บทที่ 500 ภูเขาสัตว์เทพ
บทที่ 500 ภูเขาสัตว์เทพ
กรรมการบอกกับทุกคนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเข้าไปว่า ในมือพวกเขาจะมีบัตรประจำตัว ซึ่งมันสามารถส่งสัญญาณออกมาได้ ถ้าเกิดรู้สึกว่าไม่ไหวสามารถหักบัตรเพื่อทำการออกจากการทดสอบได้ ด้วยวิธีนี้จะสามารถจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ฉู่เหินรู้สึกว่าที่คน ๆ นี้พูดมาตั้งนาน มีแค่ประโยคสุดท้ายที่มีประโยชน์ที่สุด
ภูเขาสัตว์เทพเป็นที่แบบไหน ไม่มีใครรู้เหมือนกัน ! เพราะนี้เป็นตำแหน่งที่ตั้งของพรรควายุอัสนีซึ่งถือได้ว่าเป็นความลับแห่งหนึ่ง ถ้าเกิดถูกศัตรูของตัวเองรู้เข้าเกรงว่าจะยุ่งยาก พวกเขาต้องพึ่งพามือเท้าของตัวเองเท่านั้นเพื่อให้รอดชีวิตออกมาได้
หรือก็คือตอนที่ไปภูเขาสัตว์เทพ ผู้เข้าทดสอบจะถูกเคลื่อนย้ายผ่านค่ายกล ส่วนจะถูกส่งไปที่ไหนก็แล้วแต่โชคชะตา ถ้าไม่ได้ส่งไปที่ค่ายกลธรรมชาติก็ถือว่าดวงของคุณไม่เลวทีเดียว !
ไม่กี่หมื่นคนสุดท้ายทยอยมารวมตัวกันที่เครื่องเคลื่อนย้าย การจะส่งคนนับหมื่นทีเดียวนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องทยอยส่งเข้าไป เนื่องจากคะแนนของฉู่เหินไม่ค่อยดี ดังนั้นเขาจึงถูกแบ่งให้อยู่ในกลุ่มสุดท้าย
หลังจากมีแสงสว่างขึ้น รอให้ฉู่เหินลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเขาก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ที่เนินภูเขาแห่งหนึ่ง ! ชายหนุ่มพบว่าเนินภูเขานี้คล้ายจะน่าสนใจไม่น้อย เนินเขาที่ทอดยาวออกไปมีทั้งเล็กทั้งใหญ่ เชื่อมโยงกันเป็นแนวยาว ดูไปแล้วคล้ายเนินดินหลุมศพเล็ก ๆ
ฉู่เหินคิดถึงตรงนี้ก็อดขำแห้ง ๆ ไม่ได้ ก่อนที่เขาจะหมุนตัวจากไป แต่เมื่อก้าวเพียงหนึ่งก้าวยังไม่ทันที่จะเดินต่อ เขาก็ต้องตะลึงเล็กน้อย และหยุดยืนนิ่ง ๆ ก่อนจะมองไปรอบบริเวณเนินเขาทั้งหมดอีกครั้ง จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา !
ฉู่เหินเคยอ่านเจอในตำราค่ายกล ที่แบบนี้คล้ายจะเรียกว่าเทพเซียนตกสวรรค์ ความหมายก็ไม่ต้องถามมันก็หมายความว่าแม้แต่เทพเซียนที่มาที่นี่ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ! เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็ตัวสั่นอย่างอดไม่อยู่ เพราะเขากลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
ที่นี่ก็คือค่ายกลธรรมชาติ และไม่รู้ว่าตัวเองดวงดีอะไรถึงได้ถูกส่งมาที่จุดศูนย์กลางของค่ายกลแบบนี้ ถ้าขืนเดินออกไปซี้ซั้วมีหวังตายแน่ ๆ โชคดีที่จุดซึ่งเขายืนอยู่นั้นเป็นจุดบอดของค่ายกลนี้
ในความโชคร้ายเขาก็ยังมีความโชคดีอยู่บาง ถ้าเขาก้าวออกไปอีกครึ่งก้าวเกรงว่าตอนนี้เขาคงตายไปแล้ว ที่บอกว่าการทดสอบเต็มไปด้วยอันตรายก่อนหน้านี้เขาไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอมาที่แห่งนี้แล้วเขาก็พบว่ามันเป็นความจริง ตอนนี้แค่ขยับเพียงนิดเดียวก็สามารถฆ่าคนตายได้แล้ว ทำให้เขายากที่จะปรับตัวได้
นี่คือการทดสอบ มีแต่คนที่แข็งแกร่งและมีโชคถึงจะอยู่รอด คนอ่อนแอก็ตายไปซะ ไม่สามารถหาวิธีอะไรมาโกงได้ ! หลังจากยืนนิ่ง ๆ สักพัก เขาก็เริ่มมองสำรวจรอบ ๆ อย่างตั้งใจ หลังจากกวาดสายตารอบหนึ่ง เขาก็ขมวดคิ้วแน่น ชายหนุ่มพบว่าไม่เพียงพื้นที่โดยรอบที่เป็นเหวลึกเท่านั้น ที่สำคัญก็คือที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยพลังธาตุมืดหนาแน่นอีกด้วย
เมื่อรวมเข้ากับภูมิศาสตร์แบบนี้ นั่นก็หมายความว่ามีสิ่งของที่ไม่สะอาดอยู่เยอะมาก ๆ เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็อดรู้สึกขนลุกไม่ได้ แต่ที่โชคดีก็คือเขามีเวลาให้คิด ไม่งั้นการทดสอบของเขาคงจะแพ้ง่าย ๆ ไปแล้ว
ต้องเข้าใจว่าหลังจากภูเขาสัตว์เทพเปิด ค่ายกลส่วนมากก็ปิดไปหมดแล้ว กระทั่งค่ายกลธรรมชาติเองก็ถูกทำให้อ่อนกำลังลดไม่น้อย ไม่งั้นพลังวรยุทธ์อย่างคุณหรือจะถูกส่งมาจุดบอดแบบนี้ !
เขานั่งลงเงียบ ๆ พร้อมทั้งสำรวจรอบ ๆ อย่างละเอียดอีกครั้ง ฉู่เหินจำเป็นต้องคิดหาวิธีจัดการ ไม่งั้นต่อให้ค่ายกลนี้จะทำอะไรเขาไม่ได้ เขาก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตหรอกนะ
สำหรับศาสตร์ค่ายกล เขาไม่ได้กลับไปศึกษานานแล้ว และเมื่อเห็นค่ายกลตรงหน้าที่ต้องใช้เวลาและความพยายามมากก็ดูออกจะเสียเวลาเกินไป ทว่าอีกใจก็อยากจะหาจุดอ่อนมัน แต่ด้วยฉู่เหินไม่ได้มีเวลาศึกษาขนาดนั้น ดังนั้นตอนนี้เขาจึงคิดแค่เพียงว่าต้องหาทางผ่านค่ายกลนี้ไปให้ได้ !
ค่ายกลเป็นศาสตร์ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ไหนเลยจะผ่านไปได้ง่าย ๆ ยิ่งไปกว่านั้นนี้ก็เป็นค่ายกลธรรมชาติที่ยากจะมองทะลุ ! กระทั่งเบิกตามองมาสามวันติดแล้วก็ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย ! ทว่าถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่มีความคิดจะละทิ้งเลยสักนิดเดียว กลับยิ่งตั้งใจมองขึ้นไปอีก
ชายหนุ่มนั่งศึกษาอยู่อย่างนั้นไม่หลับไม่นอน ตัวเขานั้นถือได้ว่าโชคดีไม่น้อยที่ตอนเคลื่อนย้ายมาปรากฏตัวที่จุดบอดของค่ายกล ไม่งั้นการจะศึกษาวิเคราะห์ค่ายกลธรรมชาติน่ะฝันไปเถอะ
เวลาเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ในที่สุดเขาก็เริ่มที่จะเข้าใจค่ายกลตรงหน้าขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลธรรมชาติหรือว่าค่ายกลที่มนุษย์สร้างขึ้นต่างก็ใช้สมดุลของธาตุทั้งห้าทั้งนั้น ! ซึ่งค่ายกลตรงหน้าก็ไม่แตกต่าง
อีกทั้งอีกจากที่เขาศึกษาอย่างต่อเนื่อง เขาก็เริ่มรู้สึกว่าค่ายกลนี้มันแปลก ๆ เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติ หากแต่ถูกดัดแปลงภายหลัง ลึก ๆ แล้วในใจของเขาคิดวิธีบางอย่างออกแล้ว ! ทว่ามันก็เป็นวิธีที่น่าขำมาก ซึ่งถ้าถูกผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลสักคนรู้เข้าล่ะก็ ชายหนุ่มจะต้องถูกหัวเราะเยาะแน่ !
ถึงแม้จะยังลังเล หากแต่ฉู่เหินก็เชื่อว่าวิธีของตนนั้นจะต้องได้ผล เพราะเขาพบร่องรอยของคนหลายที่ทำการดัดแปลงค่ายกลนี้ ! สำหรับที่บอกว่าธรรมชาติเป็นผู้สร้างสร้างค่ายกลนี้นั้น ไม่สู้บอกว่าเป็นเพราะมนุษย์บางคนที่ใช้วิชาบางอย่างทำการดัดแปลงจนทำให้กลายเป็นอย่างปัจจุบันนี้น่าจะดีกว่า
วิชาแบบนี้นั้นต้องใช้พลังวิญญาณ หลังจากปล่อยออกมาแล้วเจ้าของจะตาย และมีแต่ต้องใช้ชีวิตเข้าแลกเท่านั้นถึงจะสร้างค่ายกลลักษณะนี้ขึ้นมาได้ ! เมื่อคิดถึงตรงนี้ฉู่เหินก็ค่อย ๆ รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองอารมณ์ดีเพราะอะไร แต่เขาคล้ายจะรู้สึกว่าตัวเองจับจุดดี ๆ ได้แล้ว ซึ่งมันนับได้ว่าสิ่งสำคัญมากด้วย !
หลังจากนั้นไม่รู้ว่านานเท่าไร ฉู่เหินก็สะดุ้งได้สติกลับมา ก่อนเขาจะตบศีรษะตัวเองแรง ๆ และด่าตัวเองในใจ ! หลังจากนั้นก็เห็นเพียงฉู่เหินเปิดพลังจิตของตัวเองออกมาทั้งหมด ! ต้องเข้าใจว่าร่างกายเขาแข็งแกร่งขนาดไหน หลังจากหลอมรวมสามวิญญาณ พลังจิตของเขาก็เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า !
หลังจากฉู่เหินเปิดพลังจิตตัวเองออกมา มันก็ได้เข้าไปปกคลุมค่ายกลนี้ไว้ ทำให้ชายหนุ่มมองเห็นลักษณะของค่ายกลทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อจะได้เข้าใจ ! ทว่าหลังจากใช้พลังจิตจนถึงขีดจำกัดแล้ว มันกลับยังไม่อาจครอบคลุมได้ทั่วค่ายกล !
ฉู่เหินขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เพราะถ้าเขาไม่สามารถครอบคลุมทั้งหมดของค่ายกลล่ะก็ ถ้างั้นชายหนุ่มก็หมดหนทางที่จะทำความเข้าใจมันได้ แต่ด้วยตอนนี้ที่พลังจิตเขาถึงขีดจำกัดแล้ว จะทำยังไงให้มันขยายใหญ่ขึ้นได้อีกล่ะ ชายหนุ่มขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนที่เขาจะคิดวิธีหนึ่งที่อันตรายมาก ๆ ออกมาได้ !
นั่นก็คือเขาจะใช้น้ำนั่นที่อยู่ในหม้อเซียน อาศัยเพียงแค่น้ำหยดเดียวผสานเข้ากับพลังจิตของตัวเอง นี่จะต้องทำให้เขาสามารถครอบคลุมทั่วค่ายกลได้แน่ แต่อย่างไรก็ตามน้ำนี้มันก็รุนแรงมาก ! ถ้ามันไปรวมกับพลังจิตแล้วอาจจะทำให้พลังจิตของเขาเสียหายได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้นอกจากวิธีนี้แล้วก็ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้เลย เพื่อให้รอดไปได้ ฉู่เหินต้องยอมเสี่ยงอันตรายดู ! ว่าแล้วก็หยิบหม้อเซียนเปิดออกมาอย่างระมัดระวัง เดิมทีเขาคิดจะเอาแค่หยดเดียว ต้องเข้าใจว่าภายในบรรจุได้ไม่เยอะ เพราะตอนที่เขาได้รับหม้อเซียนมา ภายในนั้นก็น้ำอยู่ไม่เท่าไหร่เอง
ต่อมาเขาก็ตัดสินใจที่จะใช้น้ำเพิ่มอีกสักหยดสองหยด ใครบอกว่าน้อยแสนน้อยกัน ตั้งแต่ได้มามันก็น้อยของมันอยู่แล้วไง ! อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเปิดหม้อดูก็อดตะลึงไม่ได้ เพราะว่าหม้อเซียนของเขานั้นมีน้ำอยู่กว่าครึ่งหม้อ ! อีกทั้งความแข็งแกร่งของมันก็คล้ายจะยังไม่มากเท่าก่อนหน้านี้อีกด้วย มันคล้ายจะอ่อนกำลังลงไปไม่น้อย !
ที่สำคัญก็คือภายในน้ำนั้นเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ ให้ความรู้สึกของวิเศษจากสวรรค์อย่างไงอย่างงั้น! ต้องเข้าใจว่าครั้งก่อนที่เขาไปดินแดนปีศาจ หลังจากเอาหินไฟเย็นไปแล้ว นี้เป็นครั้งแรกที่เขาเปิดมัน
เมื่อเห็นสถานการณ์ภายใน เขาก็คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากน้ำทั้งสองมารวมกันแล้ว จะเกิดความเปลี่ยนแปลงแบบเช่นนี้ แล้วถ้างั้นมันจะยังสามารถผสานกับพลังจิตของเขาได้อยู่งั้นเหรอ ! ไม่รู้แล้ว คงมีแต่ต้องลองดูก่อนนี่แหละ !!!