ภาค-2-ตำนานเฟิงอี้ ตอนที่ 51 ท่านหญิงจิ้งเจียง (2)

ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ

หลี่อันเรียกเซี่ยจินอี้ให้เตรียมรถม้าทันที เขานำหลู่จิ้งจงไปนั่งรถม้าคันหนึ่ง ส่วนหลี่หันโยวมีรถม้าของตนเอง ระหว่างทาง หลี่อันเอ่ยเสียงเข้ม หลี่หันโยวผู้นี้สติปัญญาเลิศล้ำจริงๆ จึงคิดวิธีที่ได้ประโยชน์สองทางออกมาได้ หากบอกว่าชุยยางจับได้ว่ามีผู้ปล้นอาวุธกองทัพมาขายจึงสืบสวนอย่างลับๆ แต่โชคร้ายถูกขุนนางละโมบเหล่านั้นพบเข้าจนตายอนาถ เมื่อเป็นเช่นนี้ชื่อเสียงของชุยยางย่อมไร้มลทิน พระชายากับข้าก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเข้าไปพัวพัน หลังจากนั้นหาแพะรับบาปในกรมคลังสักสองสามคน บอกว่าเจ้ากรมคลังละเลยการตรวจสอบ จากนั้นรัชทายาทอย่างข้าค่อยออกหน้าช่วยให้เขาทำคุณไถ่โทษ เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมรักษาไว้ได้ทั้งสองคน แล้ววันหน้าค่อยๆ จัดการ ความคิดนี้ไม่เลวยิ่งนัก เหตุใดเส้าฟู่กับหลานเอ๋อร์จึงไม่ยินดีเล่า

หลู่จิ้งจงยิ้มเฝื่อน องค์ชาย แม้ความคิดนี้จะได้ประโยชน์ทั้งสองทาง แต่ความจริงสนับสนุนความคิดฝั่งกระหม่อมที่ให้รักษาชื่อเสียงของชุยยาง เมื่อเป็นเช่นนั้นตำแหน่งของพระชายากับซื่อจื่อจึงยังมั่นคงดุจขุนเขา ชายารองเซียวหลานย่อมไม่พอใจ เดิมนางเชิญศิษย์น้องร่วมสำนักมาเพื่อให้ช่วยตนเองอีกแรง แต่คิดไม่ถึงว่าท่านหญิงจะสนับสนุนจิ้งจง ดังนั้นชายารองจึงโกรธเคือง ส่วนสาเหตุที่กระหม่อมไม่พอใจเป็นเพราะหลี่หันโยวผู้นี้ฉลาดเหนือผู้คน ฉากหน้านางช่วยคลายความขัดแย้ง แต่กลับทำให้ข้ากับชายารองหลานเกิดบาดหมางกัน ข้าคิดว่าอีกเดี๋ยวท่านหญิงคงอ้างกับชายารองว่าข้าเป็นคนสนิทของรัชทายาท มิอาจเป็นอริด้วย พวกนางเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนัก ไม่นานก็คงคืนดีกัน ถึงเวลากระหม่อมย่อมกลายเป็นเป้าของทั้งสองฝ่าย ท่านหญิงจิตใจลึกล้ำเช่นนี้จะมิให้กระหม่อมกังวลได้อย่างไร องค์ชาย ผูกมิตรรับความช่วยเหลือจากสำนักเฟิงอี้ได้ แต่มิอาจถูกพวกเขาควบคุม หากไม่ใช่ว่าเรื่องของหลี่หันโยวคราวนี้เป็นคำสั่งของเจ้าสำนักเฟิงอี้ กระหม่อมคงขัดขวางการแต่งงานระหว่างนางกับฉินชิงแล้ว

หลี่อันขมวดคิ้ว แต่ยามนี้หากไม่ทำเช่นนี้จะกดอำนาจของน้องรองได้อย่างไร เรื่องกรมคลังประเดี๋ยวก็แดงออกมาแล้ว หากน้องรองฉวยโอกาสนี้เล่นงาน เกรงว่ากรมคลังคงมิใช่ใต้หล้าของข้าอีกต่อไป

หลู่จิ้งจงถอนหายใจ กระหม่อมก็ลำบากใจเพราะเหตุนี้เช่นกัน อีกไม่กี่วันองค์ชายจะต้องเปิดเผยเรื่องที่กรมคลังทำผิดกฎแล้ว องค์ชายเป็นผู้ควบคุมกรมคลัง เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แม้จะแก้ต่างได้ แต่ในพระทัยฝ่าบาทก็คงขุ่นเคืองอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นวันนี้องค์ชายจึงต้องอาศัยพวกนางกดดันยงอ๋อง หลังจากคลื่นลมสงบลงค่อยคิดหาหนทาง ความจริงการดึงตระกูลฉินเป็นพวกก็มีข้อดี น่าเสียดายที่ต้องปล่อยให้สำนักเฟิงอี้ได้ประโยชน์

หลี่อันเอ่ยอย่างลังเล หลี่หันโยวก็เป็นเชื้อพระวงศ์ คงไม่ถึงขั้นเข้าข้างสำนักเกินไป เสียงของเขาไม่ใคร่มั่นใจ

หลู่จิ้งจงยิ้มเฝื่อน องค์ชายกล่าวถูกต้องแล้ว แต่ใบหน้ากลับปรากฏสีหน้าพิกลแลดูมีเลศนัย แต่รัชทายาทผู้สนใจแต่จะขัดขวางยงอ๋องไม่ให้ดึงตระกูลฉินเป็นพวกมิได้สนใจ

วันนี้ฉินอี๋ได้รับเกียรติอย่างล้นเหลือ ขณะที่เขากับยงอ๋องกำลังสังสรรค์กันอยู่ที่สวนด้านหลัง คนในตระกูลก็มาแจ้งว่ารัชทายาทมาเยือน ฉินอี๋ยิ้มจืดเจื่อน คิดไม่ถึงว่าผู้ที่ดำรงตนสุจริตเสมอเช่นตนกลับกลายเป็นชนวนการต่อสู้ขององค์ชายสองพระองค์ ไม่ว่าเขาจะคิดเช่นไรก็ทำได้เพียงนำขบวนออกไปต้อนรับ

เมื่อหลี่อันลงจากรถม้าก็เห็นฉินอี๋กับยงอ๋องรีบร้อนเดินมา ทั้งสองคนก้าวออกมาคำนับพลางเอ่ยว่า กระหม่อมหลี่จื้อ / ฉินอี๋คารวะองค์รัชทายาท

หลี่อันยื่นมือไปแสร้งทำท่าประคองพลางตอบว่า น้องรองกับแม่ทัพใหญ่ไม่ต้องมากพิธี วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียนแม่ทัพใหญ่กับฮูหยินฉินเป็นเพื่อนท่านหญิง คิดไม่ถึงว่าน้องรองจะอยู่ที่นี่ด้วย หันโยว มาคารวะแม่ทัพใหญ่สิ

หลังเสียงพูดของหลี่อัน สตรีงามพิลาสผู้สวมอาภรณ์สีหิมะผู้หนึ่งก็ก้าวเท้าลงมาจากรถม้าหรูหราอีกคันหนึ่ง นางเดินมาถึงตรงหน้าฉินอี๋แล้วคารวะอย่างชดช้อย หันโยวคารวะแม่ทัพใหญ่ เสด็จพ่อเคยเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีตยามออกศึกเคียงบ่าเคียงไหล่กับแม่ทัพอยู่หลายครั้ง หลายวันก่อนหันโยวส่งของขวัญเล็กน้อยมาแทนเสด็จพ่อแต่ถูกแม่ทัพใหญ่ปฏิเสธ ท่านแม่ทัพคงโกรธเคืองที่หันโยวมาคารวะช้า พักนี้หันโยวอยู่เป็นเพื่อนฮองเฮาในวังตลอด ขอท่านแม่ทัพใหญ่โปรดอภัยด้วย

ฉินอี๋สีหน้าเรียบเฉยพลางยิ้มน้อยๆ ตอบว่า กระหม่อมกับท่านอ๋องเป็นสหายร่วมรบ มีมิตรภาพลึกซึ้งก็จริง แต่ด้วยบัญชาจากองค์จักรพรรดิ ท่านอ๋องจึงต้องเฝ้าพิทักษ์อยู่ด้านนอก ส่วนผู้แซ่ฉินติดตามข้างพระวรกายอยู่ในเมืองหลวง เหตุนี้จึงมิได้พบหน้ากันหลายปี น้ำใจของท่านหญิง ผู้แซ่ฉินขอรับไว้ด้วยใจ หลายวันก่อนที่ปฏิเสธของกำนัลจากท่านหญิงมิได้มีเหตุผลอื่นใด เพียงแต่นอกจากของที่ฝ่าบาททรงประทานให้ ผู้แซ่ฉินไม่รับของกำนัลจากผู้อื่น ท่านหญิงคิดมากเกินไปแล้ว

เมื่อทุกคนมาถึงสวนด้านหลัง ฉินอี๋ก็ให้คนเปลี่ยนสุรากับอาหารมาใหม่ หลี่อันนั่งตรงตำแหน่งประธาน เขาเงยหน้าขึ้นมอง สวนด้านหลังของจวนตระกูลฉินแห่งนี้ไม่เหมือนผู้ใด ไม่มีบุปผาพรรณไม้หายากหรือตึกหอศาลาแต่อย่างใด แต่ถมพื้นที่ว่างกว้างใหญ่ให้เรียบแล้วปูแผ่นหินเขียว ปลูกต้นไม้รอบด้านทำเป็นลานฝึกยุทธ์ขนาดเล็กแห่งหนึ่ง บนลานวางของจำพวกราวแขวนอาวุธ ตุ้มน้ำหนักหินไว้ ส่วนมุมหนึ่งของลานฝึกยุทธ์วางกลองศึกเอาไว้หลายใบ

เวลานี้ทิวทัศน์ยามวสันต์สวยสดงดงาม ฉินอี๋จึงจัดงานเลี้ยงใต้ต้นไม้ใหญ่ริมลานฝึกยุทธ์แล้วให้แม่ทัพพลทหารในตระกูลประลองกันบนลานเพื่อสร้างสีสัน เมื่อครู่กำลังครึกครื้นเต็มที่ องครักษ์ในสังกัดของยงอ๋องกับแม่ทัพของจวนฉินล้วนลงสนามประลองฝีมือ ผู้ชนะได้รับสุราหนึ่งจอกเป็นรางวัล ส่วนผู้แพ้ไม่มีโทษทัณฑ์ พวกเขาล้วนเป็นคนของกองทัพ ในใจไม่มีแผนการล้ำลึก และยงอ๋องกับฉินอี๋เองก็ไม่มีทางวิวาทกันเพราะเรื่องนี้

น่าเสียดายการมาถึงของหลี่อันทำให้บรรยากาศของที่แห่งนี้กร่อยลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ฉินอี๋ให้แม่ทัพในตระกูลแยกย้ายกันไปแล้วให้คนเชิญฮูหยินฉินมาอยู่เป็นเพื่อนท่านหญิง จนสุดท้ายคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนมีแต่ผู้ที่คุ้นชินกับวงขุนนาง บรรยากาศจึงกลับกลายเป็นเงียบสงบ

ในหมู่คนเหล่านี้มีหลายคนที่วุ่นวายอยู่กับการประเมินทีท่าของอีกฝ่ายระหว่างการสนทนาสัพเพเหระ หลู่จิ้งจงเป็นลูกคู่ของรัชทายาทไปพลางก็สังเกตเจียงเจ๋อผู้เป็นซือหม่าของยงอ๋องด้วยท่าทีเหมือนไม่เจตนาไปด้วย คนผู้นี้สนทนาเรื่องอะไรบางอย่างเรื่อยเปื่อยกับฉินชิงและฉินหย่งอยู่ตลอด แม่ทัพทั้งสามในสังกัดของยงอ๋องก็ออกความเห็นอยู่ด้านข้าง หลู่จิ้งจงเงี่ยหูฟังจึงได้ยินว่าพูดถึงกลยุทธ์การศึก ภูมิประเทศอะไรจำพวกนั้น สิ่งเหล่านี้เขาไม่สันทัด

ฮูหยินฉินกำลังยิ้มแย้มคุยเล่นอยู่กับหลี่หันโยว ท่าทางเปิดเผยเป็นธรรมชาติของหลี่หันโยวทำให้ฮูหยินฉินชอบใจยิ่งนัก เดิมทีฉินชิงฟังบทสนทนาของพวกเจียงเจ๋ออยู่ตลอด แต่ไม่นานเขาก็ไม่มีสมาธิอย่างเห็นได้ชัด สายตาของเขาจับอยู่บนร่างหลี่หันโยวหลายครั้ง เมื่อรัชทายาท ยงอ๋อง กับฉินอี๋กำลังสนทนากันอย่างดุเดือด ฉินชิงก็เริ่มมีความกล้าขึ้นเล็กน้อย เขาชวนหลี่หันโยวสนทนา ฮูหยินฉินเหมือนจะยินดีที่เห็นเรื่องนี้เป็นไปด้วยดีจึงคอยเป็นแม่สื่อให้พวกเขาเป็นระยะ

แม้ฉากหน้าหลี่หันโยวดูเหมือนจดจ่ออยู่กับการประจบเอาใจฮูหยินฉินและรับมือฉินชิง แต่ปลายหางตาของนางกลับจับอยู่บนร่างเจียงเจ๋อกับเสี่ยวซุ่นจื่อที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาตลอด นางได้รับข่าวกรองจากสำนักมาก่อนแล้ว และได้อ่านรายงานเรื่องราวที่ชายหนุ่มผอมบางซีดเซียวคนนี้ทำที่หนานฉู่แล้ว ใครจะคิดว่าชายหนุ่มผู้โด่งดังทางบทกวีคนนี้จะใช้กลยุทธ์ได้เหี้ยมโหดเช่นนั้น ทั้งสยบสู่จง ยุแยงต้ายง หากมิใช่เต๋อชินอ๋องสิ้นพระชนม์ คนผู้นี้คงสร้างความเสียหายให้ต้ายงมากกว่านี้ น่าเสียดายสำนักเฟิงอี้เพิ่งจะสนใจเขาหลังจากยงอ๋องคุมตัวเขาเป็นเชลยกลับมายังต้ายง เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดจึงเพิ่งค้นพบว่าคนผู้นี้เป็นอัจฉริยะแห่งยุค เพื่อตัดปีกของยงอ๋อง เจ้าสำนักจึงออกคำสั่งด้วยตนเองให้ตนลอบสังหารคนผู้นี้ น่าเสียดายที่ตนล้มเหลว

ส่วนหลี่ซุ่นผู้นั้น ในใจหลี่หันโยวพลันบังเกิดความรู้สึกไร้กำลัง พูดถึงอายุ ตนอายุมากกว่าเขาเล็กน้อย พูดถึงชาติกำเนิด อาจารย์ของตนเป็นถึงหนึ่งในสามปรมาจารย์ แต่วรยุทธ์ของเด็กหนุ่มผู้นี้กลับเหนือกว่าตน จากข่าวที่ตนได้รับมา วรยุทธ์ของเด็กหนุ่มผู้นี้เหนือกว่าตนไกลนัก ในสำนักของตน นอกจากเจ้าสำนัก เกรงว่าคงมีเพียงผู้อาวุโสหกเจ็ดคนเท่านั้นที่เอาชนะเขาได้ สิ่งที่ทำให้ตนโมโหที่สุดก็คือเด็กหนุ่มวรยุทธ์สูงส่งเช่นนี้กลับยินยอมเป็นทาสรับใช้บัณฑิตที่ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะจับไก่ ดูสิ กระทั่งเวลานี้เขาก็ยังว่าง่ายเชื่อฟัง คงภาพลักษณ์ของบ่าวที่ถูกฝึกฝนมาดี ช่างทำให้คนโมโหกับความไม่ทะเยอทะยานของเขา ยอดฝีมือเช่นนี้หากมาให้ข้าใช้งานล่ะก็ หลี่หันโยวทอดถอนใจ เสียก็แต่คนผู้นี้ดันมีร่างกายพิกลพิการจึงไร้ประโยชน์ต่อ ‘เคล็ดวิชาหงส์เทพ’ ของสำนักเฟิงอี้อย่างสิ้นเชิง

ฉินชิงเห็นหลี่หันโยวถอนหายใจจึงอดถามขึ้นไม่ได้ว่า ท่านหญิงเหตุใดจึงถอนใจ

หลี่หันโยวรู้สึกตัวจึงตอบว่า ข้าเคยฟังเสด็จพ่อเล่าเรื่องราวในกองทัพมาบ้าง แต่น่าเสียดายที่เสด็จพ่อห้ามไม่ให้ข้ามีส่วนร่วม แม่ทัพฉินกับทุกท่านแทบทุกคนล้วนเป็นแม่ทัพชื่อดังผู้รอดชีวิตมาจากสนามรบนองเลือด ไม่ทราบจะเล่าเรื่องบนสนามรบให้ข้าฟังสักหน่อยได้หรือไม่

ฉินชิงแย้มยิ้ม เอ่ยว่า ท่านหญิงเป็นศิษย์สำนักเฟิงอี้ แต่น่าเสียดายที่เป็นเชื้อพระวงศ์ มิเช่นนั้นอยากเข้าสนามรบคงมิยากเย็นอันใด แม้ข้าเคยทำศึกสงครามบนสนามรบ แต่น่าเสียดายเรื่องราวเหล่านี้หากนำมาเล่าออกจะทำลายบรรยากาศอยู่บ้าง

หลี่หันโยวเห็นฮูหยินฉินมีสีหน้าไม่ชอบใจเล็กน้อยจึงรีบเอ่ยว่า ข้ามิได้อยากฟังเรื่องราวการรบราเข่นฆ่าเหล่านั้น เพียงได้ยินมาว่าหอสัญญาณที่ทอดยาวบนทะเลทรายงามดุจภาพวาด สู่จงทิวทัศน์วิจิตรตระการตา หนานฉู่ก็มีสถานที่เด่นดังนับไม่ถ้วน ไม่ทราบว่าดินแดนเหล่านี้เมื่อเทียบกับต้ายงแล้ว ทิวทัศน์ที่ใดงามจับใจมากกว่ากัน

แม้เสียงของหลี่หันโยวมิได้ดัง แต่ทุกคนล้วนได้ยินชัดเจนอย่างยิ่ง พวกเขานึกขึ้นมาได้ว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเห็นโลกกว้างมามากมาย สถานที่เหล่านี้ที่หลี่หันโยวเอ่ยถึง แม้พวกเขาไม่เคยไปเยือนทั้งหมด แต่ก็เคยไปมาเกินกว่าครึ่ง แต่หากจะให้กล่าวว่าทิวทัศน์ที่ใดยอดเยี่ยมที่สุด นี่กลับลำบากพวกเขาแล้ว แม้ในใจคิดว่าบางแห่งดีที่สุด แต่พูดออกมาลอยๆ กลับรู้สึกว่าไร้หลักฐาน

แม้หลี่อันไม่รู้ว่าเป้าหมายของหลี่หันโยวคือสิ่งใด แต่เห็นว่าเดิมทีก็มีศัตรูร่วมกัน จึงเอ่ยว่า นี่กลับเป็นประเด็นที่น่าสนใจ วันนี้พวกเราว่างมาชุมนุมกันทั้งที เอาแต่คุยเรื่องการทหาร การเมืองเหล่านี้ออกจะหดหู่ไปอยู่บ้าง มิสู้เล่าสิ่งที่ตนเคยพานพบก็ไม่เลว เอาเช่นนี้เถิด พวกเราเอาเรื่องนี้มาเป็นการละเล่นในวงสุรา แต่ละคนยกสถานที่ทิวทัศน์ยอดเยี่ยมมาแห่งหนึ่ง แต่ต้องมีบทกวีของชนรุ่นก่อนเป็นหลักฐาน หากตอบไม่ได้ให้ลงโทษดื่มสุราสามจอก

ตอนต่อไป