บทที่ 415 จับตาดูเซี่ยฟางเฟยเอาไว้
ถังหลี่ไม่ได้สนใจเซี่ยฟางเฟยมาก่อน หญิงทะลุมิติผู้นี้เป็นคนไร้สติปัญญา นางรู้จักแต่เล่ห์กลหลอกล่อบุรุษเฉกเช่นหญิงชาเขียว[1]ทั่วไป รวมไปถึงการสร้างเรื่องราวเพื่อเพิ่มมูลค่าของตนเอง
แต่ทุกอย่างล้วนไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าถังหลี่
หากได้เผชิญหน้าปะทะกันถังหลี่อาจจะทำให้นางเสียหน้า เซี่ยฟางเฟยคงจะกลายร่างเป็นนางปีศาจ อย่างแน่นอน
เซี่ยฟางเฟยรู้เรื่องราวมากเกินไป เว่ยฉิงอยู่ในเมืองหลวงโดยใช้สถานะและตัวตนใหม่ อย่างอู่อวี้ หากเซี่ยฟางเฟยพูดอะไรที่ไม่สมควรออกไปล่ะก็…เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีกับสามีของนาง
ถังหลี่จึงต้องรีบชิงลงมือก่อน นางเรียกฉือซื่อออกมา
“จับตาดูเซี่ยฟางเฟยไว้” เขารับคำสั่งก่อนจะจากไป
….
จวนสกุลเซี่ย
ข้างนอกเริ่มมืดแล้ว ชายวัยกลางคนในชุดขุนนางเฝ้ามองที่ประตูอย่างวิตกกังวล ในที่สุดเขาได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นในสายตา นางคือเซี่ยฟางเฟยนั่นเอง คนผู้นี้คือบิดาของนาง เซี่ยหรงอัน
“ท่านพ่อ” เซี่ยฟางเฟยเรียกเขาอย่างมีความสุข แต่เซี่ยหรงอันกลับมีใบหน้าเรียบเฉย
“เจ้าไปไหนมา ไฉนจึงได้กลับบ้านช้าเช่นนี้”
“ข้าไปซื้อของกับพี่สาวน้องสาวสองสามคน หากไม่ซื้อเกรงว่าจะตามไม่ทันหญิงสาวในเมืองหลวงเจ้าค่ะ”
เซี่ยฟางเฟยชี้แจง ก่อนจะทะลุมิติมานางชอบเที่ยวเล่นทั้งคืน แต่ในสมัยโบราณเช่นนี้ช่างน่าเบื่อหน่าย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจื้ออวิ๋นโหล่ววันนี้ทำให้นางโมโห เซี่ยฟางเฟยจึงอยากจะระบายอารมณ์ ไม่นานนักนางได้พบกับเจ้าหน้าที่สองสามคนที่หมายจะประจบประแจงบิดาของนาง เซี่ยฟางเฟยจึงให้พวกเขาเข้าไปที่จื้ออวิ๋นโหล่ว
ต่อให้จื้ออวิ๋นโหล่วจะจัดการยากเพียงใด แต่ก็เป็นเพียงแค่ร้านค้าเท่านั้น จะสามารถต่อกรกับเจ้าหน้าที่ทางการได้อย่างไร? ต่อให้ถังหลี่เป็นน้องสาวของสกุลไป๋ แต่นางจะมาเทียบชั้นกับบุตรสาวขุนนางอย่างฟางเฟยได้หรือ?
เซี่ยหรงอันมองบุตรสาว เขาอ่อนใจจนต้องถอนหายใจออกมา
“เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว อายุถึงวัยออกเรือนแล้ว พรุ่งนี้ท่านป้าของเจ้าจะเลือกบุรุษที่เหมาะสมคู่ควรให้เจ้าเลือกดูสักสองสามคน”
“ท่านพ่อ ข้าอายุเพียงสิบเก้าเท่านั้น ท่านพูดราวกับว่าข้าอายุมากอย่างนั้นแหละ “เซี่ยฟางเฟยพูดอย่างไม่เต็มใจ
“นอกจากนี้ข้าก็มีคนที่ชอบพออยู่แล้ว”
“เจ้าชอบใคร?” เซี่ยหรงอันถาม
“กู้หวนเนี่ยน บุตรชายของแม่ทัพกู้ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่” เซี่ยฟางเฟยพูดออกมา เมื่อเซี่ยหรงอันได้ยินชื่อนี้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป
แม่ทัพกู้เป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียง อีกทั้งกู้หวนเนี่ยนนั้นก็เป็นถึงผู้พิพากษาของศาลต้าหลี่ ตระกูลใหญ่โตเช่นนั้น ตระกูลเซี่ยของเขาจะคู่ควรได้อย่างไร แม้แต่เชื้อพระวงศ์หลายคนยังอยากแต่งงานกับกู้หวนเนี่ยน เขายังบอกปัดไปเลย
“ฟางเฟย…เจ้าควรเลือกตระกูลที่เหมาะสมคู่ควรสิ ตระกูลของเราและเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันหรอกนะ” เซี่ยหรงอันปรามบุตรสาว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยฟางเฟยรู้สึกหงุดหงิดในคำพูดของบิดาขึ้นมาทันที
เหตุใดเขาจึงได้ไร้ประโยชน์เช่นนี้ ทั้งๆ ที่ตำแหน่งขุนนางของเขาไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าใครเลย
หากนางทะลุมิติเข้ามาแล้วได้อยู่ในตระกูลขุนนางระดับสูง นางคงจะได้เป็นพระสหายกับบรรดาองค์หญิงเหล่านั้น เหตุใดนางถึงได้มีสหายแค่บุตรสาวของเจ้าหน้าที่บังคับเรือเล่า
ที่สำคัญไปกว่านั้น ถ้านางได้เข้าไปเกิดใหม่ในตระกูลที่ดีกว่านี้ นางคงเกี่ยวดองกับจวนสกุลกู้ได้
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าโชคชะตาไม่ได้ดั่งใจ ไม่มีข่าวมาจากจวนสกุลกู้เลย คงเป็นเพราะสถานะของนางต่ำกว่า แม้จะหน้าตาดีก็ไม่คู่ควรกับกู้หวนเนี่ยน
บิดาของนางก็ช่างโง่เขลา ถึงตำแหน่งขุนนางระดับสามของเขาไม่ได้สูงมากนัก แต่งานของเขาก็มีความสำคัญไม่ใช่น้อย เพียงแต่เขาไม่รู้จักใช้ให้เกิดประประโยชน์ ช่างโง่เสียจริง!
วีรบุรุษตายเพราะศักดิ์ศรี คนขี้ขลาดตายเพราะอดอยาก บิดาของนางคือคนประเภทนั้น!
ช่างไร้ค่าและขี้ขลาดยิ่งนัก เหตุใดฟางเฟยจึงได้โชคร้ายถึงเพียงนี้ นางควรได้ไปเกิดใหม่อยู่ในตระกูลที่สูงส่งกว่านี้สิ
“แม้ไม่คู่ควรก็ตามแต่ข้ายินดีจะลองดูสักครั้ง!” เซี่ยฟางเฟยเชิดหน้า นางตัดสินใจที่จะหาโอกาสได้พบกับกู้หวนเนี่ยนสักครั้ง ด้วยหน้าตาที่งดงามของนาง เขาจะต้องตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกเห็นอย่างแน่นอน จะต้านทานเสน่ห์ของนางไปได้อย่างไร เขาจะต้องรีบมาสู่ขอนางเป็นแน่!
นี่เป็นโครงเรื่องธรรมดาดาษดื่นของนางเอกที่อยู่ในนวนิยายประเภททะลุมิติข้ามเวลากันทุกคน นับประสาอะไรกับฟางเฟยผู้นี้
“ฟางเฟยเจ้าอย่าทำตัวโง่เขลา” เซี่ยหรงอันรีบปรามบุตรสาวเขากลัวว่านางจะก่อปัญหา
“ท่านพ่อ ! ช่างน่ารำคาญนัก ข้าไม่อยากคุยกับท่านแล้ว” หลังจากที่พูดจบ นางเดินเลี่ยงบิดาไปอย่างไม่สนใจไยดีเขาอีกเลย เซี่ยหรงอันมองตามแผ่นหลังนางไปพลางขมวดคิ้ว
“หรงอัน” มีเสียงเรียกดังขึ้น เมื่อเขาหันไปจึงได้เห็นสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่ง นางคือเซี่ยซื่อ พี่สาวของเขา สามีของนางเสียชีวิตกระทันหัน นางจึงได้มาอาศัยอยู่กับเขาพร้อมกับบุตรชาย
ส่วนภรรยาของหรงอันได้ถึงแก่กรรมไปนางแล้ว เซี่ยซื่อจึงได้เป็นคอยดูแลสกุลเซี่ย
“ท่านพี่” เซี่ยหรงอันเรียก
“เกิดอะไรขึ้นกับฟางเฟยหรือ?”
“นางโกรธข้าอีกแล้ว” เซี่ยหรงอันถอนหายใจ
“นางต้องการหาหนทางที่จะแต่งงานกับกู้หวนเนี่ยน”
เรื่องที่เซี่ยฟางเฟยชอบกู้หวนเนี่ยนนั้น เซี่ยหรงอันไม่รู้ หากนางเซี่ยกลับรู้ดี เพราะหลานสาวเป็นคนขอร้อง นางจึงได้มอบหมายให้คนส่งรูปเหมือนของเซี่ยฟางเฟยไปให้จวนสกุลกู้ แต่จนแล้วจนรอดเรื่องก็เงียบหายไป ไม่มีการตอบรับใดๆ นั่นเป็นเพราะทางจวนสกุลกู้ไม่ได้ถูกใจฟางเฟย
นางเซี่ยรู้ดีว่าหลานสาวของตนกำลังทำเรื่องไร้สาระ แต่นางเป็นเพียงแค่ป้าและคนอาศัยอยู่เท่านั้น นางจึงไม่สามารถกล่าววาจาตักเตือนหรือห้ามปรามนางได้
“หรงอัน เจ้าไม่คิดว่าตามใจนางมากเกินไปหรือ?”
“ข้ารู้…แต่ข้าก็อดไม่ได้ ข้าละอายใจต่อนาง” เซี่ยหรงอันถอนหายใจเบาๆ
เมื่อตอนที่เซี่ยฟางเฟยยังเป็นเด็กเล็กๆ นางเป็นเด็กดีมาก เซี่ยฟางเฟยหัดเย็บปักจากมารดาของนาง มือเล็กๆ ของเซี่ยฟางเฟยคล่องแคล่วมาก นางยังปักถุงหอมให้กับเขาอีกด้วย เขาจำได้ดีว่าตัวเองมีความสุขมากเพียงใด เซี่ยหรงอันอุ้มลูกสาวตัวน้อยชูขึ้นสูงจนนางหัวเราะคิกคัก
เมื่อเซี่ยฟางเฟยเติบโตขึ้น เขาก็ยุ่งอยู่กับงาน เวลาที่จะให้กับภรรยาและบุตรสาวก็น้อยลง ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มห่างเหิน ต่อมาไม่นานมารดาของเซี่ยฟางเฟยเสียชีวิตจากอาการป่วย วันที่นางเสียชีวิตเป็นวันที่เขาออกไปทำงาน เขากลับมาไม่ทันดูใจภรรยาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยซ้ำ
เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เซี่ยฟางเฟยไม่พอใจ นางโกรธเขาอยู่นานครึ่งปีเลยทีเดียว หลังจากนั้นนางจึงได้กลับมาพูดจากับเขาอีก เซี่ยหรงอันดีใจมาก ต่อมาไม่นานนางตกลงไปในทะเลสาบเกือบเอาชีวิตไม่รอด ทำให้เซี่ยหรงอันหวาดกลัว เขาจึงได้ตระหนักว่าบุตรสาวคือสมบัติที่ล้ำค่าของเขา
หลังจากที่นางฟื้น เซี่ยหรงอันรู้สึกว่าเขาได้นางกลับคืนสู่อ้อมอกอีกครั้ง แต่หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นนิสัยของเซี่ยฟางเฟยเปลี่ยนไป นางเริ่มหยิ่งผยองและไร้เหตุผลมากขึ้น
เซี่ยหรงอันรู้สึกละอายใจ เขาจึงยอมตามใจบุตรสาวไปเสียทุกเรื่องที่นางร้องขอ แม้ว่าบางครั้งจะสร้างปัญหาให้เขามากมาย เขายังเลือกที่จะดีกับนางอยู่เช่นนี้ แทบไม่เคยขัดใจนางเลย
นางเซี่ยมองน้องชายพลางถอนหายใจ
พูดตามตรงแล้วน้องชายของนางเป็นฝ่ายผิด แต่เซี่ยฟางเฟยก็เอาแต่ใจจนเกินไป นางกลัวว่าหลานสาวจะเผลอทำร้ายสกุลเซี่ยเพราะความใจกล้าบ้าบิ่นของนาง
แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อ…นางคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของน้องชาย นางเซี่ยได้แต่หวังว่าเซี่ยฟางเฟยจะใคร่ครวญให้ดี ไม่ผลีผลาม
[1] หญิงชาเขียว หมายถึง ภายนอกดูใสซื่อ แต่ข้างในร้ายกาจมากเล่ห์