บทที่ 404 ผู้บ่มเพาะไม่นับเป็นอะไรได้ต่อหน้าข้า

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 404 ผู้บ่มเพาะไม่นับเป็นอะไรได้ต่อหน้าข้า
บทที่ 404 ผู้บ่มเพาะไม่นับเป็นอะไรได้ต่อหน้าข้า

“แค่ก ๆๆๆ!” เซี่ยซิวสำลักชาทันที

บัดซบอะไรเนี่ย?

“ท่านได้ยินชื่อข้าใช่ไหมท่านพี่!?”

เซี่ยเต๋าอวิ๋นพยักหน้าให้น้องชาย นางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่หัวเราะ ชายผู้นั้นทำให้ข้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจจริง ๆ

แต่เมื่อนางฉุกคิดได้ว่า ถ้าหากนางมีน้องชายที่ไร้ยางอายเช่นซูอัน นางก็หน้าแดงทันที ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ นางคงยอมจบชีวิตของนางเองจะดีกว่า!

ในห้องถัดไป เพ่ยเหมียนหมานเท้าคางมองดูฉากด้านล่างด้วยความหม่นหมอง “ข้าคิดไว้ไม่ผิดเลย วายร้ายที่ไร้ยางอายคนนี้…ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าชูเหยียนที่เยือกเย็นอยู่เสมอนั้นชอบเขาเข้าไปได้ยังไง?”

หญิงงามที่นั่งข้างขอบหน้าต่างในห้องบนชั้นที่สาม กำลังมองดูความโกลาหลด้านล่าง เมื่อนางได้ยินคำพูดของซูอัน นางก็อดยิ้มไม่ได้ “คน ๆ นี้ไม่หน้าด้านไปหน่อยเหรอ?”

ผู้ชายที่อยู่เคียงข้างนางหายใจเข้าลึก ๆ สูดดมกลิ่นร่างกายของนางอย่างตะกละตะกลาม สายตาของเขาเคลื่อนย้ายระหว่างใบหน้างดงามกับสะโพกที่เย้ายวนโดยไม่รู้ตัวหลายต่อหลายครั้ง

แต่เขาก็ได้แค่คิด ไม่กล้าแตะต้องพวกมันอย่างแท้จริง “คนไร้ยางอายเช่นนี้จะคู่ควรได้รับภารกิจที่สำคัญของเราได้อย่างไร? ศิษย์น้อง ยังไม่สายเกินไปที่เจ้าจะเปลี่ยนใจ”

“ตรงกันข้ามเลยล่ะ” ริมฝีปากของนางเผยรอยยิ้มจาง ๆ “คนไร้ยางอายเช่นนี้เท่านั้นที่สามารถทำให้แผนของเราสำเร็จได้ ข้าเริ่มสนใจเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ซะแล้วสิ”

แม้เขารู้ว่าคำพูดของนางไม่ได้มีความหมายในทางชู้สาว แต่การได้ยินผู้หญิงที่งดงามคนนี้แสดงความสนใจในตัวผู้ชายคนอื่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาเต็มไปด้วยความหึงหวง

“ถึงเวลาแล้วที่ข้าต้องลงมือก่อนที่สถานการณ์จะบานปลาย” หญิงงามหันกลับมา นัยน์ตาเป็นประกายดุจอัญมณี นางสบตากับผู้ชายที่อยู่ข้างๆ นาง “ศิษย์พี่ข้าจะเปลี่ยนชุด”

ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นทันที “ด…ได้ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้…”

แค่คิดถึงภาพของนางที่กำลังจะผลัดเสื้อผ้าก็เพียงพอที่จะกระตุ้นความตื่นเต้นของเขา…

เมื่อเห็นเขาออกไป ก่อนที่นางจะปิดประตู นางหยุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ศิษย์พี่ท่านห้ามแอบดูข้านะ”

ใบหน้าของชายผู้นั้นแดงก่ำทันที เขาพูดตะกุกตะกักด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก “ศิษย์พี่คนนี้ไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน!”

เพื่อพิสูจน์คำพูดของตัวเอง เขาหันหลังกลับและสาวเท้ายาว ๆ ไปตามทางเดิน ก่อนจะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณศิษย์พี่” นางปิดประตูแต่จากนั้นรอยยิ้มที่งดงามบนใบหน้าของนางก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ความเย็นชาแผ่ซ่านเข้ามาในดวงตาของนาง อาการยับยั้งชั่งใจของศิษย์พี่ของนางเมื่อครู่นี้ไม่ได้พ้นจากการสังเกต “อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนโง่เง่า”

ในห้องโถงใหญ่ ชายผมแดงขมวดคิ้ว “เจ้าคือเซี่ยซิว?”

“ข้าจะเป็นใครได้อีก?” ซูอันยืดอกอย่างภาคภูมิใจ “ในเมืองจันทร์กระจ่าง นอกจากนายน้อยของตระกูลฉู่แล้ว ใครจะหล่อเหลาไปกว่าข้าอีก?”

บนชั้นสอง ใบหน้าที่หล่อเหลาของเซี่ยซิวแดงก่ำไปหมดแล้ว

เซี่ยเต๋าอวิ๋นเอามือปิดปากพยายามอย่างยิ่งที่จะกลั้นเสียงหัวเราะขณะที่ตัวนางโยกไปมาบนเก้าอี้ ต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่นางจะหยุดหัวเราะได้ในที่สุด “อาซิว ข้าคิดเสมอว่าเจ้าเป็นคนที่ไร้ยางอายที่สุดในเมืองจากการที่เจ้าชอบหลอกลวงผู้หญิงไปทั่วตลอดเวลา แต่วันนี้ข้าได้ข้อสรุปว่าเจ้าเป็นเพียงแค่รุ่นน้องของซูอันเท่านั้น”

เซี่ยซิวตอบกลับด้วยสีหน้ารำคาญ “ท่านอย่าพยายามห้ามข้าเชียวนะ! ข้าจะลงไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง! การด้อยกว่าเขาในด้านอื่นเป็นสิ่งที่ข้าสามารถทนได้ แต่ข้าจะแพ้เขาในแง่ของความหล่อเหลาได้ยังไง!?”

แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็นึกถึงฉากนั้นในมิติลับหยกจรัสอีกครั้ง ซึ่งมันเห็นได้ชัดว่ามีอีกเรื่องหนึ่งที่เขาไม่สามารถเปรียบเทียบกับซูอันได้เช่นกัน ดังนั้นเซี่ยซิวจึงยิ่งไม่สามารถทนได้มากกว่าเดิมกับเรื่องความหล่อเหลา!

“ใครห้ามเจ้า?” เซี่ยเต๋าอวิ๋นกะพริบตา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสนุกสนาน “รีบลงไปซะสิ ผู้คนในห้องโถงจะได้ตัดสินว่าใครหล่อกว่ากันระหว่างพวกเจ้าทั้งสองคน”

“ไม่มีทางที่ข้าจะลงเอยแบบผู้แพ้!” เซี่ยซิวเอ่ยขึ้นเสียงแข็งพลางมองลงไปที่ฝูงชนด้านล่างอีกรอบ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเซี่ยซิวแดงก่ำจนเหมือนกับถูกไฟลน “ท่านพี่! ท่านกำลังเรียนรู้จากตัวอย่างที่ไม่ดีอยู่รู้หรือเปล่า! มีอย่างที่ไหนไม่รั้งข้าเอาไว้บ้างเลย!”

ใบหน้าของเซี่ยเต๋าอวิ๋นแดงเล็กน้อย “ไม่ใช่เพราะข้าอยู่กับผู้ชายแบบเจ้ามานานเกินไปเหรอ? นิสัยไม่ดีของข้าก็ได้มาจากเจ้านั่นแหละ!”

ทุกคนที่รู้ว่าซูอันและเซี่ยซิวหน้าตาเป็นอย่างไรต่างพากันตกตะลึง ชายคนนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน? ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ เขายังกล้าแกล้งทำตัวเป็นนายน้อยของจวนเจ้าเมืองอีก?

เจ้าเป็นแค่เขยไร้ประโยชน์และอ่อนแอของตระกูลฉู่ ดังนั้นหยุดคิดไปเลยว่าเจ้าจะเป็นอะไรได้ที่มากกว่านั้น!

มีเพียงเว่ยสั่วเท่านั้นที่ยกนิ้วโป้งให้เขา “อาจารย์ซูของข้าน้อย ไม่ผิดไปจากที่คิดเลย! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงชนะใจสุดยอดสาวงามได้มากมาย!”

“เจ้าอย่าพูดแบบไม่รู้อะไรเลย! มันเป็นเพราะไอ้นั่น…” เว่ยหงเต๋อที่อยู่ข้าง ๆ ไม่อาจพูดจบประโยคได้ เมื่อนึกถึงเรื่องนั้นสีหน้าของเขาก็กลายเป็นบิดเบี้ยวไปในพริบตา

บ้าจริง ข้าคิดถึงเกี่ยวกับมันอีกแล้ว!

“ไอ้นั่นอะไร?” เนื่องจากเว่ยสั่วมีความแข็งแกร่งไม่มากพอ เขาจึงไม่มีสิทธิ์ได้เข้าร่วมสำรวจในมิติลับหยกจรัส ทุกคนที่เข้าไปเห็นสิ่งนั้นของซูอันต่างพร้อมใจกันเก็บภาพสุดตกตะลึงนั้นเป็นความลับอย่างเคร่งครัด ดังนั้นแม้แต่คนที่ชอบซุบซิบนินทาอย่างเขาก็ไม่รู้เรื่อง

“ไม่มีอะไร อย่าถามให้มันมากนักเลย!” เว่ยหงเต๋อพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ก่อนที่จะหันกลับไปสนใจเหตุการณ์ภายในหอสุขนิรันดร์ต่อไป

ฉู่อวี้เฉิงและคนอื่น ๆ เริ่มเข้าใจความแตกต่างระหว่างชายผมแดงกับพวกเขาเอง พวกเขาไม่กล้าโจมตีอันธพาลผู้นี้โดยประมาทอีก พวกเขาต่างถอยกันไปรวมกลุ่มอยู่ที่ด้านข้างของซูอันแทน

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของซูอันไม่มีความรู้สึกวิตกกังวลเลย ความรู้สึกแปลก ๆ ก็เกิดขึ้นภายในใจของพวกเขา ผู้ชายคนนี้โง่เกินไปหรือถูกใครทุบหัวมาหรือไม่? ทำไมเขาถึงดูไม่เกรงกลัวเลย?

ที่พวกเขาคิดเช่นนี้เป็นเพราะในสายตาของพวกเขา ความแข็งแกร่งของซูอันนั้นต่ำกว่าพวกเขามาก

“ระวัง เขาอาจจะอยู่ในระดับที่หก” หวางหยวนหลงยังไม่รู้ความลับของซูอัน เขารู้สึกขอบคุณซูอันอย่างมากที่ช่วยเหลือพวกเขาไว้ ดังนั้นนายน้อยอย่างเขาจึงรู้สึกว่าจำเป็นต้องเตือนไว้ก่อน เขากังวลว่าซูอันอาจตกอยู่ในอันตรายเพราะเผลอทำอะไรที่เกินตัวโดยไม่รู้หน้าไม่รู้หลัง

แต่ซูอันกลับตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจโดยที่หยวนเหวินหลงไม่คาดคิด “แค่ระดับที่หก? ก่อนหน้านี้ข้าต่อสู้กับผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์มาแล้ว! ผู้บ่มเพาะระดับหกจะถือเป็นตัวอะไรได้?”

แม่ทัพทหารผีดิบ จางฮั่น อยู่ในระดับที่เก้า และซือเล่อจื่อก็อยู่ในระดับที่แปด ไม่ต้องพูดถึงว่าเขายังเคยต่อสู้กับอสูรกลืนกิน ‘คุน’ ที่ซือคุนได้เรียกมาด้วยซ้ำ

เขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับระดับการบ่มเพาะของหมี่ลี่ แต่ชายหนุ่มคิดว่าอย่างน้อยนางก็น่าจะอยู่ในระดับปรมาจารย์ เขาและนางเคยผลัดกันโจมตีหลายร้อยครั้ง แม้ว่าซูอันจะผ่านมันไปได้เพราะเส้นใยสุขสันต์ แต่เขาก็ได้รับประสบการณ์ในการต่อสู้กับผู้ที่มีพลังมหาศาล นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่ได้รู้สึกกลัวผู้บ่มเพาะระดับหกเอาซะเลย

เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครรู้ทันความคิดในใจของเขา ความเงียบแปลก ๆ ปกคลุมไปทั่วห้องโถง จากนั้นทุกคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่น

“ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้วเหรอ?”

“ต่อสู้กับปรมาจารย์? เขาคิดว่าเขาเป็นใคร?”

“ข้าคิดว่าแค่ปรมาจารย์พ่นลมใส่หน้าเขา เขาก็ตายแล้ว!”

“ลืมเรื่องปรมาจารย์ไปเถอะ เขาอาจจะไม่เคยพบผู้บ่มเพาะระดับเก้าเลยตลอดชีวิตที่ผ่านมา!”