นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 252 หย่า 1
ตัวนางจะลำบากแค่ไหนก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ลูกของนางทำบาปกรรมอะไรไว้ล่ะ? นางต้องทำงานทั้งวันทั้งคืนไม่เคยได้หยุดได้พัก แต่ทำไมลูกของนางกระทั่งข้าวก็ยังกินไม่อิ่มท้อง?
“อั้ยหยา! พวกเจ้ามันเป็นหมาป่าเนรคุณเลี้ยงไม่เชื่อง! ถูกตระกูลโจวเลี้ยงดูไม่กี่วันก็จำย่าของตัวเองไม่ได้แล้วใช่ไหม? ไอ้พวกเนรคุณลืมกระทั่งญาติโกโหติกาของตัวเอง!” ป้าซุนปากก็ด่ากราดไม่หยุด ขาก็เดินเข้าไปทำท่าจะทุบตีพวกเขา
ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุกพวกนี้นี่! จะหน้าไหน ๆ ก็ร่ำร้องอยากจะอยู่ที่บ้านตระกูลโจวกันหมด แล้วจะให้ตระกูลซุนของนางเอาหน้าไปไว้ไหนล่ะ?
เพิ่งจะพูดจบ ก็เห็นเหล่าไท่ไท่หยิบไม้กวาดด้ามหนึ่งขึ้นมา แล้วพุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว
“นั่นเจ้าจะทำอะไรน่ะ?” ป้าซุนก้าวถอยหลังไปสองก้าว มองเหล่าไท่ไท่พลางร้องตะโกนเสียงดัง
“จะทำอะไรน่ะรึ? ก็จะตีเจ้าให้ตายน่ะสิ!” เหล่าไท่ไท่พูดพลาง มือก็เงื้อไม้กวาดขนาดใหญ่ วิ่งอ้อมโต๊ะไปหาป้าซุนแล้วฟาดลงไปเต็มแรง
ป้าซุนหันหลังคิดจะวิ่งออกไปข้างนอก แต่ส่วนปลายของไม้กวาดด้ามนั้นก็ยังเกี่ยวโดนคอของนางจนได้ บาดจนส่วนท้ายทอยกับลำคอของนางเป็นแผล เผยรอยเลือดรอยใหญ่ไหลอาบเป็นทาง
ไม้กวาดด้ามนี้ เป็นไม้ไผ่ซี่เล็ก ๆ ที่เก็บมาจากบนเขา แล้วนำมามัดรวมกัน ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับกวาดดินโคลนตรงหน้าประตู จึงแข็งจนไม้กวาดทั่วไปเทียบไม่ติด
“อ๊า! ฆ่าคนแล้ว!” ป้าซุนแหกปากร้องห่มร้องไห้โวยวาย พลางวิ่งหนีออกไปข้างนอก
ซุนโก่วต้านที่อยู่ข้าง ๆ เห็นว่าแม่ตัวเองวิ่งหนีออกไปแล้ว จึงรีบวิ่งตามออกไปข้างนอก
พอนางตะโกนแบบนั้นอยู่ข้างนอก พวกคนข้างบ้านก็พากันออกมาชมดูเรื่องสนุกกันให้สลอน
เหล่าไท่ไท่เดินถือไม้กวาดด้ามใหญ่ยักษ์ออกมา ปักไม้กวาดด้ามนั้นลงกับพื้นหนัก ๆ มือข้างหนึ่งของนางจับด้ามไม้กวาด ส่วนมืออีกข้างก็ท้าวอยู่ที่เอว อ้าปากด่าซุนโก่วต้านที่ตามออกมายืนเซ่อซ่าไปอีกยก เสียงก่นด่าดังลั่นนั้น ถึงกับกลบทับเสียงร้องไห้ของป้าซุนลงไปเลยทีเดียว
พวกเด็ก ๆ ก็เดินตามออกมาด้วย ต้าญาเห็นเลือดที่ไหลอาบมุมปากของพ่อ จมูกก็พลันแสบร้อนขึ้นมา แต่เมื่อหวนนึกถึงท่าทีของพ่อที่มองดูพวกน้องชายน้องสาว รวมถึงตัวนางเองต้องถูกคนพวกนั้นรังแกตอนที่ยังอยู่บ้านตระกูลซุน นางก็หันหน้าหนี ไม่มองมาทางนี้อีก
“คนในหมู่บ้านต้าสือมันรังแกคนอย่างนี้เลยสินะ? พวกเจ้า…..”
ป้าซุนคิดจะเสี้ยมให้คนที่มาชมดูเรื่องสนุกช่วยนาง แต่เหล่าไท่ไท่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้นางทำแบบนั้นได้แม้แต่น้อย : “แม่ผัวสมควรตายอย่างเจ้า กล้ามาทุบตีลูกสาวคนโตของข้าถึงในบ้าน แล้วยังคิดจะขอให้คนในหมู่บ้านต้าสือช่วยอีกงั้นรึ? หรือเจ้าคิดว่าพวกเขาตาบอดกันหมดแล้ว ? ข้าก็คนหมู่บ้านต้าสือ คิดหรือว่าพวกเขาจะยอมช่วยคนจากหมู่บ้านตระกูลซุนอย่างเจ้า?”
จากนั้นก็อ้าปากด่าอีกยก สุดท้ายด่าแล้วยังไม่รู้สึกหนำใจ จึงคว้าไม้กวาดด้ามยักษ์นั่นขึ้นมาไล่ทุบไล่ตีแม่ลูกคู่นี้หนัก ๆ อีกรอบ
สองคนแม่ลูกนั่นหลบหนีหัวซุกหัวซุน แต่ติดที่ไม้กวาดด้ามนั้นใหญ่เกินไป ขอแค่ข่วนโดนเพียงเล็กน้อย ก็จะเจ็บปวดจนเกือบทนไม่ได้เลยทีเดียว
เมื่อเห็นซุนโก่วต้านในสภาพนี้ โจวคายจือก็รู้สึกทุกข์ใจอยู่บ้างเล็กน้อย เพิ่งคิดว่าจะก้าวเข้าไปห้าม ก็ถูกต้าญาฉุดรั้งไว้ กระทั่งพวกลูก ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ก็คอยรั้งนางเอาไว้เช่นกัน
แม้แต่ซานญาที่อายุน้อยที่สุดก็ยังเข้ามารั้งโจวคายจือไว้ พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “แม่ เมื่อก่อนย่าก็ทุบตีทั้งพี่สาว พี่ชาย แล้วก็ข้าแบบนี้เหมือนกัน.…”
หัวใจของโจวคายจือประหนึ่งว่าไปพลิกโดนไหน้ำส้มสายชูหกคว่ำใส่จนหมดไห ใจทั้งดวงเจ็บปวดเสียดแปลบ ทรมานจนแทบหายใจไม่ออก
นางยื่นมือออกไปกอดซานญาไว้แน่น ใช้หน้าผากของตัวเองแนบชิดกับหน้าผากของซานญา น้ำตาไหลนองอาบแก้ม
ล้วนเป็นเพราะนาง เพราะนางมันอ่อนแอเกินไป ถ้านางเป็นได้เหมือนแม่ เหมือนน้องรองหรือน้องสามที่เด็ดเดี่ยวกล้าหาญแบบนั้น ลูก ๆ ของนางจะถูกคนรังแกขนาดนี้ได้ยังไง?
ถ้าตอนที่แม่ช่วยระบายโทสะแทนนางให้เมื่อคราวก่อน นางไม่ก้มหัวยอมถอยให้ทางนั้นง่าย ๆ บางทีตอนนี้ นางอาจจะไม่ต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชขนาดนี้แล้วใช่ไหม?
คิดพลาง สายตาก็หันไปมองเหล่าไท่ไท่อีกครั้ง นางมองดูแม่ของตัวเองทั้งกดทับทั้งทุบตีสองแม่ลูกนั่นอย่างไม่ปราณี จนสองคนนั้นไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบโต้แม้แต่น้อย รวมถึงเสียงด่ากราดที่ดังลั่นแบบไม่มีสะดุดนั่นอีก ยิ่งทำให้นางรู้สึกทุกข์ทรมานใจขึ้นมาหลายส่วน
“ไอ้พวกตระกูลซุนต่ำช้าทั้งโคตร ลูกสาวของข้าอยู่ดี ๆ ก็ต้องมาถูกกดขี่ข่มเหงจนมีสภาพเป็นแบบนี้แล้ว ต้าญาป่วยแทบตายพวกเจ้าก็จะไม่ยอมควักเงินออกมารักษาสินะ? จะให้ข้าที่เป็นยายรักษางั้นสิ? ข้าสวีเหมยฮวาคนนี้มันตาบอดแล้วจริง ๆ ถึงได้ยกลูกสาวให้พวกเจ้าเอาไปเหยียบย่ำทรมานจนปางตายแบบนี้! อีแก่หนังเหี่ยวเอ๊ย กล้าทุบตีลูกสาวของข้าดีนัก ข้าจะตีเจ้าให้ตายเลยคอยดู!”
ระหว่างที่เหล่าไท่ไท่ทุบตีระบายความแค้นใส่สองคนนั้น ปากของนางก็ไม่อยู่เฉย ถ้าไม่ด่าออกมาตอนนี้ ไฉนเลยชาวบ้านจะได้รับรู้ถึงความเลวทรามต่ำช้าของคนตระกูลนี้? พอถึงเวลาจะไม่เอาลูกสาวคนโตของนางไปนินทาลับหลังกันให้สนุกปากอีกรึ?
เมื่อคนรอบข้างได้ยินสิ่งที่เหล่าไท่ไท่พูด พวกเขาก็โกรธมาก
คายจือคนนี้ก็เติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านต้าสือเหมือนกัน พวกเขาจะไม่รู้นิสัยใจคอของนางได้ยังไงล่ะ? ทั้งยังเป็นคนที่ทำงานเก่ง ต้องถูกคนเอาไปทรมานขนาดนี้ หรือตระกูลซุนคิดจะปิดแผ่นฟ้าไม่ให้คนรู้ความชั่วของตัวเอง?
บรรดาผู้ที่ไม่ได้ไปทำงานในไร่นาเวลานี้ ล้วนแล้วแต่เป็นพวกย่ายายที่มีลูกสะใภ้ พวกย่ายายต่างก็เห็นโจวคายจือโตมากับตา แน่นอนว่าครั้งนี้ทุกคนย่อมยืนอยู่ข้างเดียวกับโจวคายจือทั้งหมด
ในเวลาเพียงไม่นาน ใบหน้าของซุนโก่วต้านก็เต็มไปด้วยเลือด ดูน่ากลัวชวนขนหัวลุกอย่างยิ่ง ทั่วทั้งร่างเจ็บปวดจนแทบขาดใจ ส่วนป้าซุนนั่นเป็นเพราะถูกซุนโก่วต้านปกป้องไว้ทำให้ตีไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ แต่เพราะนางก็ถูกทุบตีตามเนื้อตามตัวไม่น้อย เจ็บปวดจนยากจะทานทน
ต้องมาถูกทุบตีเช่นนี้ นางย่อมรู้สึกขุ่นข้องใจจนแทบกระอัก หันขวับไป ปากก็ร้องตะโกนขึ้นว่า: “ถ้าจะดูถูกตระกูลซุนของข้าขนาดนี้ ก็ไสหัวกลับไปตระกูลโจวของพวกเจ้าซะเลยสิ!”
ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมา ไม้กวาดที่กระหน่ำฟาดใส่หัวของนางก็หยุดลง เมื่อเงยหน้ามองดูอีกครั้ง ก็เห็นว่าสวีเหมยฮวาเก็บไม้กวาดกลับไปแล้ว เอาไปวางลงบนพื้นข้าง ๆ
ป้าซุนดีใจแทบคลั่ง นี่คงกลัวว่าลูกสาวตัวเองจะถูกหย่าเข้าแล้วล่ะสิ?
พอคิดแบบนี้ นางก็รู้สึกยินดีขึ้นมาหลายส่วน ผลักลูกชายที่ปกป้องนางออกไป แล้วตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น ความเจ็บปวดบนใบหน้ายิ่งไปกระตุ้นให้นางโกรธมากขึ้น:”สวีเหมยฮวา เจ้ามันแน่นักไม่ใช่เรอะ! ได้! ข้าจะให้ลูกชายข้าเขียนหนังสือหย่าให้ลูกสาวเจ้าเดี๋ยวนี้แหล่ะ!”
เมื่อได้ยินคำว่าหนังสือหย่า โจวคายจือถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ในใจรู้สึกตื่นตระหนก
หนังสือหย่า…. ถ้านางถูกหย่าเข้าจริง ๆ ในอนาคตนางจะใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุขได้อีกหรือ?
คนของหมู่บ้านต้าสือไม่กล้าสอดปากอีก เพราะถ้าหย่ากันขึ้นมาจริง ๆ นั่นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว
ซุนโก่วต้านตื่นตระหนกสุดขีด รีบเข้าไปดึงแขนเสื้อแม่ของตัวเองทันที นี่คือเมียของเขาลูกของเขานะ ถ้าหย่ากันขึ้นมาจริง ๆ เขาก็จะไม่มีเมียแล้วน่ะสิ?
“แม่ หย่าไม่ได้นะ นั่นเป็นเมียข้า!”
“เมียแบบนี้แกจะยังอยากได้ไว้ทำไม? หย่าไปแล้ว แม่จะหาคนที่สาวกว่าสวยกว่ามาแต่งให้แกเอง!” ป้าซุนผลักลูกชายของตัวเองออกไป ปากก็ทำเป็นพูดเกลี้ยกล่อม แต่ในใจกลับแอบก่นด่าไม่หยุดว่าเขามันไม่ได้เรื่อง!
“เจ้าอาศัยอะไรมาหย่าลูกสาวข้า?” เหล่าไท่ไท่ถามกลับอย่างโกรธจัด
“อาศัยอะไรน่ะเรอะ? ก็เพราะนางไม่กตัญญูต่อพ่อแม่สามีน่ะสิ!” ป้าซุนตะโกนใส่อย่างถือไพ่เหนือกว่า
นางเป็นแม่สามี นางสามารถสั่งให้ลูกชายหย่าลูกสะใภ้ที่ไม่เชื่อ ทั้งไม่ยอมทำการทำงานคนนี้ได้ ใครจะทำไมล่ะ?
สวีเหมยฮวาเอ๋ย ฮะ ๆ น่าเสียดายนะที่นางคลอดลูกสาว ถ้าหย่าลูกสาวของนางแล้ว ลองดูซิว่านางจะยังมีหน้าอยู่ในหมู่บ้านนี้ได้ไหม! ตลอดชีวิตที่เหลือของลูกสาวนางจากนี้ต้องพังพินาศไม่มีเหลือ! แต่โก่วต้านนั้นไม่เหมือนกัน เขายังสามารถแต่งงานใหม่ได้! แต่งกับคนใหม่ที่ดีกว่าได้!
“ข้าไม่กตัญญูรึ? ไก่ยังไม่เริ่มขันข้าก็ต้องตื่นนอนแล้ว ทำอาหารให้ทั้งครอบครัวเสร็จ พวกเจ้าค่อยลุกขึ้นมานั่งกินข้าวกันหน้าตาแช่มชื่น ยังต้องมานั่งซักเสื้อผ้าให้คนในบ้านพวกเจ้าอีกกว่ายี่สิบชีวิต จะหมูจะไก่ก็ข้าเป็นคนเลี้ยงทั้งหมด ข้าไม่กตัญญูตรงไหน?”
โจวคายจือหลับตา พูดถึงสิ่งที่ตัวเองต้องทำทุกวันออกมาทีละเรื่อง ๆ ยิ่งคิดถึงเรื่องพวกนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกทุกข์ทรมานใจมากขึ้นเท่านั้น
นางกลัวว่าคนอื่นจะด่าว่านางไม่กตัญญู นางจึงกัดฟันทั้งที่ตัวสั่นงันงก ทำงานในบ้านทั้งหมดเสร็จ ก็ยังต้องออกไปทำงานในไร่นาอีก กระทั่งล้มป่วยก็ยังไม่มีเวลาได้พักผ่อน ก้มหน้าทำงานของตัวเองเสร็จ ก็ยังต้องรับใช้พ่อแม่สามีต่อ ทำถึงขนาดนี้ก็ยังกินไม่เคยอิ่มท้อง มาตอนนี้ยังมาบอกว่านางไม่กตัญญูอีกอย่างนั้นรึ?
พวกคนในหมู่บ้านต้าสือได้ยินเข้าก็ตกใจจนผงะ ถึงกับต้องรับใช้คนกว่ายี่สิบชีวิตเชียวรึ!