บทที่ 412 เซี่ยฟางเฟยไม่กล้าสบตา

บทลงโทษได้ถูกกำหนดเอาไว้เช่นนั้น แต่นางคงหลบหนีมาได้ นายท่านเซี่ยอาจใช้เส้นสายของเขาพานางหลบหนีกลับมายังเมืองหลวง

เมืองเหยาสุ่ยอยู่ห่างไกลเมืองหลวง ข่าวอื้อฉาวที่นางทำเอาไว้จึงมาไม่ถึง เซี่ยฟางเฟยจึงได้ใช้ชีวิตอยู่เมืองหลวงอย่างสุขสบายเช่นคุณหนูตระกูลใหญ่ทั่วไป

ในเวลานั้นเว่ยฉิงและถังหลี่เป็นเพียงคนธรรมดา พวกเขาไร้ตัวตนสถานะอ่อนแอ ไม่มีทางต่อกรกับอำนาจของจวนเซี่ยได้ เซี่ยฟางเฟยจึงไม่ได้รับผลกรรมที่นางก่อเอาไว้

ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ถังหลี่ได้เจอภาพวาดของเซี่ยฟางเฟยท่ามกลางบรรดาภาพหญิงงามที่มารดาของนางเตรียมไว้ให้พี่ชาย นางจึงขอให้มารดาของนางเอารูปของเซี่ยฟางเฟยออก แต่สิ่งที่ทำให้ถังหลี่ประหลาดใจมากที่สุดก็คือ เมืองหลวงที่แสนกว้างใหญ่ นางกลับมาเจอเซี่ยฟางเฟยเสียได้ ถังหลี่มองแล้วยิ้มให้

“คุณหนูเซี่ย ช่างบังเอิญเสียจริง”

หลังจากที่ถังหลี่มาถึงเมืองหลวงและกลับเข้าไปในสกุลกู้ นางยังไม่เคยได้เข้าร่วมงานเลี้ยงใดๆ ทำให้ในเมืองหลวงมีเพียงสตรีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จักนาง จะมีก็แต่เพียงคนที่รู้จักกับมารดาของนางและสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงที่คบหากันอยู่ในแวดวงใกล้ๆ เท่านั้น

จะกล่าวไปก็คือภรรยาแม่ทัพอย่างฮูหยินกู้และเชื้อพระวงศ์ต่างมีความสนิทสนมอยู่ในแวดวงเดียวกัน ส่วนคุณหนูเซี่ยและบรรดาเพื่อนพ้องของนางกลับอยู่ในสังคมที่มีสถานะแตกต่างกันไป แม้พวกนางจะประจบสอพลอคุณหนูเซี่ยเช่นไรก็ไม่ได้มีอิทธิพลที่แข็งแกร่งเท่ากับสกุลกู้ของนาง

ถังหลี่จึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหญิงสาวเหล่านี้ พวกนางเองก็ไม่รู้จักถังหลี่เช่นกัน

เพียงแค่ดูเสื้อผ้าและกิริยาวาจาเท่านั้นจึงจะตัดสินได้ว่านางมาจากตระกูลไหน

“ฟางเฟย นางคือใครหรือ? เจ้ารู้จักนางหรือ?” หญิงสาวข้างๆ เซี่ยฟางเฟยถามอย่างสงสัย

“นางมาจากเมืองเหยาสุ่ย ในมณฑลชิงเหอ เป็นสตรีที่เก่งมาก ข้าพบนางครั้งแรกนางก็เปิดร้านขายชาดอยู่ในเมืองเหยาสุ่ยแล้ว วันหนึ่งๆ นางทำเงินได้หลายสิบตำลึงทีเดียว” เซี่ยฟางเฟยกล่าวยกย่อง ฟังดูเผินเหมือนนางกล่าวชื่นชม แต่ความเป็นจริงนางกำลังดูแคลน

เปิดร้านขายชาด? ทำเงินได้หลายสิบตำลึงต่อวัน?

นี่แทบจะไม่ต่างอะไรกับแผงขายของริมถนนเลยไม่ใช่หรือ?

แม้ว่าจะมีรายได้มากกว่าคนที่ขายของข้างถนน แต่ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นเพียงคนค้าขายเท่านั้น ในสังคมโบราณมีบรรทัดฐานกำหนดชนชั้นของสภานะผู้คนเอาไว้ บัณฑิต ชาวนา เจ้าของกิจการและพ่อค้า ที่มีสถานะทางสังคมต่ำสุดก็เป็นเถ้าแก่เนี้ยนั่นเอง บรรดาหญิงสาวเหล่านั้นจึงได้ปรายตามองถังหลี่อย่างดูถูก ทว่านางไม่ได้ใส่ใจกับสายตาของผู้คนเหล่านั้น นางมองเซี่ยฟางเฟยพลางส่งยิ้มให้

“คุณหนูเซี่ยดูสุขสบายดียิ่ง การทำงานหนักสามปีคงส่งผลดีทำให้ร่างกายของเจ้าดูแข็งแรงขึ้นมาก”

นางไม่กลัวเซี่ยฟางเฟย เพราะถ้าหากอีกฝ่ายคิดจะปะทะกับนางแล้วละก็ คงมีแต่โชคร้ายเท่านั้น ถังหลี่จะไม่ปล่อยให้เซี่ยฟางเฟยได้เปรียบนางเป็นอันขาด!

ท่าทีของเซี่ยฟางเฟยเปลี่ยนไปทันที ที่นี่คือเมืองหลวงเปรียบเสมือนถิ่นของนาง หากถังหลี่ยังกล้าที่จะทำให้นางขุ่นเคืองเช่นนี้ ไม่คิดว่านางจะมีวิธีจัดการหรือ?

“โทษทำงานหนัก? ฟางเฟย นางกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” สตรีรอบข้างต่างพากันถามอย่างแปลกใจใคร่รู้

“นางกำลังพูดเรื่องไร้สาระ”

“ไร้สาระงั้นหรือ? ใต้เท้าจูที่เมืองเหอตงเป็นคนพิจารณาคดีของเจ้าเอง แน่นอนว่าที่ศาลาว่าการต้องมีบันทึกเอาไว้” ถังหลี่กล่าวอย่างจริงจัง ทำให้ใบหน้าของเซี่ยฟางเฟยซีดเซียว

“อย่าฟังคำพูดไร้สาระของนางเลย หญิงคนนี้เป็นพวกสติไม่ดีน่ะ” เซี่ยฟางเฟยรีบพูดแย้งเบนความสนใจทันที

ต่อให้พวกนางจะมีความอยากรู้อยากเห็นมากเพียงใดก็ตาม แต่ก็ไม่กล้าจะล่วงเกินเซี่ยฟางเฟย จึงทำได้แต่เก็บงำความอยากรู้เอาไว้

“เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ? นางสติไม่ดี จึงพูดไร้จาสาระสินะ”

“ฟางเฟย เจ้าอย่าโกรธคนสติไม่ดีเลย”

“แต่เหตุใดจื้ออวิ๋นโหล่วจึงให้หมาแมวจรจัดเข้ามาเพ่นพ่านในร้านได้นะ”

“ใช่ หากหญิงบ้าคนนี้เข้ามาทำร้ายผู้อื่นจะว่าอย่างไร เราต้องบอกหลงจู๊นะ”

“อย่าไปสนใจเลยไปซื้อของกันดีกว่า” เซี่ยฟางเฟยหยุดพวกนางไว้ นางไม่อยากมีปัญหากับถังหลี่เพราะกลัวว่าถังหลี่จะพูดอะไรที่มากกว่านี้ นางจะไม่ยั่วโมโหถังหลี่ หากแต่เมื่อลับตานางจะส่งคนไปจัดการกับถังหลี่อย่างเงียบๆ

เซี่ยฟางเฟยมองไปที่เสื้อผ้าในร้าน แม้มันจะสวยงามแต่หญิงสาวอยากได้แบบพิเศษมากกว่า ชุดที่นางใส่อยู่ถูกซื้อผ่านคนมาอย่างยากลำบากด้วยความช่วยเหลือจากบิดาของนางในปีก่อนหน้า แต่ปีนี้กลับขายหมดไปแล้ว

เซี่ยฟางเฟยเดินไปหาพนักงาน

“ตันเหนียงอยู่หรือไม่?” เซี่ยฟางเฟยถาม

ตันเหนียงคือนักปักผ้าที่มีฝีมือของจื้ออวิ๋นโหล่ว นางมีฝีมือและทักษะที่ยอดเยี่ยมมาก หากตันเหนียงยอมปักผ้าให้ล่ะก็ เสื้อผ้าที่นางได้รับจะต้องงดงามไม่แพ้กับเสื้อผ้ารุ่นพิเศษเลย นั่นจะทำให้เซี่ยฟางเฟยได้หน้าเป็นอย่างมาก แต่ตันเหนียงเป็นคนเก็บตัว น้อยคนนักที่จะได้พบกับนาง

อย่างไรก็ตามเซี่ยฟางเฟยมั่นใจว่าหากตันเหนียงได้พบเจอกับนางแล้วล่ะก็ วาทะศิลป์ที่นางมีจะทำให้อีกฝ่ายตกลงใจที่จะปักชุดใหม่ให้นางอย่างแน่นอน

“นางอยู่ขอรับ”

“ข้าคือเซี่ยฟางเฟย เป็นคุณหนูจากสกุลเซี่ยเป็นบุตรสาวของใต้เท้าเซี่ยหรงอัน ไม่ทราบว่าแม่นางตันเหนียงจะสะดวกพบข้าหรือไม่?” เซี่ยฟางเฟยกล่าว

พนักงานของร้านเพ่งมองนางอยู่ครู่หนึ่งหลังจากนั้นจึงได้รีบวิ่งไปรายงาน

“ฟางเฟย ตันเหนียงต้องยอมพบเจ้าเป็นแน่ เจ้าจะได้ใส่ชุดปักจากฝีมือของนาง ”

“ใช่แล้ว ฟางเฟยเจ้าเป็นสตรีที่มีชื่อเสียง ตันเหนียงจะต้องอยากประจบเจ้าแน่”

“ฟางเฟย หากเจ้าได้เจอนางต้องมาเล่าให้พวกเราฟังด้วยนะว่าช่างปักที่มีชื่อเสียงผู้นี้หน้าตาเป็นอย่างไร?”

ผู้คนเหล่านั้นต่างยกย่องเซี่ยฟางเฟย ทำให้นางมีความสุขจนแทบจะล้นปรี่ เซี่ยฟางเฟยมองถังหลี่ี่ที่นั่งรออยู่มุมร้านอย่างภาคภูมิใจ

นางอยากให้ถังหลี่ได้รับรู้สถานะของนางในเมืองหลวงจะได้รู้ว่าช่องว่างระหว่างนางและหญิงบ้านนอกผู้นั้นช่างห่างไกลกันราวกับสวรรค์ชั้นฟ้ากับผืนพสุธาเลยทีเดียว

นางเบนสายตากลับมาจึงไม่ทันเห็นถังหลี่ที่มองนางราวเป็นตัวตลก

สักพักพนักงานคนเดิมก็กลับมา เซี่ยฟางเฟยมองเขาอย่างคาดหวัง

“คุณหนูเซี่ยต้องขออภัยด้วย ตันเหนียงไม่สะดวกพบกับลูกค้าขอรับ”

เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม หากเซี่ยฟางเฟยรู้สึกหน้าชา แม้จะไม่ราบรื่น แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่ช่างปักมีชื่อผู้นี้จะไม่เจอใครอยู่แล้ว ไม่ใช่แต่กับนางคนเดียว

“แม่นางตันเหนียงอาจจะยุ่งมากก็เป็นได้”

“ใช่ นางคงยุ่งเกินกว่าจะพูดคุยกับฟางเฟยได้”

ผู้คนรอบข้างต่างปลอบโยนนาง จากนั้นจึงพากันเดินลงบันไดไป แต่พนักงานคนนั้นกลับเดินไปหาถังหลี่ ท่าทีที่เขาปฏิบัติกับนางดูเคารพนบนอบเป็นอย่างมาก ดีกว่าที่แสดงกับพวกนางอีก!

“คุณหนูขอรับ แม่นางตันเหนียงขอให้ข้ามาบอกให้คุณหนูไปรับเสื้อผ้าด้วยตัวเอง นางอยากพบคุณหนูขอรับ”

เมื่อพนักงานพูดเช่นนั้น เซี่ยฟางเฟยและคนอื่นในกลุ่มต่างตกใจ ไม่ใช่ว่านางเป็นแค่เถ้าแก่เนี้ยร้านเล็กๆ หรือ?

ตันเหนียงจะอยากเจอเถ้าแก่เนี้ยร้านขายชาดซอมซ่อไปทำไมกัน?

ตันเหนียงปฏิเสธคำขอของนาง แต่เลือกที่จะพบถังหลี่ นี่ไม่ใช่ว่านางกำลังดูถูกเซี่ยฟางเฟยอยู่หรือ?

.