บทที่ 414 ซานเป่าคือนักดาบน้อย

ถังหลี่ไม่รู้ว่าหลิวหลานกำลังคิดอะไร นางเดินออกจากเรือนของหลิวหลาน ในขณะที่กำลังคิดว่าจะไปที่ไหนต่อดี เพราะสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งอยู่ที่สำนักศึกษา ส่วนอาหยูก็ไปเรียนหนังสือข้างนอกเช่นกัน ส่วนเว่ยจื่ออี้…นางไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน

แต่ช่วงนี้เป็นเวลาพักผ่อนของซานเป่านางจึงตัดสินใจไปหาบุตรสาวแทน

เมื่อถังหลี่เดินไปถึงลานฝึกเห็นลูกศิษย์และอาจารย์นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ตู้เย่เอนพิงต้นไม้หลับตา ยามที่เขาผ่อนคลายดูบอบบาง งดงามไร้ซึ่งจิตสังหารเช่นนี้ช่างดูสวยงามยิ่งนัก

ส่วนซานเป่า ก็นอนพิงแขนเขาหลับใหลไปเช่นกัน

ยามที่ถังหลี่เดินเข้าไปใกล้ สัญชาตญาณนักฆ่าของตู้เย่ทำให้เขาตื่นตัว ชายหนุ่มมองถังหลี่อย่างระแวดระวัง เมื่อเห็นว่าเป็นคนคุ้นเคยท่าทีของเขาก็อ่อนลง ตู้เย่ทำเสียง “ชู่” ใส่ถังหลี่

นางเดินเข้าไปเงียบๆ นั่งลงข้างๆ มองคนทั้งคู่ ผิวของซานเป่าเริ่มเป็นสีข้าวสาลี น้ำหนักลดลง แต่แก้มของนางยังคงกลมเช่นเดิม แต่หลังจากที่นางผอมลง ใบหน้าของซานเป่าก็สวยงามมากยิ่งขึ้น ในภายหน้าเมื่อเติบใหญ่ นางจะต้องกลายเป็นหญิงสาวที่งดงามมากอย่างแน่นอน

ถังหลี่มองบุตรสาวราวกับนางยังมองไม่เต็มอิ่ม ตู้เย่หลับตาลงอีกครั้ง ในตอนนี้ลมโชยพัดมา ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไร ไม่นานนักซานเป่าก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

“ท่านแม่…” เด็กหญิงแปลกใจ ไม่รู้ว่าทำไมมารดาถึงได้มาหานาง ซานเป่าผวาเข้ากอดมารดาออดอ้อนตามสัญชาตญาณทันที ถังหลี่กอดบุตรสาวอย่างรักใคร่

“เอาล่ะ มาฝึกต่อ” ตู้เย่กล่าว

ซานเป่าไม่มีทางเลือกนอกจากผละออกจากอ้อมกอดของมารดา เดินไปหยิบดาบไม้ที่อยู่บนพื้นขึ้นมากระชับไว้ในมือ

“ย้า!”

ดาบไม้ในมือของซานเป่าแทงไปด้านหน้าและชักกลับ นางเหวี่ยงดาบไปมาอย่างเต็มกำลัง ซานเป่าเหมือนกับบิดาของนางมาก นางกินอาหารเยอะและเต็มไปด้วยพละกำลัง แม้ว่าจะอายุแค่เพียงแปดขวบเท่านั้น แต่ก็ไม่ต่างจากเด็กที่มีอายุสิบสองหรือสิบสามปี

ยิ่งรู้ว่ามารดากำลังเฝ้าดู ซานเป่ายิ่งรำกระบวนดาบอย่างตั้งอกตั้งใจมากขึ้น โดยใช้ทุกกระบวนท่าที่นางได้เรียนรู้มาทั้งหมด ดาบไม้ในมือของนางดูเฉียบคมราวกับมังกรที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำ เต็มไปด้วยพลัง ในตอนท้ายของเพลงดาบซานเป่าจบท่าโดยไขว้ดาบไปไว้ข้างหลังอย่างงดงาม เด็กหญิงเชิดคางขึ้น มองมารดาราวกับอยากได้คำชมเชย

“นักดาบน้อยของแม่ เก่งจริงๆ” ถังหลี่ยกนิ้วให้

ซานเป่ารู้สึกภาคภูมิใจ ใบหน้าเล็กๆ ของนางสว่างสดใส หากนางมีหางน้อยๆ อยู่ข้างหลัง ตอนนี้คงได้ชี้ขึ้นฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย

ท่านแม่ชมข้า!

ถังหลี่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่หน้าผากของบุตรสาว นางมองตู้เย่อย่างกระวนกระวาย

“ท่านอาจารย์ เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ยังไม่ดีนัก” ตู้เย่พูดอย่างเย็นชา

ซานเป่าเหี่ยวเฉาราวกับมะเขือที่ถูกเผาไปในพริบตา นางก้มหัวลง ตู้เย่เห็นท่าทางที่ผิดหวังของนาง เขาเม้นริมฝีปากพูดขึ้นว่า

“แต่มีพัฒนาการดีขึ้น”

ดวงตาซานเป่าเป็นประกายจ้องมองอาจารย์อย่างยินดี ตู้เย่กระแอมไอ “แค่กๆ”

ในขณะที่พูดเขายื่นมือส่งสัญญาณให้นางถอยห่างออกไป ซานเป่าดีใจพูดขึ้นว่า

“เช่นนั้นข้าจะฝึกอีก!”

เด็กหญิงพูดพลางกระชับดาบไว้ในมือพร้อมกับเริ่มฝึกอีกครั้ง ดาบไม้ในมือของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับงูและยืดหยุ่นมาก เป็นทักษะที่ไม่ได้สวยงามมากนัก แต่พลังโจมตีกลับแข็งแกร่งมาก ตู้เย่เป็นนักฆ่า เขาใช้สิ่งที่เรียนรู้มาสั่งสอนให้ซานเป่าได้รับประโยชน์มากที่สุด

ถังหลี่มองดูแล้วอดสงสัยไม่ได้

“ตู้เย่ ท่านเป็นอาจารย์ที่เข้มงวดก็หวังจะให้ศิษย์เก่งขึ้นสินะ” ถังหลี่พูดติดตลก

นางเห็นว่าตู้เย่เก็บซ่อนคำชมเชยที่มีต่อซานเป่าเอาไว้ เขากระอักกระอ่วนใจจนต้องไอออกมา

“คำชมที่เหมาะสมจะทำให้นางขยันมากขึ้น”

“มือของเจ้ายังเจ็บอยู่หรือไม่?” ถังหลี่ถาม ช่วงนี้เว่ยฉิงให้หมอหลายคนมาดูอาการของตู้เย่

“ไม่เจ็บแล้ว”

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เมื่อหมอซูกลับมาเขาจะมีวิธีรักษาให้เจ้า”

“ตกลง”

“ข้านำเสื้อผ้าของฤดูใบไม้ผลิมาให้ ท่านเก็บไว้” ถังหลี่หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาส่งไปให้เขา

“ขอบคุณ”

ตู้เย่ไม่รู้ว่าเสื้อผ้าชุดนี้มีความพิเศษอย่างไรเพียงแค่คิดว่าการเป็นครูของเด็กน้อยเป็นเรื่องที่ดี เพราะเขาไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้าอีกต่อไป ช่างเป็นชีวิตที่มีความสุขเสียจริง

ต่อมา เมื่อเขารู้ว่าถังหลี่สั่งชุดนี้เป็นพิเศษจากจื้ออวิ๋นโหล่วและมีเพียงนายท่านอู่ ฮูหยินอู่และคนสนิทเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ

ตู้เย่และถังหลี่กำลังพูดคุยกัน แต่สายตาของเขาจ้องมองซานเป่าอยู่ตลอดเวลา ทันใดนั้นเองเขาก็ขมวดคิ้ว

“หยุดก่อน” ซานเป่าวางดาบไม้ลง

“เด็กน้อย การเคลื่อนไหวของเจ้าจะต้องใช้กำลังจากแขนแทนข้อมือ” ตู้เย่เดินไปหาอธิบายให้นางฟังอย่างจริงจัง

“เคล็ดลับอีกอย่าง..”

ตู้เย่ค่อยๆ สอนทีละขั้น ซานเป่ารับฟัง เด็กหญิงฝึกฝนตามอย่างตั้งใจหลายร้อยครั้งจนกว่าตู้เย่จะพอใจ

ซานเป่าทั้งเหนื่อยทั้งร้อน ใบหน้าเล็กๆ ของนางแดงก่ำ มีเหงื่อไหลท่วมเต็มไปหมดจนถังหลี่สงสาร แต่เด็กคนนี้ต้องเรียนรู้อีกมาก ถังหลี่รอซานเป่าฝึกฝนช่วงบ่ายเสร็จแล้วจึงพานางกลับ ให้ซานเป่ากินอาหารรองท้อง หลังจากเหงื่อแห้งดีแล้วจึงให้นางไปอาบน้ำชำระกาย

หลังอาบน้ำซานเป่าสูดดมกลิ่นกายของตัวเองเห็นว่าไม่มีกลิ่นแล้ว นางรีบโผเข้ากอดมารดา ท่าทีที่ห้าวหาญหายไปกลายเป็นเด็กน้อยที่ตัวนุ่มนิ่มน่ารักแทน

“ท่านแม่ ข้าเจ็บมือ”นางออดอ้อน

“ท่านแม่นวดแขนให้ข้าได้ไหม”

ถังหลี่นวดแขนอวบๆ ของนางไม่นานนักดวงตาของเด็กน้อยก็หรี่ลง หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะจูบที่หน้าผากของนาง ซานเป่าตัวติดกับมารดาตลอดจนกระทั่งเว่ยฉิงกลับมา เขารีบเอาตัวบุตรสาวไปโยนไว้ให้ปู่กับย่าทันที

เขากลับมากอดภรรยาไว้ หลังจากที่ประตูห้องปิดลง เว่ยฉิงกอดภรรยาทางด้านหลัง เอาคางเกยไหล่ไว้เหมือนกับสุนัขตัวใหญ่ เขาโอดครวญออดอ้อนเรียกร้องให้ภรรยาสนใจเขา แตกต่างจากภาพลักษณ์ของใต้เท้ากรมอาญาที่จริงจังและเด็ดเดี่ยวอย่างเหลือเกิน

“เว่ยฉิง เจ้ารู้จักขุนนางที่ควบคุมการส่งเกลือหรือไม่?” ถังหลี่ถาม

“รู้จัก ทำไมหรือ?”

“เขาเป็นบิดาของเซี่ยฟางเฟย” ถังหลี่พูด

เมื่อพูดถึงเซี่ยฟางเฟย เว่ยฉิงนึกถึงแต่ความทรงจำที่ไม่ดี แววตาของเขาดูขยะแขยงรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด

“เขาเป็นคนอย่างไร?” ถังหลี่ยังคงถามต่อไป เว่ยฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“เป็นขุนนางที่ดีและซื่อสัตย์”

ใต้เท้าเซี่ยหรงอันเป็นขุนนางที่ขยันขันแข็ง และซื่อตรงจนเว่ยฉิงนับถือ ในราชสำนักที่เอาแน่นอนไม่ได้เช่นนี้ หาขุนนางอย่างเขาได้ยากมาก ถังหลี่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว

ขุนนางที่ดี?

“เขาเป็นขุนนางที่ดี แต่คงโชคร้ายที่มีบุตรสาวอย่างเซี่ยฟางเฟย” ถังหลี่กล่าว

เซี่ยฟางเฟยสาวน้อยที่เดินทางทะลุมิติมา เป็นความโชคร้ายของนายท่านเซี่ยอย่างแท้จริง การที่คุณหนูเซี่ยกลับบ้านมาได้ นายท่านเซี่ยอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย