ตอนที่ 256 ท่านปรมาจารย์ใหญ่ ข้าช่วยท่านได้เพียงเท่านี้ (2)
ไม่นานหลังจากนั้น เจียงหลินเอ๋อร์ก็เดินออกมาอย่างภาคภูมิใจ นางเชิดหน้าและเบ่งหน้าอกขึ้นด้วยท่าทางมั่นใจ
ทว่าคราวนี้ ความจริงแล้ว มันก็ไม่ได้ราบรื่นไปเสียทั้งหมด…
หลิงเอ๋อร์อดจะเอามือก่ายหน้าผากไม่ได้ นางต้องพยายามเกลี้ยกล่อมท่านปรมาจารย์ใหญ่ให้ลดตัวตนลงมาโดยที่ไม่อาจเอ่ยออกไปเช่นนั้นได้ตรงๆ
“ท่านปรมาจารย์ใหญ่ ให้ศิษย์ทำให้ท่านอีกสักสองสามชิ้นดีหรือไม่เจ้าคะ?”
“อืม! เอาสิ! ข้าจะไปเดินเล่นรอบภูเขาสักหน่อย! ขอบใจนะ หลิงเอ๋อร์น้อย!”
จากนั้น เจียงหลินเอ๋อร์เดินไปข้างหน้าพร้อมกับเอามือไพล่หลังไว้
นางไปที่กระท่อมมุงจากของนักพรตเฒ่าฉีหยวน และเดินวนไปรอบๆ ก่อนจะสั่งสอนศิษย์คนรองของนาง ฉีหยวนตะลึงงันเพราะถูกนางดุด่า ทว่าเขาก็ทำได้เพียงก้มศีรษะลงรับฟังคำสั่งสอนเท่านั้นโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองท่านอาจารย์ของเขาเลย
เจียงหลินเอ๋อร์กลอกตา และไปตรวจสอบที่หอโอสถพลางมองไปที่หลี่ฉางโซ่วอย่างภาคภูมิใจ
แม้หลักบังคับแห่งกฎนั้นจะไม่ได้รักษาต้นเหตุแห่งปัญหาที่แท้จริง แต่สุดท้าย ก็ยังสามารถดึงท่านปรมาจารย์ใหญ่ตัวน้อยของพวกเขากลับมาได้บ้างเล็กน้อย
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ชุดกระโปรงยาวของท่านปรมาจารย์ใหญ่เหมาะมาก ทำให้ท่านดูโดดเด่นยิ่ง”
เจียงหลินเอ๋อร์ยิ้มตาหยีจนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวและกล่าวด้วยความรู้สึกขอบคุณว่า “เจ้าเป็นคนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาใช่หรือไม่? ข้าได้ยินมาจากหลิงเอ๋อร์”
“นี่… เป็นเพียงวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมชั่วคราวขอรับ”
“อืม ครั้งนี้ เจ้าทำได้ดีมาก ขอบใจที่เจ้าทำให้ปรมาจารย์เช่นข้าแล้ว!”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน…
“ไม่ต้องวางตัวสงบเสงี่ยมมากเช่นนั้น ครั้งล่าสุดนี้ พวกเราพูดกันแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าปฏิบัติต่อเจ้าดุจพี่น้องของข้า เจ้าก็ปฏิบัติต่อข้าในฐานะเป็นปรมาจารย์ใหญ่ของเจ้า มาคุยเรื่องของเรากันเถิด!”
เจียงหลินเอ๋อร์กระโดดข้ามมือไปข้างหลังก่อนจะมองไปที่เตาหลอมโอสถของหลี่ฉางโซ่วและเอ่ยชื่นชมเบาๆ ว่า “เตาหลอมโอสถของเจ้าไม่เลวเลย”
“มันเป็นรางวัลจากผู้อาวุโสว่านหลินหยุนขอรับ”
“โอ้?” เจียงหลินเอ๋อร์กระแอมไอแล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ฉางโซ่ว เจ้าช่วยข้าออกแบบชุดเกราะสักสองสามชิ้นได้หรือไม่? ส่วนโค้งตรงนี้มันหลวมไปสักหน่อย”
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า “ในโลกมนุษย์ ศิษย์เคยเห็นแม่ทัพหญิงบางคนสวมชุดเกราะเช่นนั้น นี้ย่อมทำได้ไม่ยาก”
“เช่นนั้น ข้าขอฝากเรื่องนี้ไว้กับเจ้า!” เจียงหลินเอ๋อร์ตบไหล่หลี่ฉางโซ่วแล้วหรี่ตาพลางถามว่า “เจ้ามีแผนอย่างไรสำหรับนิทรรศการศิลปะนี้”
“ท่านปรมาจารย์ใหญ่โปรดดูด้วยเถิดขอรับ” หลี่ฉางโซ่วชี้ไปด้านข้าง แล้วม้วนภาพวาดก็บินออกมาทีละภาพและกองรวมกันเป็นเนินเขาลูกเล็กๆ ข้างๆ พวกเขา “ศิษย์จะแขวนไว้ที่ด้านหน้าของกระท่อมมุงจากหลังจากนี้ขอรับ”
เจียงหลินเอ๋อร์พยักหน้าแล้วถามว่า “อืม อย่าระวังให้มากเกินไป จงทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการ แล้วเจ้าเชิญผู้ใดมาอีกบ้าง”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ศิษย์ยังไม่ได้ตัดสินใจขอรับ ค่อยดูกันว่าจะมีผู้ใดที่มีชะตาลิขิตให้ผ่านเข้ามาดูที่นี่บ้าง”
“อย่างนั้นหรือ” เจียงหลินเอ๋อร์กลอกตา แต่ไม่เอ่ยอันใดอีก นางหยิบม้วนภาพวาดขึ้นมา แล้วเปิดดู ก่อนจะกล่าวชื่นชมเบาๆ
“เจ้ายังมีความสามารถเช่นนั้นอีกด้วยหรือ? ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและไม่ตอบ จากนั้น เจียงหลินเอ๋อร์ก็ก้าวออกจากหอโอสถไปอย่างรวดเร็วด้วยฝีเท้าเบาอย่างยิ่ง
หลังจากที่หลี่ฉางโซ่วกลั่นสกัดโอสถพิษชุดนั้นเสร็จแล้ว เขาก็ไปที่กระท่อมมุงจาก และเริ่มจัดเตรียม เขาแขวนภาพวาดที่เขาวาดเอาไว้ในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งหมดล้วนเป็นภาพวาดภูเขาและแม่น้ำ ไม่มีภาพวาดรูปคนแม้แต่คนเดียว
หลี่ฉางโซ่วยังกังวลว่า จู่ๆ จะมีหนึ่งในคนที่เขาวาดภาพเอาไว้จะปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในอนาคตและเผยให้เห็นข้อบกพร่องบางอย่าง…
แน่นอนว่า เขาย่อมจะไม่ละเลยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้
ในวันที่สอง หลี่ฉางโซ่วได้สร้างค่ายกลแยกตัวและเขาวงกตที่เรียบง่ายไว้ในพื้นที่โล่งด้านหน้ากระท่อมมุงจากริมทะเลสาบ
หลี่ฉางโซ่วได้เชิญเจียงหลินเอ๋อร์ให้เข้าสู่ค่ายกลเพื่อชื่นชมภาพ
หลังจากนั้นไม่นาน ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งก็มาตามที่รับปากไว้
หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับและยื่นแท่งไม้ไผ่ให้อย่างรวดเร็ว
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์หว่างฉิง ศิษย์ของท่าน อาจารย์ลุงจิ่วอูมอบสิ่งนี้ให้ท่าน ท่านอาจารย์ลุงจิ่วอูเกรงว่า ท่านจะกระดากใจจนไม่กล้ารับ อาจารย์ลุงจิ่วอูจึงไม่กล้ามอบให้ท่านตรงๆ ในนั้นมีสิบแปดหัวข้อสนทนาและเรื่องตลกอยู่ หากพวกท่านทั้งคู่นิ่งเงียบและไม่รู้จะพูดอะไร ก็โปรดลองพิจารณาดู ทุกหัวข้อน่าจะเป็นเป็นสิ่งที่ท่านปรมาจารย์ใหญ่ของข้าสนใจขอรับ”
ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งเลิกคิ้วแล้วเก็บแท่งไม้ไผ่ไว้ในแขนเสื้อเงียบๆ ก่อนจะหยิบถุงเก็บสมบัติออกมาสองถุงแล้วมอบให้หลี่ฉางโซ่ว จากนั้นก็เข้าสู่ค่ายกลเขาวงกตเพื่อไปที่งานนิทรรศการศิลปะโดยไม่เผยสีหน้าและความรู้สึกใดๆ
มีศิลาวิญญาณคุณภาพเยี่ยมและล้ำค่ามากจำนวนสองกองเรียบร้อย อยู่ในถุงเก็บสมบัตินั้น
หลี่ฉางโซ่วเดินออกไปทางด้านข้างพร้อมด้วยรอยยิ้มและมอบถุงเก็บสมบัติทั้งสองใบนั้นให้หลิงเอ๋อร์และสงหลิงลี่
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “มาเริ่มกันเลย”
จากนั้นหลิงเอ๋อร์ก็ก้มศีรษะและดีดพิณ ในขณะที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองตัวที่หลิงเอ๋อร์ทำขึ้นมาก็เริ่มเป่าขลุ่ย
ทว่าทันทีที่ดนตรีเริ่ม หลี่ฉางโซ่วก็ตะโกนให้หยุดทันทีก่อนจะหยิบสัญลักษณ์กำหนดระดับเสียงดนตรีออกมาแล้วยื่นให้หลิงเอ๋อร์พลางกล่าวว่า “บรรเลงเพลงนี้”
“ศิษย์พี่ ท่านแต่งเพลงใหม่อีกแล้วหรือเจ้าคะ?”
ดวงตาของหลิงเอ๋อร์เปล่งประกาย นางรีบเปิดดูสัญลักษณ์กำหนดระดับเสียงดนตรีและมองดูมันทันที
นางพึมพำเบาๆ ว่า “ให้ข้าบรรเลงเพลง ‘คู่ปรับยวนยางฝืนลิขิตเซียงซือ’ หรือ? อืม ปรับทำนองได้ไม่ยากเลย…”
“เอาเลย”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้มพลางเดินไปที่ทะเลสาบพร้อมกับเอามือไพล่หลังไว้ จากนั้นก็วางเบาะไว้ใต้ต้นหลิวแล้วนั่งลงอย่างสบาย
ไม่นาน ก็มีเสียงดนตรีที่ร่าเริงดังขึ้นมาจากทางด้านหลังเขา หลี่ฉางโซ่วส่งเสียงร้องเพลงที่คุ้นเคยในใจและร้องคลอเบาๆ พลางใช้นิ้วเคาะเข่าของเขาเองเบาๆ
ท้ายที่สุด ร่างทั้งสองในค่ายกลเวท “งานนิทรรศการศิลปะ” ก็เริ่มพูดคุยและหัวเราะกัน ทว่าไม้ไผ่สิบแปดแท่งยังไม่เพียงพอ ในชั่วพริบตานั้น ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งก็ใช้พวกมันไปสามแท่งแล้ว…
ในเวลาเดียวกันนั้น บนภูเขาเอ๋อเหมย ในสถานที่อันเงียบสงบทางภูเขาด้านหลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนเทวะมัชฌิมานั้น มีเคหาสน์ถ้ำแห่งหนึ่งในสถานที่สันโดษทางภูเขาด้านหลังของถ้ำสวรรค์ที่มีแสงเซียนส่องอยู่ จู่ๆ เซียนบุรุษผู้ทรงพลังผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่บนแท่นดอกบัวก็ลืมตาขึ้นทันที
เขาขมวดคิ้วและทำมุทราหยั่งรู้ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ลูบเคราและร้องครางออกมาเบาๆ…
“แปลก เหตุใดมันถึงเกี่ยวข้องกับข้าและสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานด้วย?”
แน่นอนว่า เขาคือ ท่านอาจารย์ลุงจ้าว ศิษย์ชั้นนอกคนโตของสำนัก จ้าวกงหมิง
จ้าวกงหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าเขาไม่อาจรู้ข้อมูลเฉพาะได้
นั่นไม่ใช่การเตือนจากท่านอาจารย์ของเขา แต่เป็นเพียงแรงกระตุ้นฉับพลันเมื่อเขาเข้าใจในเต๋าอันยิ่งใหญ่ …
ทว่าในขอบเขตพลังของจ้าวกงหมิง เขาได้สะสมการบำเพ็ญเพียรมาเป็นเวลานานแล้ว วิธีการหยั่งรู้ของเขาย่อมถือว่าทรงพลัง แม้จะไม่กล้ากล่าวได้ว่ามันยอดเยี่ยมก็ตาม
จ้าวกงหมิงสรุปได้อย่างรวดเร็วว่า เรื่องนั้นจะเกิดขึ้นในทิศทางใด—จุดบรรจบระหว่างทะเลทักษิณและทะเลประจิม
จ้าวกงหมิงไม่กล้าประมาทเมื่อเกี่ยวพันถึงเรื่องธรรมเทศนา เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างสามสำนักบำเพ็ญเต๋าที่ตึงเครียดก็เพิ่งผ่อนคลายลง
จากนั้นเขาก็ออกจากเคหาสน์ถ้ำไปเงียบๆ โดยปกปิดกลิ่นอายลมปราณของเขาและเดินทางไป เขาแอบรีบไปที่ทะเลประจิมและมุ่งหน้าไปทางใต้
ครึ่งวันต่อมา จ้าวกงหมิงก็เริ่มค้นหาไปมาในทะเลกว้างใหญ่แห่งนี้ และในที่สุดเขาก็พบค่ายกลขนาดใหญ่ที่ซ่อนเร้นอยู่ โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก
เมื่อเข้าไปใกล้ค่ายกลเวทใหญ่ จ้าวกงหมิงก็สัมผัสได้ว่ามีความผันผวนของทักษะการต่อสู้
เกิดเรื่องอันใดขึ้น?
จ้าวกงหมิงชูไข่มุกเทพทะเลสองเม็ดขึ้นมาแล้วให้ไข่มุกทั้งสองเม็ดนี้แผ่พลังหยินและหยางเข้าโอบล้อมไปรอบๆ กายเขา จากนั้น พวกมันก็ก่อตัวเป็นรูบนค่ายกลใหญ่เงียบๆ ทำให้สามารถมองเข้าไปข้างในได้
ถึงตอนนี้ไม่มีอันใดสำคัญอีกแล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้น จ้าวกงหมิงก็หัวเราะออกมาก่อนจะบันดาลเดือด!
มีนักพรตเต๋าสามคนอยู่ที่นั่น สองคนอยู่ในกลุ่มเดียวกัน จ้าวกงหมิงจำบางคนในหมู่พวกเขาได้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญประจิม ซึ่งเขาและน้องฉยงเซียวเคยพบในดินแดนเทวะประจิม!
และในตอนนี้ คนสองคนนี้ กระทำเช่นเขาและฉยงเซียว คนหนึ่งล้มลงไปกับพื้นในขณะที่อีกคนก็ตะโกนก่นด่าใส่นักพรตเต๋าชราอีกคน
ข้าต้องปรับใช้สิ่งที่ข้าได้เรียนรู้มาใช่หรือไม่?
จากนั้น นักพรตเต๋าชราที่ถูกหลอกลวงก็ตะลึงงันยืนนิ่งไปชั่วขณะ
“ดูเหมือนว่า ปรมาจารย์ผู้น่าสงสารคนนี้จะเป็น…ศิษย์พี่หวงหลงใช่หรือไม่?”
จ้าวกงหมิงไม่ลังเลใจใดๆ เขารีบพุ่งเข้าไปในค่ายกลใหญ่ทันที แล้วร้องตะโกนเสียงดังออกมา ทันใดนั้น ไข่มุกเทพทะเลทั้งยี่สิบสี่เม็ดก็เปล่งแสงเจิดจ้า!
เขากล้าใช้กลวิธีพิเศษที่น้องชายเทพแห่งท้องทะเลได้พัฒนาขึ้นมาให้เขาเพื่อไปหลอกลวงบรรดาปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า!
สุดๆ ไปเลย!
…………………………………………………………………..