บทที่ 366 โดนคำสาปแช่งถ้วนหน้า ส่องดูชะตากรรม

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 366 โดนคำสาปแช่งถ้วนหน้า ส่องดูชะตากรรม

หลังจากเก็บป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์แล้ว หานเจวี๋ยอารมณ์ดียิ่ง

มีลัทธิอันธการคอยเกื้อหนุนวังสวรรค์ วังสวรรค์น่าจะดีขึ้นกว่าเดิม

จักรพรรดิสวรรค์ช่างดีต่อเขาเหลือเกิน ส่งผลให้หานเจวี๋ยรู้สึกผิดอยู่ในใจเสมอที่ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณในส่วนนี้ ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ได้ช่วยเหลือวังสวรรค์อย่างแท้จริงแล้ว

พรสวรรค์ของเต้าจื้อจุนเก่งกาจ แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงบุตรแห่งสวรรค์ ไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะระหว่างกลุ่มมหาอำนาจได้

แต่ลัทธิอันธการนั้นแตกต่างออกไป มีเผ่าพันธุ์โบราณมากมายอยู่ใต้สังกัด เมื่อมีกองกำลังขนาดใหญ่เช่นนี้ให้การสนับสนุนวังสวรรค์ วังสวรรค์จะไม่กล้าแกร่งได้อย่างไรเล่า

หานเจวี๋ยลุกขึ้นยืน เดินออกไปนอกถ้ำ

“ข้าจะเทศนาหลักมรรคาแล้ว ทุกคนนั่งให้ดี”

เสียงของหานเจวี๋ยดังก้องไปทั่วอาณาเขตเต๋า ชาวเผ่าเอกาหนึ่งหมื่นคนก็ได้ยินเช่นกัน

พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคาดหวังขึ้นมา หลักมรรคาที่จักรพรรดินีผืนพิภพเคยเทศนาให้พวกเขาฟัง ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของพวกเขา

เจียงอี้อดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา มองไปทางหานเจวี๋ยด้วยความฉงน

หลังจากมีประสบการณ์กับแบบจำลองการทดสอบมาแล้ว ภาพลักษณ์ของหานเจวี๋ยที่อยู่ภายในใจเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นสูงส่งและลึกลับ

เขาก็ถูกพลังวิเศษอย่างแบบจำลองการทดสอบทำให้ตกใจเช่นกัน ระดับตบะที่สามารถจำลองผู้แข็งแกร่งออกมาได้ แล้วหานเจวี๋ยจะอ่อนแอได้อย่างไรกัน

พอคิดดูอย่างละเอียดแล้ว เจียงอี้ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าตนไม่เคยเอาชนะหานเจวี๋ยได้เลย ถึงแม้ในอดีตหานเจวี๋ยจะมีท่าทางถ่อมตน แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีความเกรงกลัวเลย เมื่อมองย้อนกลับไป เขารู้สึกว่าหานเจวี๋ยในอดีตที่ผ่านคล้ายว่ากำลังกล่อมเขาอยู่มากกว่า

นอกไปจากนี้ จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตสิ้นชีพด้วยน้ำมือของหานเจวี๋ยแน่นอน!

เพราะเขาเคยต่อสู้กับจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตในแบบจำลองการทดสอบ อีกฝ่ายแข็งแกร่งทัดเทียมตัวจริงทุกประการ!

หานเจวี๋ยไม่ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจของเจียงอี้ เขาเดินมานั่งลงที่ด้านหน้าต้นฝูซัง เริ่มเทศนาหลักมรรคา

ทุกคนนั่งกันเรียบร้อยดีแล้ว รวมถึงจินกังนู่และจอมปีศาจคุกรัตติกาลด้วย

การเทศนาหลักมรรคาของหานเจวี๋ยที่บรรลุระดับเทพแล้วมีประโยชน์ต่อพวกเขาเช่นกัน

ขณะที่หานเจวี๋ยเทศนาความเข้าใจในการบำเพ็ญตบะของตน น้ำเสียงของเขาเต็มเปี่ยมด้วยเสน่ห์ดึงดูด ทำให้ทุกคนเข้าถึงสภาวะรู้แจ้งอย่างรวดเร็ว ต่างคนต่างหวนนึกถึงการบำเพ็ญของตัวเอง พลันบังเกิดแรงบันดาลใจ ความคิดอัศจรรย์พันลึกสารพัดอย่างพรั่งพรูออกมาในสมอง จากที่ฉงนสนเท่ห์ก็รู้แจ้งในฉับพลันทันใด

การเทศนาหลักมรรคาครั้งนี้ดำเนินอยู่ถึงห้าปี หลังจากนั้นหานเจวี๋ยก็ใช้เวลาอีกสองปีเพื่อคลายข้อสงสัยให้พวกเขาไปทีละคน

หลังจากเทศนาหลักธรรมจบ หานเจวี๋ยกลับเข้าถ้ำ พลางเรียกอู้เต้าเจี้ยนเข้ามา

หลังจากปิดถ้ำแล้ว อู้เต้าเจี้ยนคุกเข่าลงเบื้องหน้าหานเจวี๋ย สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความฉงน ไม่ทราบว่าหานเจวี๋ยเรียกพบนางด้วยเรื่องใด

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ช่วงนี้เจ้านายคนเก่าของเจ้าได้มาหาเจ้าหรือไม่”

อู้เต้าเจี้ยนถามด้วยความแปลกใจ “ข้าอาศัยอยู่ที่นี่ นางจะมาหาข้าได้อย่างไรกัน”

“อย่างเช่นมาเข้าฝัน”

“ฝันก็นับหรือ มีแบบนั้นจริงๆ ระยะนี้ข้าฝันถึงนางบ่อยๆ นางมาบำเพ็ญตบะอยู่ข้างกายข้า แต่ไม่ได้พูดคุยกับข้าเลย”

เมื่อหานเจวี๋ยได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

ไท่ซู่เทียนมีเจตนาร้ายแอบแฝงจริงๆ!

อู้เต้าเจี้ยนเป็นเซียนแท้ไท่อี่ อยู่ห่างจากเซียนทองไท่อี่ไม่ไกลแล้ว จะฝันเรื่อยเปื่อยไร้สาเหตุได้อย่างไร

อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยต่อว่า “วางใจเถิดนายท่าน ตอนนี้ข้ายอมรับท่านเป็นเจ้านายเพียงคนเดียว ต่อให้ท่านใช้ข้าไปสังหารนาง ข้าก็จะไปแน่นอน บุญคุณที่นางมีต่อข้า เป็นเพียงการเมตตาไปตามโอกาส นางถึงขั้นที่ไม่สังเกตเห็นข้าเลยด้วยซ้ำ แต่ท่านกลับต่างออกไป เป็นท่านที่เปลี่ยนร่างให้ข้า ให้ข้าได้เหยียบย่างเข้าสู่วิธีแห่งการบำเพ็ญ ซ้ำยังคุ้มลมบังฝนให้ข้า…”

พูดไปพูดมา ขอบตาของอู้เต้าเจี้ยนก็แดงเรื่อ

นางพูดออกมาจากใจจริง

ร่างเดิมของนางคือหญ้าโลกาสวรรค์ มีประสบการณ์นิพพานถือกำเนิดใหม่มากมายหลายครั้ง ก่อนจะได้พบหานเจวี๋ย นางคือหญ้าต้นหนึ่งที่ล่องลอยไปตามโลกต่างๆ ถูกเหยียบย่ำมานับครั้งไม่ถ้วน เรื่องถูกลมพัดฝนพรำยิ่งมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว

หลังจากได้พบกับหานเจวี๋ย นางก็ไม่เคยได้รับความทุกข์ยากอีกเลย ปัจจุบันนี้ยิ่งสุขสบายไร้กังวล ซ้ำยังมีสหายมากมายให้พูดคุยด้วย วันเวลาผ่านไปอย่างเป็นสุขยิ่ง

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ความรู้สึกที่เจ้ามีต่อข้าข้าย่อมรับรู้ดี แต่บางครั้งเรื่องราวหลายอย่างไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเจ้าหรอกนะ ข้าต้องการประทับตราประทับหกวิถีลงบนวิญญาณของเจ้า ถ้าหากเจ้านายเก่าของเจ้าคิดจะฉวยโอกาสเข้าควบคุมเจ้า ข้าจะรับรู้ได้เป็นคนแรก อีกอย่างประทับตรานี้ลงไปแล้ว ข้าก็สามารถควบคุมความเป็นความตายของเจ้าได้”

เหตุผลที่กล่าวเช่นนี้ เพราะหานเจวี๋ยเกรงว่าหากไท่ซู่เทียนพบตราประทับหกวิถีเข้า จะยุแยงให้อู้เต้าเจี้ยนเหินห่างกับเขา

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้เขาหาโอกาสชิงยอมรับก่อนเสียดีกว่า กำจัดความเสี่ยงทิ้งไปตั้งแต่ต้นเสียเลย

“ได้เจ้าค่ะ!”

อู้เต้าเจี้ยนตอบตกลงทันที จากนั้นลุกขึ้นมานั่งข้างๆ หานเจวี๋ย เป็นเด็กดีอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่ไม่มีความประหม่าเลยสักนิด

ใบหน้างามเฉิดฉันของนางดูเย็นชา ทว่าภายในดวงตาทั้งสองข้างของนางกลับเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ระแวงหานเจวี๋ยเลยสักนิด

หัวใจหานเจวี๋ยพลันอ่อนยวบ แต่มือยังคงซื่อสัตย์ยิ่ง ควรจะประทับตราก็ยังประทับตราต่อไป!

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอำนาจ อารมณ์จะอ่อนไหวยิ่งนัก

มิใช่หานเจวี๋ยไม่ไว้ใจอู้เต้าเจี้ยน เพียงแต่ไม่ไว้ใจไท่ซู่เทียนเท่านั้น

เขาต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตราประทับหกวิถีอีกเล็กน้อย เป็นการป้องกันเอาไว้ก่อนเกิดปัญหาขึ้นมา

หลายวันผ่านไป

อู้เต้าเจี้ยนเดินออกมาจากถ้ำ ไปอยู่ข้างกายลี่เหยา

ลี่เหยาถามด้วยความสงสัย “เจ้าสำนักเรียกหาเจ้าทำไมกัน”

น้อยมากที่หานเจวี๋ยจะเป็นฝ่ายเรียกหาอู้เต้าเจี้ยน

อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มภูมิใจ “บอกไม่ได้ ไม่สมควรฟังหรอก”

ระหว่างที่พูดคุย นางได้มองไปทางถูหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ไม่ไกลด้วยสายตาผยองได้ใจ

ถูหลิงเอ๋อร์เม้มปาก ในดวงตาเต็มไปด้วยความหึงหวง

นางแตกต่างจากคนอื่นๆ นางไม่ได้อยากจะกราบหานเจวี๋ยเป็นอาจารย์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว นางอยากได้สถานะอื่น แต่จนปัญญาที่ไม่ได้สมดั่งใจ

“เฮ้อ อาจารย์สูงส่งลึกล้ำยากจะคาเดเดาขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ข้าไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเขาเลย แบบนี้จะทำอย่างไรดี”

ถูหลิงเอ๋อร์ตกอยู่ในสภาวะเศร้าหมอง ชายหนุ่มรูปงามอย่างหานเจวี๋ยหากเผยตัวต่อโลกหล้า ต้องดึงดูดความนิยมชมชอบของหญิงงามและยอดพธูมากมายได้แน่นอน พอถึงเวลานางต้องไปแย่งชิงกับผู้ใดบ้างเล่า

….

สามสิบปีผ่านไป

นับตั้งแต่หานเจวี๋ยทะลวงระดับเทพได้ก็ผ่านไปสองร้อยกว่าปีแล้ว เขายังทะลวงระดับปฐมเทพขั้นสองไม่ได้ แต่ก็อยู่ไม่ไกลแล้ว

เวลาที่ว่างจากการบำเพ็ญหานเจวี๋ยจะหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งศัตรูต่อ พลางตรวจดูจดหมายไปด้วย

อันที่จริงเขาสามารถอาศัยแรงกุศลมรรคาสวรรค์ทะลวงขั้นได้เลย แต่เขาไม่อยากถูกมรรคาสวรรค์ควบคุม

โดยทั่วไปแล้ว สภาพจิตใจของหานเจวี๋ยยังยอดเยี่ยมดี ไม่รีบร้อนลนลาน

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[ฟางเหลียงศิษย์ของท่านบำเพ็ญเพียรตระหนักรู้มรรคาสวรรค์ พลังวิเศษเพิ่มพูน]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ เนื่องจากครอบครองสมบัติวิเศษจึงไม่ได้รับผลกระทบ]

[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านได้รับโอสถลึกลับ ตบะเพิ่มพูน]

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจ] x122229

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเข้าร่วมลัทธิอันธการ ดวงชะตาเกิดความเปลี่ยนแปลง]

[สิงหงเสวียนคู่บำเพ็ญเพียรของท่านได้รับสืบทอดมรดกจักรพรรดิ พลังมรรคเพิ่มพูน]

[หลงเฮ่าศิษย์ของท่านฝืนย่างเข้าสู่ระดับจักรพรรดิ จิตวิญญาณเผชิญบทลงทัณฑ์จากมรรคาสวรรค์ โชคดีมีผู้ทรงพลังช่วยเหลือ จิตสำนึกล่องลอยเข้าสู่แม่น้ำโชคชะตา ส่องดูชะตากรรม]

….

คำสาปแช่งลึกลับมากมายนัก!

หานเจวี๋ยลอบสบถ

ตอนนี้รู้ตัวคนที่สวมรอยเป็นเขาสามคนแล้ว ได้แก่จู่ถู เซวี่ยหมิงเหอ และจิ่งเทียนกง

มีแต่ผีเท่านั้นที่รู้ว่าจะมีคนที่สี่ด้วยหรือไม่

หานเจวี๋ยคิดว่ามี และอาจจะมีเยอะมากด้วย

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ทั่วแดนเซียนคงถูกสาปกันหมดแน่

วุ่นวายเหลือเกิน

หานเจวี๋ยให้ความสนใจกับเรื่องที่โม่ฟู่โฉวเข้าร่วมลัทธิอันธการ แต่เหตุใดไม่มีโจวฝานเล่า พี่น้องหลงหยางคู่นี้แตกคอกันอีกแล้วหรือ

ยังมีสิงหงจวินอีกคน ไม่น่าเชื่อว่าจะได้รับสืบทอดมรดกจักรพรรดิ ไม่เสียทีที่เป็นภรรยาข้า มีโชคชะตาไม่ธรรมดาเช่นกัน

คนที่หานเจวี๋ยใส่ใจที่สุดคือหลงเฮ่า

ไอ้หนูคนนี้กลายเป็นจักรพรรดิเซียนแล้ว แถมยังไปแอบส่องชะตากรรมอีกงั้นหรือ

เขากับเฮ่าเทียนกำลังทำอะไรอยู่กันแน่

………………………………………………………………