว่าตอนนี้ที่ผ่านด่านมาได้จริง ๆ มีแค่ 20-30 คนเท่านั้น ! หลังจากนั้นคนที่ดูแลการคัดเลือกของพรรควายุอัสนีคนหนึ่งก็ขึ้นไปพูดด้วยน้ำเสียงจืดชืด จนทำให้ทุกคนที่ฟังรู้สึกอยากหลับ !

แม้ว่าฉู่เหินจะมีความสามารถที่ดีมาก แต่เขาก็รู้เช่นกันว่าครั้งนี้เป็นด่านทดสอบที่ยากมาก ๆ บางทีตัวเองอาจได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้ เพราะเมื่อเข้าไปแล้ว ไม่เพียงแต่ธรรมชาติโดยรอบที่อันตราย แม้แต่สัตว์ร้าย และผู้เข้าแข่งคนอื่น ๆ เองก็น่ากลัวไม่แพ้กัน !

อย่าคิดว่ามีทีมแล้วจะเป็นเรื่องน่ายินดี ต้องเข้าใจว่าการทดสอบแบบนี้เป็นไปได้สูงที่พี่น้องจะขายกันเอง ! ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่คนรู้จักกัน ! แต่ไม่ว่าจะยังไงพวกเขาจำเป็นที่จะต้องสามัคคีกัน ดังนั้นในช่วงแรกคนเหล่านี้จะไม่คิดวางแผนร้ายกันเองแน่ !