ตอนที่ 255 ท่านปรมาจารย์ใหญ่ ข้าช่วยท่านได้เพียงเท่านี้ (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 255 ท่านปรมาจารย์ใหญ่ ข้าช่วยท่านได้เพียงเท่านี้ (1)

“ท่านแม่ทัพตงมู่ ท่านต้องส่งบันทึกเสนอแนะนี้ไปถวายให้ฝ่าบาท ห้ามทิ้งมันไว้หรือให้คนภายนอกรู้เรื่องนี้”

ในวิหารเทพทะเล ก่อนวันงานนิทรรศการศิลปะแห่งยอดเขาหยกน้อย หลี่ฉางโซ่วได้เตือนผู้ส่งสารแห่งศาลสวรรค์อย่างระมัดระวังต่อหน้าเขา

บันทึกเสนอแนะนี้ กล่าวถึงการเตรียมการของสำนักบำเพ็ญประจิมซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และไม่อาจให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอย่างหนักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะตัดสินใจบอกรายละเอียดให้องค์เง็กเซียนรับรู้และยังบอกองค์เง็กเซียนเป็นนัยอีกด้วยว่า เขาได้วางแผนและแอบวางหมากลับในสำนักบำเพ็ญประจิมเอาไว้แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น หมากลับที่ซ่อนเร้นอยู่นั้น ยังสามารถรับใช้องค์เง็กเซียนได้ในภายภาคหน้าอีกด้วย…

นี่เป็นครั้งแรกที่แม่ทัพตงมู่เห็นสีหน้าท่าทีจริงจังของเทพแห่งท้องทะเล เขาจึงไม่กล้าไม่ระมัดระวัง เขาตกลงอย่างเคร่งขรึมและปิดผนึกม้วนบันทึกเสนอแนะซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเมื่อจัดการเรื่องสำคัญแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็แย้มยิ้มและเปลี่ยนน้ำเสียงไป

ทันใดนั้น… เขาก็กลายเป็นคนขี้เล่น

“ท่านแม่ทัพตงมู่… ข้ายังมีเรื่องเล็กน้อยอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอรบกวนให้ท่านช่วยตรวจสอบ”

ดวงตาของแม่ทัพตงมู่เป็นประกาย แล้วก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างแทบจะควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ได้ในทันทีขณะที่ดึงมือของร่างจำแลงของเทพแห่งท้องทะเลผู้มีประสบการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเขา

เชิญท่านเทพแห่งท้องทะเลกล่าวมาเถิด!

หากเทพแห่งท้องทะเลมีเรื่องร้องขอต่อศาลสวรรค์ ฝ่าบาท องค์เง็กเซียนได้สั่งพวกเขามานานแล้วว่า ให้ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้!

หากมีเรื่องส่วนตัว แม่ทัพตงมู่ก็แทบรอไม่ไหวที่จะได้ตอบแทนน้ำใจในความช่วยเหลือที่เขาเป็นหนี้เทพแห่งท้องทะเลและยังเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ของเขากับเทพแห่งท้องทะเลอีกด้วย! ” มีเรื่องใดกัน ท่านกล่าวมาเถิด! เทพแห่งท้องทะเล บอกข้ามาเร็วเข้า! เหตุใดจะไม่ได้เล่า? เรื่องของท่านก็ถือเป็นเรื่องของข้าเช่นกัน!”

เหตุใดถึงตื่นเต้นนัก…

หลี่ฉางโซ่วสงบสติอารมณ์แล้วกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า “ความจริงแล้ว ข้าเพิ่งศึกษาโอสถสองชนิดและได้ค้นหาตามตำราของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเมื่อไม่นานมานี้แล้ว แต่ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับโอสถทั้งสองชนิดนี้เลย และไม่รู้ว่า ท่านแม่ทัพตงมู่เคยได้ยินหรือไม่ว่า มีสมุนไพรวิญญาณชนิดใดบ้างที่อาจมีผลต่อต้นเซียงซือของเทพเฒ่าจันทรา? และมีสมุนไพรวิญญาณชนิดใดที่ไม่มีรากวิญญาณที่ล้ำค่า แต่มีผลในการฟื้นฟูร่างเซียน?”

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจ

อันที่จริง เขาเพียงต้องการหาสมุนไพรวิญญาณที่สามารถ “สร้างร่างเซียนขึ้นมาใหม่ได้” ทว่าเพื่อความปลอดภัย เขาจึงจงใจ กล่าวถึงสมบัติอย่างเช่น ต้นสมบัติเซียงซือ ซึ่งอาจทำให้ผู้คนเข้าใจผิดและช่วยปกปิดจากความสนใจของผู้อื่นได้โดยง่าย

โอสถที่มีอยู่ซึ่งมีผลคล้ายกับต้นเซียงซือคือ โอสถปรารถนาและโอสถเพลิงหัวใจ ซึ่งเพียงพอใช้ในเวลานี้ชั่วคราว

เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม่ทัพตงมู่ก็ตะลึงงันไปเช่นกัน เขาต้องคิดอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะกล่าวตอบอย่างรวดเร็วว่า “ข้าเคยได้ยินว่ามีสมบัติสองสามชิ้นที่สามารถฟื้นฟูร่างเซียนได้ เช่น บงกชหัวใจแปดสมบัติในสระหยก ทว่า มันนั้นเป็นสิ่งที่เทพมารดาหวังหมู่ทรงโปรดนัก ผลของมันคือ การชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นกลับคืนมา ซึ่งหากเป็นเพียงการฟื้นฟูร่างเซียน มันก็ออกจะทรงพลังมากเกินไปสักหน่อย”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มพลางกล่าวว่า “แม่ทัพตงมู่ ข้าอยากพัฒนาโอสถชนิดหนึ่ง ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งหรือสองเม็ด แต่ข้าไม่กล้าใช้สมบัติล้ำค่าเช่นนี้”

“เรื่องนี้ รอไว้ให้ข้าไปส่งบันทึกเสนอแนะแล้ว ข้าจะสอบถามไปให้ทั่วเอง”

แม่ทัพตงมู่อยากเอ่ยบางอย่างแต่ลังเล เขายิ้มให้อย่างมีนัยและโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่วก่อนจะรีบกล่าวคำอำลาแล้วจากไป เขาต้องเข้าใจอะไรผิดไปแน่ๆ แม้หลี่ฉางโซ่วจะจงใจทำให้เขาเข้าใจผิดบางอย่าง…

เมื่อออกจากวิหารเทพทะเลแล้ว แม่ทัพตงมู่ก็ปกปิดร่องรอยของเขาเอาไว้ทันที และเมื่อพบมุมที่ว่างเปล่าแล้ว แม่ทัพตงมู่ก็ใช้พลังเวท ‘ซ่อนเร้น’ ซึ่งเขาเพิ่งฝึกฝนในช่วงสองปีที่ผ่านมาก่อนจะใช้สัมผัสเซียนรับรู้ กวาดหาไปทั่วทุกที่ และไม่พบว่ามีคนที่น่าสงสัยภายในรัศมีหลายพันลี้ จากนั้น เขาก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและตรงไปที่ประตูสวรรค์ทักษิณด้วยความเร็วเต็มที่! ดินแดนเทวะทักษิณเต็มไปด้วยเหล่าปลาและมังกร มันเป็นสถานที่อันตรายในโลกบรรพกาล ซึ่งแม่ทัพตงมู่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว

หากเขาช้าลงสักหน่อย บางที จู่ๆ ก็อาจจะมีผู้แข็งแกร่งสองคนปรากฏกายขึ้นมาและร้องตะโกนออกมาก่อนที่จะล้มตัวลงต่อหน้าเขา!

เขาไม่อยากพบเรื่องแบบนี้อีกแล้ว!

กลับมาอย่างปลอดภัยอีกครั้ง

เมื่อมาถึงประตูสวรรค์ทักษิณ แม่ทัพตงมู่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกพร้อมกับเผยร่างออกมาและกลับคนสู่ความสงบตามปกติก่อนที่จะบินไปที่ประตูสวรรค์

กองทหารและแม่ทัพสวรรค์ที่เฝ้าพิทักษ์อยู่หน้าประตูสวรรค์อันงดงาม ก็โค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารพให้อย่างพร้อมเพรียงกัน

แม่ทัพตงมู่พยักหน้าแล้วเข้าไปโดยไม่เอ่ยวาจา

เหนือประตูสวรรค์ทักษิณนั้น มีกระบี่คมที่สาดแสงเจิดจ้าถูกแขวนเอาไว้

กระบี่นั้นได้รับการเรียกขานว่า กระบี่สวรรค์พิฆาตวิญญาณร้าย ซึ่งองค์เง็กเซียนใช้บุญจากศาลสวรรค์หลอมมันขึ้นมา มีกระบี่ทั้งหมดห้าเล่มที่ประตูสวรรค์ทั้งห้า ซึ่งรวมเข้ากับค่ายกลของศาลสวรรค์

หากมีคนแสร้งทำเป็นเทพผู้ชอบธรรมแห่งศาลสวรรค์และแอบเข้าไปในประตูสวรรค์ทักษิณ กระบี่ทั้งห้าเล่มนั้นจะสามารถแยกแยะความแตกต่างและสะบั้นพวกเขาได้ในทันที

แม้กระทั่งเซียนจินก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส!

เมื่อเข้าไปในประตูสวรรค์ทักษิณ และไปตามทางหอทงหมิงแล้ว แม่ทัพตงมู่ก็บินไปอีกครู่หนึ่งก่อนจะถึงหอสมบัติหลิงเซียว

เมื่อมาถึงตรงหน้าองค์เง็กเซียน แม่ทัพตงมู่ก็นำบันทึกเสนอแนะของหลี่ฉางโซ่วออกมาขณะยืนอยู่ใต้แท่นสูงพร้อมกับก้มศีรษะลง และรอองค์เง็กเซียนออกโอษฐ์

องค์เง็กเซียนทรงสรวลและชื่นชมเทพแห่งท้องทะเลก่อนจะถอนหายใจเบาๆ และครุ่นคิดอยู่นาน ซึ่งปฏิกิริยาของพระองค์ในคราวนี้ เป็นไปตามที่แม่ทัพตงมู่คาดไว้

ทุกครั้งที่พระองค์ทรงทอดพระเนตรบันทึกเสนอแนะของเทพแห่งท้องทะเล พระองค์จะทรงปฏิบัติแทบจะเป็นขั้นตอนเดียวกันเฉกเช่นเดิม

“แม่ทัพตงมู่” บุรุษหนุ่มในชุดขาวบนแท่นสูงกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “รีบไปที่กองทัพของศาลสวรรค์ทันทีแล้วเลือกทหารสวรรค์ชั้นยอดไปสี่หมื่นคน ทุกๆ วันในอีกสิบปีข้างหน้านับจากนี้ เจ้าต้องฝึกฝนการต่อสู้ทุกรูปแบบให้พวกเขาอย่างหนัก อย่าได้หย่อนยาน”

“น้อมรับบัญชาฝ่าบาท!”

องค์เง็กเซียนพยักพักตร์ช้าๆ และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คราวนี้ ขุนนางของข้า ฉางเกิงได้บอกเรื่องอื่นๆ มาด้วยหรือไม่?”

แม่ทัพตงมู่จึงย้ำบทสนทนาแบบต่อคำต่อคำที่เขาพูดคุยกับเทพแห่งท้องทะเลอย่างไม่ลังเลใจ

จากนั้น องค์เง็กเซียนก็หันเหความสนใจไปในทันที…

“มีฤทธิ์โอสถคล้ายกับต้นเซียงซือหรือ? อืม?”

องค์เง็กเซียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและเผยท่าทางตระหนักรู้ขึ้นในทันที

องค์เง็กเซียนยิ้มและกล่าวว่า “ขุนนางของข้า ฉางเกิงผู้นี้ กำลังวางแผนจริงๆ แม้จะเป็นการแต่งงานระหว่างชายและหญิง เขาก็ยังนำมาใช้สร้างความวุ่นวายกับเรื่องนี้ได้ ช่างน่าทึ่งนัก หากมีคนผู้นี้คอยช่วยข้า ข้าย่อมจะได้รับความโปรดปรานจากท่านพี่ไท่ชิงอย่างแท้จริง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

แม่ทัพตงมู่ก้มศีรษะลงและกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงเข้าใจได้ลึกซึ้งยิ่ง กระหม่อมยังคิดว่า เทพแห่งท้องทะเล กำลังหลอมโอสถชนิดนี้เพื่อเอาไว้ใช้เอง จึงไม่ได้พิจารณาอย่างลึกซึ้งเช่นนั้น”

“ขุนนางของข้า ฉางเกิงผู้นี้ หาใช่คนเช่นนั้นไม่” จักรพรรดิหยกโบกมือและกล่าวว่า “ไปจัดการเรื่องกองทัพทหารก่อน หลังจากนั้น แม่ทัพตงมู่จงไปที่ตำหนักเทพจันทราและมอบบุญเพิ่มเติมแก่เทพจันทราเพื่อให้เขานำรากวิญญาณของต้นเซียงซือไปให้ขุนนางของข้า ฉางเกิง”

“น้อมรับบัญชาฝ่าบาท!”

“เฮ้อ… ให้ยกภูเขาสูงขึ้นจากพื้นดิน แค่พูดย่อมง่ายกว่าทำ”

ในหอโอสถ หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะพลางถอนหายใจขณะยังคงปกป้องเตาหลอมโอสถเพื่อกลั่นสกัดโอสถต่อไป

ชั่วขณะนั้น หลี่ฉางโซวแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ไปทางหลิงเอ๋อร์ ซึ่งทำงานเย็บปักถักร้อยมาสามวันสองคืนแล้ว นางหอบชุดใหม่เอี่ยมสองสามชุดเอาไว้ในอ้อมแขนแล้วไปที่กระท่อมมุงจากของท่านปรมาจารย์ใหญ่…

หลี่ฉางโซ่วได้ออกแบบเสื้อชั้นในชุดกระโปรงยาวเหล่านี้ด้วยตนเองเพื่อให้หลิงเอ๋อร์ตัดเย็บอย่างประณีต

พวกมันถือว่าเป็นเครื่องมือเวทธรรมดาเท่านั้น และผลการป้องกันก็ไม่ดีนัก แต่อาศัยว่ามีกฎห้ามในสัมผัสเซียนรับรู้ให้แยกการตรวจจับภายนอกเพิ่มเป็นสองเท่า!

ทั้งนี้ก็เพื่อให้แน่ใจว่า คนอื่นจะไม่อาจใช้สัมผัสเซียนรับรู้ และสายตาเซียนจนมองเห็นความลึกลับของเสื้อผ้านี้ได้

ในพื้นที่บางส่วนของเสื้อผ้าชุดนี้มีความหนาขึ้นอีกหลายชั้น…

ในไม่ช้า ก็มีคลื่นแห่งความชื่นชมปรากฏออกมาจากกระท่อมมุงจาก ทันใดนั้น เจียงหลินเอ๋อร์ก็ลงมือวางข่ายอาคมพลังเซียนหลายชั้นเอาไว้ในทันที

หลี่ฉางโซ่วจึงถอนสัมผัสเซียนรับรู้กลับคืนมาฉับพลันเพื่อไม่ให้ล่วงเกินนาง

……………………………………………………………….