บทที่ 311-2 รักเอ็นดู (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 311 รักเอ็นดู (2)

หลังจากที่กู้เจียวกลับไป ชายชุดเทาก็สาวเท้าเข้ามา “ฝ่าบาท ข้าน้อยจะไปฆ่านาง!”

หยวนถังแค่นหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าคิดว่าจะฆ่านางได้ง่ายๆ รึ”

ชายชุดเทาเอ่ย “นางยังเด็ก วรยุทธ์ยังไม่แก่กล้า อีกสามปีเกรงว่าจะฆ่าไม่ได้แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”

จากความสามารถของชายชุดเทา เดิมทีการเคลื่อนไหวภายในระยะร้อยก้าวล้วนสามารถสัมผัสได้ทั้งหมด แต่เด็กสาวมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาแล้วเขาถึงได้รู้ตัว

หยวนถังยิ้มนิ่ง “เจ้าในอีกสองสามปีข้างหน้าก็ไม่ใช่เจ้าในตอนนี้แล้ว ทำไมรึ เจ้ากลัวนางรึ”

“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ” ชายชุดเทาเอ่ย

หยวนถังปิดปาก ในที่สุดก็เผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา “เอาละ เด็กคนนี้เป็นคนมีความสามารถที่ใช้ได้ การอภัยโทษสำคัญที่สุด ฆ่าไปมันน่าเสียดาย”

ชายชุดเทาครุ่นคิดก่อนพยักหน้า “บนโลกนี้ไม่มีใครที่ฝ่าบาทซื้อใจไม่สำเร็จ”

“นอกจากท่านพี่คนนั้นของข้า” หยวนถังแค่นหัวเราะเสียงเย็น ก่อนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าใช้วิธีซื้อใจคนล้วนซื้อใจมาได้ทั้งสิ้น ควักดวงใจมาให้เขาตรงหน้า เขากลับไม่รับรู้ถึงมัน!”

กู้เจียวกลับมาถึงตรอกปี้สุ่ย

เซียวลิ่วหลังเลิกงานจากสำนักฮั่นหลินแล้ว กำลังสอนเสริมให้เสี่ยวจิ้งคงที่ห้องหนังสือ

กู้เจียวไม่ได้รบกวนทั้งคู่ นางไปดูอาการของเว่ยกงกงที่ห้องข้างๆ ก่อน จากนั้นก็ไปห้องท่านย่า

จู่ๆ ฮ่องเต้ก็อยากกินหนังเป็ดหวาน กู้ฉังชิงไปช่วยจี้จิ่วอาวุโสถอนขนเป็ดอยู่ในครัว

ภายในห้องจึงเหลือแค่ฮ่องเต้คนเดียว

ฮ่องเต้เห็นนางมาดวงตาก็พลันเป็นประกาย แต่นึกถึงเรื่องที่นางเป็นคนของจวงไทเฮาแววตาก็หม่นแสงลงทันที ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ “วันนี้ทำแผลแล้วมิใช่หรือ”

“ข้ามีเรื่องจะทูลฝ่าบาท” กู้เจียวบอก

“เรื่องอะไรรึ” ฮ่องเต้ถาม

กู้เจียวเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้ารู้แล้วว่ามือสังหารที่ลอบฆ่าฝ่าบาทคือใคร”

ฮ่องเต้หัวเราะเสียงเย็นแล้วตรัส “เจ้าอย่าได้ปัดความผิดท่านย่าคนดีของเจ้าแล้วจงใจหาแพะมารับบาปเลย”

“ข้าไม่ได้ว่างขนาดนั้น” กู้เจียวล้วงพู่ห้าสีออกมาจากอก “นี่เป็นตอนที่ข้าประมือกับมือสังหารแล้วมือสังหารทำตกไว้ ข้าเคยถามฝ่าบาทแล้วว่าเคยเห็นหรือไม่ ฝ่าบาทบอกว่าไม่เคยเห็น ฝ่าบาททราบหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดจึงไม่เคยเห็น เพราะมือสังหารไม่ใช่คนของวังหลวงแคว้นเจา แต่เขาดันรู้ว่าฝ่าบาทไปไหนมาไหนได้ราวกับอยู่ในฝ่ามือ”

ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว “เขาเป็นใครกันแน่”

กู้เจียวมองฮ่องเต้นิ่งๆ ก่อนเอ่ย “เชลยแคว้นเฉิน”

กู้เจียวบอกความจริงไปไม่หมด นอกจากพู่นี้จะไม่ใช่มือสังหารเป็นคนทำตกแล้ว ที่เหลือก็พูดความจริงหมดเลย

ทว่ากู้เจียวมีเพียงพู่เส้นเดียว ไม่มีหลักฐานอื่นอีกแล้ว

ฮ่องเต้จะเชื่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อใจที่พระองค์มีต่อกู้เจียว

นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่หยวนถังกล้าสารภาพต่อกู้เจียว กู้เจียวรู้ความจริงแล้วอย่างไรเล่า อาศัยแค่พู่อันเดียวจะตัดสินโทษเขาได้คงก็จะเกินไปหน่อย

เมื่อเทียบกับเชลยแคว้นเฉินอย่างเขาแล้ว ในใจฮ่องเต้อยากจะเชื่อว่าจวงไทเฮาเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลังเสียมากกว่า

ฮ่องเต้ตรัสเสียงเย็น “เจ้าคิดว่าป้ายสีให้เชลยแคว้นเฉินแล้วจะสามารถล้างมลทินให้ท่านย่าคนดีของเจ้าได้รึ”

“ฝ่าบาทอยากให้คนของตัวเองเสียใจแล้วให้ศัตรูเบิกบาน เช่นนั้นก็คิดไปแบบนั้นก็แล้วกัน” กู้เจียวเอ่ยจบก็เดินออกไป ฮ่องเต้เดือดดาลเหลือแสน

วันๆ ออกไปข้างนอกเหนื่อยล้า พระองค์ก็นึกว่านางไปโรงหมอเสียอีก ที่แท้กลับไปหาหลักฐานมาล้างมลทินให้แม่มดนั่น!

แม่มดนั่นดีเสียจริง มีคนมาช่วยเหลือไม่ได้หยุดหย่อน!

จิ้งไท่เฟย หนิงอัน หมอเทวดาน้อย แต่ละคนโดนพิษร้ายจากแม่มดนั่นกันหมด

พวกนางถูกนางหลอกลวง แต่พระองค์ไม่มีทางโดนหลอกหรอก!

“เราไม่มีทางโดนเจ้าหลอกหรอก!”

ย่ำค่ำเว่ยกงกงก็ได้สติขึ้นมา เรื่องแรกที่ทำคือลากสังขารอันหนักอึ้งไปเยี่ยมฮ่องเต้ และขออภัยโทษจากฮ่องเต้ “กระหม่อมคุ้มกันฝ่าบาทไม่ดีพอ…ขอฝ่าบาทโปรดลงโทษด้วย…”

ฮ่องเต้มองเว่ยกงกงมีผ้าพันมือพันคอไปหมด จึงเอ่ยต่ออย่างอดไม่ได้ “เจ้าไม่ใช่องครักษ์เสียหน่อย จะให้เจ้ามาคุ้มกันอะไร ลุกขึ้น”

“บ่าวมิกล้า”

“เราสั่งให้เจ้าลุกขึ้น!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

เว่ยกงกงลุกขึ้นด้วยตัวสั่นงันงก

ฮ่องเต้ให้เขานั่งกลับไป

เว่ยกงกงเอ่ยอย่างลำบากใจ “ฝ่าบาท ท่านอย่าตัดขาดบ่าวเลย”

ฮ่องเต้ถอนใจ

มาถึงขั้นหัวเดียวกระเทียมลีบได้อย่างไร

“ฝ่าบาท” เว่ยกงกง “บ่าวเจอแม่นางกู้ในเรือนเมื่อครู่นี้…”

ฮ่องเต้แววตาเย็นชา “เจ้าก็จะมาแก้ต่างให้ไทเฮารึ”

เว่ยกงกงรีบเอ่ย “บ่าวจะแก้ต่างให้ไทเฮาได้อย่างไรเล่า บ่าวแค่กำลังคิดว่าตอนนั้นบ่าวนอนจมกองเลือดใกล้ตายแล้ว แม่นางกู้ตัวคนเดียว บ่าวลืมไปเสียสิ้นว่านางเป็นแค่สตรีคนหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าบ่าวจะไม่ได้ให้นางหลบหนีไป แต่ไหว้วานให้นางไปช่วยฝ่าบาท นางมีความคิดเช่นใดจึงได้บุกรุดหน้าไปอย่างห้าวหาญโดยไม่ยอมหวนกลับ รู้ทั้งรู้ว่าเบื้องหน้ามีอันตรายอยู่มากมาย และรู้ทั้งรู้ว่าฝ่าบาทไม่ลงรอยกันกับไทเฮา…”

กู้เจียวช่วยฮ่องเต้กลับมา แต่ไม่ได้พูดถึงรายละเอียด ฮ่องเต้คิดว่านางบังเอิญมาเจอ แต่ไม่รู้ว่านางเสี่ยงอันตรายไปหาพระองค์โดยเฉพาะ

อารมณ์ฮ่องเต้พลันสับสน ไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย

เว่ยกงกงมองฮ่องเต้ด้วยดวงตาเป็นประกาย ก่อนเอ่ยด้วยน้ำใสใจจริง “ฝ่าบาท ท่านไม่เชื่อไทเฮาก็ได้ แต่ท่านจะไม่เชื่อหมอเทวดาน้อยด้วยหรือ”

ฮ่องเต้เงียบ

วันรุ่งขึ้น หยวนถังกำลังรักษาตัวอยู่ในห้อง พวกองครักษ์ศาลต้าหลี่กับเอกอัครราชทูตก็มายังที่พักของเขา

ขุนนางศาลต้าหลี่เอ่ยขึ้น “ฝ่าบาทถูกลอบสังหาร ศาลต้าหลี่จับมือสังหารได้รายหนึ่ง นึกไม่ถึงว่ามือสังหารรายนั้นจะเป็นคนข้างกายขององค์ชายหก อีกทั้งพวกเราก็พบสิ่งของติดตัวขององค์ชายหกอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ขอองค์ชายหกโปรดตามพวกเราไปที่ศาลต้าหลี่ด้วย!”

หยวนถังขมวดคิ้ว

เขาไม่คิดว่ากู้เจียวจะมีปัญญาทำให้ฮ่องเต้เชื่อได้

แน่นอนว่าพยานคนนั้นย่อมเป็นคนที่ฮ่องเต้ใช้ป้ายสีหยวนถังอยู่แล้ว อย่างไรเสียหากมีพู่เส้นเดียวก็คงจะจับหยวนถังไม่ได้ หยวนถังสามารถพูดได้ว่าพู่ของตัวเองทำหายหรือไม่ก็โดนขโมยก็ได้

ทว่าจู่ๆ มีพยานโผล่ขึ้นมา นี่มันน่าปวดไข่นัก

อีกทั้งพยานคนนั้นยังเป็นองครักษ์ใต้บัญชาของหยวนถังอีก

เรียกไม่ได้ว่าเป็นองครักษ์คนสนิท เป็นแค่องครักษ์ขั้นสาม

สีหน้าหยวนถังเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ “นึกไม่ถึงว่าจะซื้อคนข้างกายของข้าไป เหอะ ข้าคงประเมินราชวงศ์แคว้นเจาต่ำไป”

ซื้อตัวไปตอนไหนหยวนถังไม่มีทางตรวจสอบได้แล้ว โชคดีที่อีกฝ่ายเป็นแค่องครักษ์ขั้นสาม ยามปกติโอกาสที่จะเห็นเขาจึงไม่ได้มากมาย และไม่มีทางได้ล่วงรู้ความลับในตัวเขาเท่าใดนักด้วย

ทว่าไม่ว่าอย่างไรถูกคนอื่นกัดให้หนึ่งแผล สถานการณ์ก็ค่อนข้างจะจัดการยากแล้ว

ชายชุดเทาเอ่ยอย่างเดือดดาลควันออกหู “ข้าจะไปฆ่าเขา! ให้พวกมันสอบปากคำคนตายไปเลย!”

หยวนถังเอ่ยเสียงเย็น “เปล่าประโยชน์ เขารับสารภาพไปแล้ว ลงนามประทับลายนิ้วมือให้คำรับสารภาพแล้วด้วย ตายไปหลักฐานที่แสดงว่าได้กระทำผิดก็ยังอยู่อยู่ดี”

แน่นอนว่าหยวนถังไม่มีทางยื่นมือให้จับแต่โดยดีอยู่แล้ว แต่ถูกบีบมาถึงขั้นนี้ จะไม่อธิบายกับแคว้นเจาก็คงจะไม่ได้

สุดท้ายหยวนถังจึงสละม้าเพื่อรักษาแม่ทัพไปอย่างจนใจ โดยการมอบตัวที่ปรึกษาคนสนิทของตัวเองให้

ที่ปรึกษารับเอาข้อกล่าวหาทั้งหมดมาไว้กับตัว บอกว่าตัวเองเป็นคนทำเองไม่เกี่ยวกับหยวนถัง

ที่ปรึกษาคนนี้เป็นขุนนางในจวนเขาตอนอยู่ที่แคว้นเฉิน มีสติปัญญาและแผนการมากมาย จงรักภักดีต่อเขา คิดวางแผนให้เขาอยู่หลายครา ช่วยเขาพลิกจากร้ายกลายเป็นดี

ตอนส่งตัวไป เหมือนกรีดใจหยวนถัง

เขาอยากจะหาองครักษ์สักคนมารับเป็นแพะแทน แต่แคว้นเจาไม่เอาด้วย

และไม่ใช่ว่าเขารักตัวกลัวตาย แต่การใหญ่ยังไม่สำเร็จ เขาจะตายตอนนี้ไม่ได้

ข่าวที่ฮ่องเต้ถูกลอบสังหารทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในเมืองหลวง ราชสำนักก็เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นมาเล็กๆ เหมือนกัน ทว่าฮ่องเต้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นก็ชี้นิ้วสั่งเจ้าบ้านในตรอกปี้สุ่ยไม่ทำการทำงานโดยสมบูรณ์

แน่นอนว่าพระองค์ไม่ได้บอกว่าตัวเองพักอยู่ตรอกปี้สุ่ย ป่าวประกาศสู่คนนอกว่าอยู่ที่ราชนิเวศน์แทน

แม้ว่าความเข้าใจเรื่องลอบสังหารจะคลี่คลายแล้ว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้กับจวงไทเฮายังคงดุจน้ำแข็งเย็นยะเยือก

ฮ่องเต้ยังคงเห็นจวงไทเฮาแล้วขัดหูขัดตาอยู่ดี

จวงไทเฮาก็ยังคงไม่สนใจฮ่องเต้

จวงไทเฮาเล่นไพ่เสร็จก็มีคนมาหา

เมื่อก่อนเวลาจวงไทเฮาเล่นไพ่ปิดบังฮ่องเต้ไว้อยู่ ต่อมาเห็นฮ่องเต้เอาแต่ร่ำไรไม่ไปเสียที จวงไทเฮาจึงคร้านจะปิดบัง

ข้าจะเล่นไพ่ รักการเล่นไพ่

ฮ่องเต้มองแผ่นหลังจวงไทเฮาเล่นไพ่ ก่อนจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ไม่รู้จักรักษาหลักปฏิบัติของสตรีออกเรือนเสียบ้าง ไร้ยางอาย ทำผิดกฎวังหลวง ไม่ฟังคำสั่งสอนของบรรพบุรุษ ไม่คู่ควรเป็น…”

ฮ่องเต้ถูกกู้เจียวยัดปรอทวัดไข้ใส่ปาก

“อมไว้ อย่าพูดมาก” หมอกู้เอ่ยอย่างเคร่งขรึม

ฮ่องเต้ “…”