บทที่ 365 ลัทธิอันธการสวามิภักดิ์

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 365 ลัทธิอันธการสวามิภักดิ์

คำสาปแช่งและแรงกรรมต่างโน้มเอียงเข้าหาหลักกรรม ล้วนเป็นพลังล่องลอยไร้รูปลักษณ์และสีสัน ยากจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

มีบัวดำล้างโลกาสามสิบหกวัฏจักรคอยช่วยเหลือ หานเจวี๋ยก็ไม่ได้รับความทรมานจากพลังคำสาปแช่งอีกต่อไป

เขานับนิ้วทำนาย แต่ก็ไม่สามารถทำนายต้นตอที่มาของแรงสาปแช่งนี้ได้

ดูเหมือนอีกฝ่ายก็กลัวจะถูกจับได้เช่นกัน ทุกคนต่างเลียนแบบข้าอยู่

หานเจวี๋ยคิดด้วยความรู้สึกดูถูก ลอบเอ่ยว่า “สาปใครไม่สาป เจ้าดันมาสาปแช่งข้า!”

‘ข้าอยากรู้ว่าเป็นใครที่สาปแช่งข้า!’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งร้อยล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

‘ดำเนินการต่อ!’

ช่วงนี้อายุขัยถูกถลุงไปมากมาย แต่ก็ยังห่างไกลจากหลักเศษมากนัก หานเจวี๋ยจึงใช้อย่างไม่กลัวเปลืองเลย

จากนั้นหานเจวี๋ยรู้สึกวิงเวียนตาลาย จิตรับรู้โผล่ไปถึงสถานที่แห่งหนึ่ง

เขาลืมตามอง พบว่าตนอยู่ในถ้ำใต้ดินแห่งหนึ่ง เบื้องหน้าร่างหนึ่งกำลังถือหนังสือสาปแช่งคนเล่มหนึ่งเอาไว้

คนผู้นี้ก็คือเซวี่ยหมิงเหอ

หานเจวี๋ยคุ้นเคยกับหน้าตาของเขายิ่งนัก ถึงอย่างไรเจ้าหมอนี่ก็เป็นแกนนำเผ่าพันธุ์โบราณมากมายก่อตั้งลัทธิอันธการขึ้นมา

ไอ้ลูกหมา!

แม้แต่เจ้าลัทธิเจ้าก็ยังกล้าสาป เจ้าไม่ตายแล้วใครจะตาย

เพลิงโทสะแผดเผาหานเจวี๋ย

เวลานี้เอง จู่ๆ เขาได้ยินเซวี่ยหมิงเหอเอ่ยพึมพำกับตัวเองว่า “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ท่านสัมผัสได้หรือยังขอรับ หวังว่าท่านจะมองเห็นข้านะขอรับ!”

หมายความว่าอย่างไรกัน

หานเจวี๋ยรู้สึกแปลกใจ เหตุที่เซวี่ยหมิงเหอสาปแช่งเขา เพราะอยากดึงดูดความสนใจของเขางั้นหรือ

ช้าก่อน!

เซวี่ยหมิงเหอรู้ได้อย่างไรว่าเขาคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

บรรดาผู้ยิ่งใหญ่อย่างจักรพรรดิปีศาจ จู่ถูและบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ยังไม่รู้เลย แล้วเขารู้ได้อย่างไร

ฉากเหตุการณ์พังทลายลง หานเจวี๋ยกลับคืนสู่ถ้ำเทวาฟ้าประทาน

เขาเอ่ยถามต่อ ‘เซวี่ยหมิงเหอรู้หรือไม่ว่าข้าคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ’

[ไม่รู้]

หนนี้ระบบกลับไม่ได้หักอายุขัย

หานเจวี๋ยอดครุ่นคิดต่อไม่ได้ เป็นเพราะอะไรกัน

เพราะเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกรรมของตัวเอง จึงไม่ถูกหักอายุขัยใช่หรือไม่

น่าจะไม่ถูกต้องสักเท่าไรนัก

หรือนี่จะเป็นบริการสมนาคุณจากที่จ่ายไปเมื่อครู่นี้

หานเจวี๋ยคิดไม่ออก จึงคร้านจะคิดต่อแล้ว เขาเริ่มใคร่ครวญถึงเรื่องของเซวี่ยหมิงเหอแทน

ไม่นานนักแรงสาปแช่งก็เลือนหายไป

ชัดเจนยิ่งนักว่าเซวี่ยหมิงเหอไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เขาแล้ว

แต่เหตุใดถึงต้องสาปแช่งเขาด้วยเล่า

หานเจวี๋ยจึงนึกถึงกลุ่มอำนาจที่มีกรรมเกี่ยวพันกับตัวเขาขึ้นมา หรือว่าเซวี่ยหมิงเหอกำลังสาปแช่งวังสวรรค์หรือไม่ก็เผ่าเอกาอยู่

หานเจวี๋ยเอ่ยถามในใจอีกครั้ง ‘เหตุใดเซวี่ยหมิงเหอจึงสาปแช่งข้า’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าสิบล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

‘ดำเนินการต่อ!’

[เขากำลังสาปแช่งวังสวรรค์]

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง

หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายขึ้นมาทันที เริ่มสาปแช่งเซวี่ยหมิงเหอ

ถึงแม้มีแนวโน้มสูงมากว่าเซวี่ยหมิงเหอจะเป็นแฟนคลับตัวยงของเขา แต่เมื่อคุกคามวังสวรรค์ เขาก็จำเป็นต้องลงมือ

หานเจวี๋ยเตรียมแลกอายุขัยหนึ่งพันล้านปีเพื่อตักเตือนเซวี่ยหมิงเหอเล็กน้อย

….

ผ่านไปหลายวัน

ภายในถ้ำใต้ดิน

ครืน….

พลังอันน่าหวาดหวั่นสั่นสะเทือนจนถ้ำใต้ดินโยกไหวอย่างรุนแรง เซวี่ยหมิงเหอกำลังนั่งสมาธิโคจรพลังอยู่ สีหน้าเขาซีดเซียวอย่างยิ่ง

เขากำลังเผชิญกับคำสาปอยู่!

“เป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแน่นอน!”

เซวี่ยหมิงเหออกสั่นขวัญผวา เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับแรงสาปแช่งอันแสนทรงพลังเช่นนี้

มีเพียงแรงสาปแช่งเช่นนี้ที่สามารถบีบคั้นจักรพรรดิปีศาจและบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์จนบ้าคลั่งได้

ด้วยเหตุนี้จึงมีเพียงเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแล้ว!

เซวี่ยหมิงเหอไม่เพียงแต่ไม่หวาดกลัวเท่านั้น กลับรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก

ในที่สุดเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็ตอบรับเขาแล้ว!

ด้วยพลังของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ สามารถสาปแช่งเขาจนถึงตายอย่างสบายๆ ได้ แต่กลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการถ่ายทอดข้อความ

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการหลบเร้นอยู่ในวังสวรรค์งั้นหรือ

มีความเป็นไปได้!

มิน่าเล่าภายในสี่กลุ่มอิทธิพลระดับจักรวรรดิ มีเพียงวังสวรรค์เท่านั้นที่ไม่เคยเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้น

วังปีศาจแทบล่มสลาย สำนักพุทธสูญเสียบรรพชนพุทธองค์หนึ่งไป วังเทพก็เปลี่ยนตัวประมุข มีเพียงวังสวรรค์เท่านั้นที่ได้รับการหนุนนำจากสำนักเต๋า

ไม่ว่าจะมองอย่างไร วังสวรรค์ก็อยู่ในการปกครองของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการชัดๆ!

ขณะที่เซวี่ยหมิงเหอกำลังใคร่ครวญอยู่ แรงสาปแช่งอันทรงพลังกว่าเดิมก็โจมตีเข้ามาดั่งกระแสน้ำหลาก

แย่แล้ว!

ต้านไม่อยู่แล้ว!

เซวี่ยหมิงเหอกระอักโลหิตพุ่งเป็นฝอย สองมือขยับทำมุทรา พลังเวทที่สงบนิ่งอยู่ภายในร่างเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมา

โชคดีที่แรงสาปแช่งไม่ได้เพิ่มขึ้นอีก ดำเนินอยู่ราวหนึ่งก้านธูปถึงได้ล่าถอยไป

ถึงแม้เซวี่ยหมิงเหอจะบาดเจ็บภายใน แต่ไม่นับว่าหนักหนาสาหัส

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่สังหารข้า แปลว่ายอมรับข้าแล้ว!

เซวี่ยหมิงเหอคิดอย่างเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าหากเขาคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ แล้วคิดจะสังหารผู้ใดคงไม่ยั้งมือแน่นอน

พอคิดได้เช่นนี้ ความศรัทธาที่เซวี่ยหมิงเหอมีต่อเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก

“นับแต่นี้ไป ไม่อาจพุ่งเป้าไปที่วังสวรรค์ได้อีก ข้าจะต้องเป็นพันธมิตรกับวังสวรรค์ แสดงออกถึงเจตนาดี” เซวี่ยหมิงเหอเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก เผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม

เขารู้สึกว่าตนช่างฉลาดเหลือเกิน!

ด้วยวิธีนี้จึงสามารถยืนยันได้แล้วว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอยู่ที่ใด

“จู่ถู เจ้าสวมรอยเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เจ้ารอรับความตายเสียเถอะ ข้าสู้เจ้าไม่ได้ แต่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่มีทางละเว้นเจ้าแน่!”

เซวี่ยหมิงเหอเริ่มตั้งตารอจุดจบของจู่ถูแล้ว

….

หลังจากสั่งสอนเซวี่ยหมิงเหอไปเล็กน้อยแล้ว หานเจวี๋ยก็บำเพ็ญต่อ

วันเวลายังคงดำเนินต่อไป

สิบปีผ่านไป

ตบะของหานเจวี๋ยเพิ่มพูนขึ้นไม่น้อยเลย เขาหยุดบำเพ็ญเพียร หยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาติดต่อหาจักรพรรดิสวรรค์

จักรพรรดิสวรรค์ตอบรับจิตรับรู้ของเขาอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ฝ่าบาท หาเฮ่าเอ๋อร์พบหรือไม่”

จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “หาพบแล้ว แต่ไม่อาจพาเขากลับมาได้ หลังจากนี้ถ้าหากเขาไปหาเจ้า เจ้ามีสิทธิ์ที่จะปลดเขาออกจากตำแหน่งศิษย์”

“หมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ เขาก่อกบฏหรือ หรือว่าถูกยึดครองร่างแล้ว”

“เราบอกไม่ได้ เขาไม่ได้ถูกยึดร่าง แต่ตอนนี้เขาอันตรายมาก เจ้าเชื่อเราเถอะ”

ระหว่างหลงเฮ่ากับจักรพรรดิสวรรค์ หานเจวี๋ยย่อมเชื่อใจจักรพรรดิสวรรค์มากกว่า

จักรพรรดิสวรรค์เป็นคนที่ดีต่อเขา ส่วนหลงเฮ่าเป็นคนที่หานเจวี๋ยหวังดีด้วย

หานเจวี๋ยตอบรับ “ข้าเข้าใจแล้ว ช่วงนี้วังสวรรค์เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิสวรรค์กล่าวตอบ “ไม่เลวเลย อยู่ระหว่างเข้ายึดพื้นที่ของวังปีศาจอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งได้รับการสวามิภักดิ์จากกองกำลังมากมาย ในบรรดานั้นรวมไปถึงลัทธิอันธการที่มีชื่อเสียงเฟื่องฟูอยู่ พวกเขาเป็นฝ่ายเสนอตัวผูกมิตร ยินดีเป็นพันธมิตรกับวังสวรรค์ คาดว่าน่าจะเป็นเจตนาของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ”

หานเจวี๋ยลอบนึกในใจ เซวี่ยหมิงเหอเป็นผู้เป็นคนแล้วสินะ!

เมื่อเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องตายแล้ว

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างจริงจัง “ฝ่าบาท เจ้าแดนต้องห้ามอันธการลึกลับยากจะคาดเดาได้ ต้องระวังไว้ อย่าได้ถูกหลอกใช้นะพ่ะย่ะค่ะ”

“วางใจเถอะ เราคิดเอาไว้แล้ว ขอเพียงพวกเขาไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อวังสวรรค์ ทุกอย่างล้วนเจรจากันได้” จักรพรรดิสวรรค์ตอบ

ทั้งสองสนทนากันต่ออีกสองสามประโยค จากนั้นจึงตัดการเชื่อมต่อทางจิตรับรู้

ณ วังสวรรค์ ภายในอุทยานหลวง

จักรพรรดิสวรรค์วางป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ลง เอ่ยพึมพำ “เขาไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจริงๆ น่ะหรือ”

เซวี่ยหมิงเหอบอกว่าเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับวังสวรรค์ด้วยความประสงค์ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ถ้าหากว่าเป็นความจริง เจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็น่าจะเป็นคนของวังสวรรค์

เขาอดไม่ได้ที่จะนึกสงสัยในตัวหานเจวี๋ยขึ้นมาอีก

ไม่สมเหตุสมผลเลย

“เราคิดอะไรอยู่กัน พรสวรรค์ของเขาแกร่งกล้าก็เพียงพอแล้ว เราคาดหวังให้เขาใช้ความสามารถของตนช่วยเหลือวังสวรรค์อยู่มิใช่หรือ”

จักรพรรดิสวรรค์ส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา รู้สึกว่าตนคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับหานเจวี๋ยมากเกินไปแล้ว

เขาขมวดคิ้วแน่น ในเมื่อเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่เกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ย เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงที่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะคิดร้ายกับวังสวรรค์

หมากตานี้ของลัทธิอันธการทำไปเพื่อสิ่งใดกันแน่

ณ ปัจจุบันนี้ วังสวรรค์นับเป็นกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์แล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การที่ลัทธิอันธการให้ความเกื้อหนุนวังสวรรค์ มีแต่จะช่วยให้วังสวรรค์คว้าชัยในศึกมหาเคราะห์ได้ราบรื่นขึ้น

ถ้าวังสวรรค์ชนะ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะได้สิ่งใดเล่า

มีแผนร้ายแน่!

ยิ่งคิดจักรพรรดิสวรรค์ก็ยิ่งไม่สบายใจ ถึงอย่างไรมหาเคราะห์ก็ยังดำเนินไปไม่ถึงจุดสูงสุด หายนะที่แท้จริงของวังสวรรค์ยังมาไม่ถึง

………………………………………………………………