บทที่ 405 ตัวละครหลักของงานปรากฏ
บทที่ 405 ตัวละครหลักของงานปรากฏ
หลังจากได้ยินคำพูดของซูอัน การเยาะเย้ยอย่างถึงพริกถึงขิงก็เกิดขึ้นทั่วไปในฝูงชน เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเชื่อเขา
…
บนชั้นสอง เซี่ยเต๋าอวิ๋นขมวดคิ้วงามของนาง “พวกเจ้าได้เผชิญหน้ากับปรมาจารย์ในมิติลับหยกจรัสหรือเปล่า?”
เซี่ยซิวส่ายหัว “ไม่นะท่านพี่ แต่ข้าสัมผัสได้ถึงการปะทุของพลังที่มากกว่าระดับเก้าภายในมิติลับ ดังนั้นมีโอกาสที่ซูอันจะเคยเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ แต่…ข้าคิดว่าเขาแค่โอ้อวด”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นพ่นลม “ผู้ชายที่โกหกนี่มันน่าดูถูกจริง ๆ เสียสายตาจริง ๆ กับการก้มลงมองคนที่ไร้สาระเช่นนี้ เขาไม่เพียงแค่ไม่ซื่อสัตย์เท่านั้น แต่เขาไม่มีปัญญาที่จะคิดเรื่องโกหกออกมาให้สมเหตุสมผล ช่างเป็นคนที่น่าผิดหวังจริง ๆ”
เซี่ยซิวเพ่งมองไปที่ซูอันอย่างเงียบ ๆ โดยปกติแล้วพี่สาวของเขาเป็นคนที่ง่าย ๆ และอ่อนโยน นางเป็นกุลสตรีอยู่เสมอ เขาจึงไม่เคยเห็นนางวิจารณ์ใครอย่างจริงจังแบบนี้มาก่อน
เพ่ยเหมียนหมานซึ่งอยู่ในอีกห้องหนึ่งอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ชายผู้นี้เคยเผชิญหน้ากับปรมาจารย์จริง ๆ เหรอ?”
นางกับเขาเคยต่อสู้กันอย่างดุเดือดมาก่อน แม้ว่านางจะต่อสู้ด้วยกำลังทั้งหมดของนาง ก็ยังไม่สามารถจัดการกับเขาได้ ยกเว้นว่านางจะใช้พลังธาตุเข้าต่อสู้
แต่เวลานั้น ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งเริ่มที่จะบ่มเพาะ
ความแข็งแกร่งของซูอันไม่สามารถตัดสินได้ด้วยวิธีการทั่วไป ดังนั้นการที่เขาบอกว่าเคยสู้กับผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงระดับปรมาจารย์ก็อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องโกหก
อย่างไรก็ตาม นางยังคงส่ายหัว ปัดเป่าความคิดที่ไม่น่าเป็นไปได้อย่างยิ่งนี้ออกไป
ต่อสู้กับปรมาจารย์? นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว
ฉู่ฮงไฉและคนอื่น ๆ ที่ยืนร่วมกับซูอันรู้สึกได้ถึงสายตาที่เยาะเย้ยของฝูงชน ซึ่งมันทำให้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง…
ถ้าซูอันไม่ได้เป็นคนช่วยพวกเขาเอาไว้ พวกเขาอาจจะหนีไปไกลแล้ว
“ข้าไม่เคยคิดว่านายน้อยเซี่ยจะหยิ่งผยองขนาดนี้ ปรมาจารย์เลยเหรอ? ฮ่า ๆ!” ชายผมแดงหัวเราะเยาะ
ในห้องชั้นสอง เซี่ยซิวกัดฟันดังกรอด
นี่เหมือนกับการถูกเตะซ้ำเข้ามาอีก!
ซูอันรับการเยาะเย้ยของอีกฝ่ายด้วยการหัวเราะที่ดังไม่แพ้กัน “ข้าบอกแล้วว่าจะไม่ปิดบังชื่อของตัวเอง! เอาล่ะ ข้าได้บอกชื่อของตัวเองแก่เจ้าแล้ว เจ้าเองก็ควรจะเปิดเผยตัวตนด้วย!”
ชายผมแดงคนนั้นพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้าชื่อเซวียนเฉิน!”
ซูอันตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเจ้ามาก่อนเลย”
เขามองดูเพื่อนรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว ฉู่อวี้เฉิง ฉู่ฮงไฉ หรือแม้แต่หวางหยวนหลงต่างก็ส่ายหัว พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับบุคคลนี้มาก่อนเช่นกัน
“หลังจากคืนนี้ ชื่อที่ยิ่งใหญ่ของข้าจะก้องไปทั่วเมืองจันทร์กระจ่าง!”
ชายผมแดงจ้องตรงไปที่ซูอัน “ในเมื่อเจ้าอ้างว่าได้เผชิญหน้ากับปรมาจารย์มาแล้ว เจ้ากล้าที่จะรับการโจมตีสามครั้งจากข้าได้หรือไม่?”
ซูอันยิ้มเยาะให้เขาและตอบอย่างสบาย ๆ ว่า “ตอนนี้เจ้ารู้สึกกลัวแล้วเหรอ? เจ้าตั้งใจยื่นข้อตกลง ‘รับการโจมตีจากข้าสามครั้ง’ นี้เพื่อให้ตัวเองมีทางถอยใช่ไหมล่ะ? ยังไงซะ เราทุกคนรู้ดีว่าเจ้าไม่กล้าล่วงเกินข้าหรือพ่อของข้า เจ้าเมืองเซี่ยได้”
ชายผมแดงโกรธจัด “ให้หมากินพ่อเจ้าเถอะ!”
เสียงดังราวกับว่าถ้วยน้ำชาถูกทุบมาจากชั้นบน
ใบหน้าของเซี่ยเต๋าอวิ๋นเป็นสีแดงทั้งหมด “ไอ้สารเลวนี่กล้าสาปแช่งพ่อของข้า!”
ในอีกด้านหนึ่ง เซี่ยซิวกลอกตา “พี่สาว ท่านไม่เครียดเกินไปหน่อยเหรอ? ข้าอยู่ตรงนี้ คนหนึ่งที่อยู่ข้างล่างคือ ซูอัน…”
“แน่นอนว่าข้ารู้อยู่แล้ว!” เซี่ยเต๋าอวิ๋นยอมรับอย่างไม่เต็มใจว่าปฏิกิริยาตอบโต้ของนางมากเกินไปเล็กน้อย ทว่านางก็ยังคงดื้อดึง “แต่ผู้ชายคนนั้นไม่รู้! เขาคิดว่าคนที่เขาคุยด้วยคือ เจ้า! และเขาก็สาปแช่งพ่อของเรา นี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับเขากำลังดูหมิ่นพ่อของเรานั่นแหละ!”
เซี่ยซิวตกตะลึง คิดแบบนั้นก็ได้เหรอ?
ไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่เคยเข้าใจผู้หญิงที่เขาเคยคบสักคนเวลาที่พวกเธอโมโห
ซูอันสังเกตเห็นคะแนนความโกรธแค้นที่หลั่งไหลเข้ามาและท่าทีของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปเป็นจริงจัง
—
ท่านยั่วยุเฉินเซวียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น 444 คะแนน!
—
เฉินเซวียน?
เขาตกตะลึงในทันที เฉินเซวียน เซวียนเฉิน!
เซวียนเฉิน น่าจะเป็นนามแฝงของเฉินเซวียน
เขาจำได้ว่า ฉู่ชูเหยียนเคยเตือนเขาเกี่ยวกับมหาโจรเฉินเซวียน ซึ่งหากินอยู่นอกเมืองจันทร์กระจ่าง คอยปล้นขบวนพ่อค้าที่สัญจรไปมาผ่านไปตามเส้นทางการค้า แถมขบวนของตระกูลฉู่ก็ถูกโจรกลุ่มนี้ปล้นมาหลายครั้งแล้วเช่นกัน
แต่ด้วยระดับการบ่มเพาะที่สูงและความเจ้าเล่ห์ของเฉินเซวียน คนของตระกูลฉู่หรือคนจากจวนเจ้าเมืองจึงไม่สามารถกำจัดโจรพวกนี้ได้สำเร็จสักที
ทำไมจู่ ๆ จอมโจรคนนี้ถึงกล้าเข้ามาในเมือง? อีกอย่าง ทำไมในที่นี่ไม่มีใครรู้จักเขาเลยทั้ง ๆ ที่ผมสีแดงของไอ้มหาโจรคนนี้มันโดดเด่นสุด ๆ!
ซูอันงงงวยอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาได้สติอย่างรวดเร็ว ผู้ชายคนนี้มีข่าวลือว่าโหดเหี้ยมมาก ดังนั้นมันคงปิดปากเหยื่อทุกคนที่เคยเห็นหน้าของเขามาโดยตลอด ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีใครจำรูปร่างหน้าตาของเขาได้ และนั่นทำให้เจ้าโจรนี่กล้าเดินเตร็ดเตร่ไปมาในเมืองอย่างเปิดเผย
“เจ้าทำให้ข้าโกรธได้สำเร็จ เดิมทีข้าต้องการไว้ชีวิตของเจ้าเพื่อแสดงความเคารพต่อเจ้าเมืองเซี่ย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเจ้าไม่เห็นคุณค่าของชีวิตแบบนี้ ก็อย่าโทษที่ข้าไม่ไว้หน้าพ่อของเจ้า!”
เฉินเซวียนมีนิสัยดุร้ายและหยิ่งยโส และไม่เคยลังเลเลยเมื่อเขาตัดสินใจที่จะฆ่าใครซักคน ตั้งแต่เขาเข้ามาในเมือง มีเรื่องน่ารำคาญมากมายเกิดขึ้นกับเขา และตอนนี้เซี่ยซิวอะไรนี่ก็ยังกล้ามายั่วโมโหเขาอีกคนเหรอ? เขาผ่านจุดเดือดของเขามามากแล้ว นายน้อยของจวนเจ้าเมืองแล้วยังไง? ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว!
“ทำไมวันนี้ที่นี่ถึงมีชีวิตชีวาขนาดนี้…” เสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนพอที่จะทำให้จิตใจที่แข็งกระด้างอ่อนลงและสยบบรรยากาศตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้น
“แม่นางชิว!”
“แม่นางชิว!”
…
ทุกคนในหอสุขนิรันดร์เริ่มส่งเสียงร้อง พวกเขาหันไปสนใจชั้นสองทันที ต่างคนต่างหมดความสนใจในการต่อสู้ระหว่างชายทั้งสองคน
แม้แต่ฉู่ฮงไฉที่ระมัดระวังตัวอยู่ก่อนหน้านี้ก็ไม่อาจอดใจไว้ได้ เขาหันหลังกลับไปมองที่มาของเสียงด้วยตาเป็นประกาย
ชายผมแดงซึ่งเมื่อครู่นี้ ตะโกนขู่ว่าจะฆ่าซูอัน ก็มองไปทางชั้นสองเช่นกัน เขาต้องการจะดูด้วยตาของตัวเองว่าเจ้าของเสียงที่ไพเราะนี้หน้าตาเป็นอย่างไร