บทที่ 368 กลับไปต้องไปจัดการโจวหยวนเสียแล้ว

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 368 กลับไปต้องไปจัดการโจวหยวนเสียแล้ว

บทที่ 368 กลับไปต้องไปจัดการโจวหยวนเสียแล้ว

ถึงชีวิตในเมืองหลวงจะไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้มากความสามารถที่จะมาอยู่หรอกนะ

เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นสหายที่ดีกับคนบ้านนี้

ไม่ใช่แค่เพื่ออาจารย์ฉือเท่านั้น แต่ยังเพื่ออาหารอันโอชะของหออีหมิงด้วย!

ไว้กลับไปต้องไปจัดการโจวหยวนให้ดี

โจวหยวนร้ายกาจขึ้นทุกที จากสถานะอันน้อยนิดของเขานั้น ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง!

หลังจากส่งแขกทั้งสองที่กินอาหารจนพอใจเสร็จแล้ว ก็ได้เวลานั่งกินข้าวกลางวันอย่างสบายใจเสียที

กว่าจะได้กินข้าว ตอนนี้เด็ก ๆ หิวกันมาก แต่ละคนวิ่งไปที่โต๊ะอาหาร ดูไม่ต่างจากสุนัขเลย

เห็นท่าทางตะกละตะกลาม คุณปู่คุณย่าและคนอื่น ๆ ก็ทุกข์ใจมาก

เปิดเทอมวันแรกยังเป็นถึงขนาดนี้ จากนี้ไปจะทำอย่างไรเนี่ย? ถ้าต้องอยู่หอที่โรงเรียนตลอดสองปีจริง ๆ จะไม่หิวตายเอาหรือ?

“เสี่ยวเถียน พวกหลานต้องอยู่หอที่โรงเรียนหรือเปล่า” คุณปู่ซูถามอย่างเป็นทุกข์

ไอ้พวกเด็กดื้อช่างมันเถอะ ลำบากหน่อยก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เสี่ยวเถียนเป็นเด็กหญิงบอบบาง ไม่ควรปล่อยให้หิว ควรจะกลับบ้านมากินข้าวทุกวันก็พอแล้ว

เสี่ยวเถียนลังเลเมื่อได้ยินคำถามนี้

ใช่แล้ว ถ้าตามข้อกำหนดต้องอยู่หอของโรงเรียน

แต่ตอนนี้เธออยู่ไม่ได้ เธอต้องหาวัตถุให้ร้านอาหารทุกวัน ถ้าอยู่หอ ร้านเราจะขาดแคลนวัตถุดิบ

วัตถุดิบคุณภาพดีที่สุดจะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาร้านอาหาร

ฝีมือการทำอาหารของคุณย่าดีมาก แต่ถ้าไม่มีวัตถุดิบคุณภาพดี ๆ รสชาติอาหารจะลดลงอย่างแน่นอน

เรื่องนี้ต้องไปคุยกับครูใหญ่สักหน่อย ไม่รู้ว่าชื่อเสียงของปู่ฉือจะเอามาหลอกได้ไหม?

“หนูอาจจะไปปรึกษากับทางโรงเรียนดูค่ะ!”

ไม่ว่าอย่างไรไปคุยก่อนดีกว่า ส่วนครูใหญ่จะเห็นด้วยหรือไม่ค่อยว่ากันใหม่

ไม่ว่าจะทำอะไรต้องลองก่อนถึงจะรู้

“งั้นลองดูแล้วกัน ถ้าครูใหญ่ไม่เห็นด้วย เดี๋ยวปู่ส่งข้าวไปให้แทน”

คุณปู่ซูคิดว่าความคิดของเขาเยี่ยมมาก ไม่มีปัญหาสักนิด

อาหารสามมื้อ หลานสาวได้กินดีแน่นอน

เสี่ยวลิ่ว เสี่ยวชี เสี่ยวปา และเสี่ยวจิ่วหยุดตะเกียบก่อนมองหน้ากัน ถ้าคุณปู่จะส่งข้าว ก็น่าจะส่งให้ทุกคนใช่ไหม?

“หนูรู้ว่าคุณปู่ดีที่สุด แต่ว่าพวกเรามีคนเยอะนะคะ จะลำบากปู่เอานะถ้าส่งให้ทุกวันแบบนี้!” เสี่ยวเถียนพูดกับชายชราด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

“ปู่ส่งให้หลานคนเดียว ส่วนไอ้เด็กดื้อพวกนี้ลำบากมาตั้งแต่เด็กแล้ว หิวไม่กี่มื้อไม่เป็นไรหรอก!”

คุณปู่ซูพูดด้วยเสียงดังกึกก้อง และทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ได้ยินอย่างชัดเจน

ฉืออี้หย่วนไม่ได้คิดอะไรเพราะไม่ใช่ของปู่เขา จะส่งหรือไม่ส่งให้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

แต่เด็กสี่คนนั่นกลับมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก พวกเขาไม่ใช่หลานแท้ ๆ หรืออย่างไร เก็บมาเลี้ยงหรือ? ทำไมปฏิบัติต่างกันขนาดนี้ล่ะ?

“คุณปู่…” เสี่ยวจิ่วอดไม่ได้ที่จะมองด้วยสายตาเศร้าสร้อย

ก่อนชายชราจะจ้องกลับ “ทำไม? ข้าวมันหยุดปากแกไม่ได้หรือ?”

เอาเถอะ เสี่ยวจิ่วคิดว่าเขาคงถูกเก็บมาเลี้ยงจริง ๆ!

เก็บมาเลี้ยงแน่นอน!

ไม่ใช่แค่เขานะ พวกพี่ ๆ ก็ด้วย

มีแค่เสี่ยวเถียนเท่านั้นแหละที่เป็นหลานแท้ ๆ!

เสี่ยวลิ่วมองท่าทางของปู่ ก่อนถูจมูกโดยไม่พูดอะไร

ถ้าเอ่ยปากต้องโดนแน่ ๆ ผู้เข้าใจสถานการณ์คือผู้เฉลียวฉลาดนะ! เสี่ยวชีมองพี่หกที่เริ่มตั้งใจกินข้าว ทั้งยังไม่เอะอะโวยวายด้วย

ข้าวอร่อยแบบนี้ รู้สึกว่ายิ่งกินยิ่งน้อย งั้นก็ตั้งใจกินเถอะ!

ส่วนเสี่ยวปามองน้องเล็ก ก่อนมองไปทางปู่

ช่างเถอะ เขาชินกับเรื่องพวกนี้มานานแล้ว รีบ ๆ กินก็พอ!

เสี่ยวจิ่ว “…”

หลังจากจบฉากละครชีวิตไป อาหารอร่อย ๆ ก็ทำให้เด็ก ๆ ลืมเรื่องที่ทำให้น้อยอกน้อยใจ

และเพราะว่าเป็นวัยกำลังกินกำลังนอน บรรยากาศภายในบ้านจึงมักจะดีที่สุดในช่วงกินข้าว

ต่างคนต่างแย่ง กินกันอย่างน่าอร่อย ทว่าก็ต้องโดนคนรบกวนอีกแล้ว

ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโจวหรุ่ยซูผู้ไม่น่าต้อนรับ

โจวหรุ่ยซูไม่รู้ว่าทำไมตนถึงวิ่งอย่างบ้าระห่ำมาที่หออีหมิงด้วย

เพราะจิตใต้สำนึกบอกว่า ถ้ามาที่นี่จะได้เจอฉืออี้หย่วน

ตั้งแต่ได้พบเขา เธอก็คิดว่าชอบอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ชอบจนไม่สามารถปล่อยไปได้อีก

แต่เธอพูดแบบบนี้กับคนอื่นไม่ได้

ไม่ว่าฉืออี้หย่วนจะปฏิบัติต่อเธออย่างเย็นชาเพียงใดก็ตาม เธออยากจะพบเด็กชายคนนั้น แค่คิดก็ปวดใจไปหมด

ทว่าเธอเห็นอะไรอยู่น่ะ?

ฉืออี้หย่วนมองเสี่ยวเถียนอย่างเสน่หา ดวงตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ ราวกับว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเป็นสมบัติล้ำค่าและควรค่าแก่การทะนุถนอม

เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงท่าทางของเขาที่มีต่อตน ดวงตาของ-เธอเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที

นี่มันไม่ยุติธรรม!

เธอกำหมัดแน่นขึ้น

เสี่ยวเถียนยิ้มทั้งยังกระซิบกระซาบคุยกับฉืออี้หย่วน เข้าใจกันอยู่สองคน และมันทำให้โจวหรุ่ยซูไม่สบายใจ!

มีสิทธิ์อะไรกัน?

มันมีเหตุผลอะไรที่ฉืออี้หย่วนถึงไม่ชอบเธอ?

ทำไมพวกเขายังกินข้าวอย่างมีความสุขหลังจากที่สร้างเรื่องยุ่งเหยิงให้บ้านเธอล่ะ?

พวกเขามีหัวใจบ้างหรือเปล่า!

พวกเขามันเป็นสัตว์เลือดเย็นทั้งนั้น!

“พวกแกมันใจดำ พวกแกมันไม่ใช่มนุษย์!”

เด็กสาวที่โดนรอยยิ้มของคนหลายคนทิ่มแทงนั้น ในที่สุดก็กลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่แล้วตะโกนออกมาเสียงดังลั่น

โจวหรุ่ยซูตะโกนขึ้นอย่างเสียสติ

บรรยากาศแห่งความสุขจบลงในทันที

เสี่ยวเถียนขมวดคิ้ว เธอไม่เคยเจอใครติดหนึบไม่ไปไหน

หรือสมองเธอโดนผีดิบกินไปแล้ว? ไม่งั้นจะไล่ตามมาถึงบ้านเราทำไมล่ะ? พวกราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลยสักนิด แล้วทำไมต้องมาเหนี่ยวรั้งกันด้วยล่ะ?

เสี่ยวเถียนมองฉืออี้หย่วนโดยไม่รู้ตัว

ความผิดพี่นั่นแหละ!

พอเห็นสายตาของเสี่ยวเถียน ฉืออี้หย่วนก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

ใครทำใครกันแน่เนี่ย?

“ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ! รบกวนออกไปด้วย!” ฉืออี้หย่วนเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น

ความรู้สึกไม่ชอบของเขาที่มีต่อผู้หญิงคนนั้นอยู่ในจุดที่ควบคุมไม่ได้แล้ว เขาไม่อยากเจอคนคนนี้เลยจริง ๆ ไม่อยากจะเห็นสักนิด!

คิดดูนะ ถ้าเป็นคนอื่นโดนเกาะหนึบแบบนี้บ้าง จะไม่ให้อึดอัดได้อย่างไรล่ะ?

ใบหน้าของเสี่ยวเถียนเย็นเยียบ และมองผู้หญิงคนนั้นที่จ้องครอบครัวของเธอด้วยสายตาขุ่นเคือง

“นายทำแบบนี้ได้ยังไง? ฉันชอบนายขนาดนี้แล้ว ทำไมนายถึงไม่ชอบฉัน?”

โจวหรุ่ยซูเหมือนคนจะล้ม ท่าทางเหมือนทนรับความเจ็บปวดไม่ไหว

ฉืออี้หย่วนพูดไม่ออก เธอชอบเขามาก แล้วเขาชอบเธอไหมล่ะ?

ขอใช้คำพูดของเธอบ้างแล้วกัน มีเหตุผลอะไรให้ชอบ?

“เธอจะชอบใครก็เรื่องของเธอ ส่วนฉันจะชอบใครมันก็เรื่องของฉัน แต่เธอควรรู้ไว้ว่านะว่าพฤติกรรมของเธอมันรบกวนชีวิตฉันเอามาก ๆ!”

ฉืออี้หย่วนพูดชัดเจนมาก แต่ก็มีบางคนแสร้งโง่ทำเป็นไม่เข้าใจ

ซึ่งโจวหรุ่ยซูไม่คิดใส่ใจในคำพูดนั้นเลย เธอรั้นที่จะเชื่อว่าฉืออี้หย่วนเป็นคนที่ถูกกำหนดมา

ถึงอีกฝ่ายจะเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร แต่เธอไม่เคยรังเกียจเขาเลย

แล้วเขามีเหตุผลอะไรถึงไม่เข้าใจความรู้สึกลึก ๆ ของเธอล่ะ?

“ฉันให้พ่อใช้เส้นสายเพื่อนาย ฉันโดนพ่อตบเพื่อนาย พ่อกับแม่ฉันทะเลาะกันก็เพื่อนาย ฉันคงไม่ได้เรียนอีกแล้วแน่ ๆ ก็เพื่อนาย ทำไมถึงพูดจาทำร้ายจิตใจกันแบบนี้ล่ะ?”

เสี่ยวเถียนฟังที่อีกฝ่ายพูดรัวเป็นชุดออกมา พลันรู้สึกอีกฝ่ายโดนจิตวิญญาณนางเอกที่คุณย่าเฉิงเหยา*[1] เขียนเข้าสิงเลย

ที่พูดมาเนี่ย คิดว่าตัวเองเป็นใคร?

ทำเพื่อพี่อี้หย่วน? ความปรารถนาไม่มีที่สิ้นสุดเหลือเกิน!

“นั่นมันเรื่องของบ้านเธอต่างหาก!” ฉืออี้หย่วนไม่ได้ลุกขึ้น แต่มองโจวหรุ่ยซูด้วยสายตาแน่วแน่เหมือนมองดูคนโง่

เด็กหนุ่มคิดว่า ถ้าอีกฝ่ายไม่มายุ่งกับเขา เขาก็คงจะได้ดูละครฉากหนึ่งแล้ว

ทว่าตัวเอกดันกลายเป็นเขาเอง อี้หย่วนก็แทบรอหนีไปให้ไกลไม่ไหวแล้ว!

*[1] เฉิงเหยา เป็นนักเขียนบทละครและโปรดิวเซอร์ ผลงานของเธอที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ คือ องค์หญิงกำมะลอ และมนต์รักในสายฝน