ตอนที่ 366 ไม่เกรงกลัว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 366 ไม่เกรงกลัว

ไป๋ชิงเหยียนอำมหิต จัดการปัญหาอย่างเด็ดขาด หากเขาไม่อาจจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเรียบร้อย ไป๋ชิงเหยียนต้องมอบจดหมายให้ฮ่องเต้จริงๆ แน่นอน

เพราะการมอบจดหมายเหล่านั้นให้ฮ่องเต้จะส่งผลดีอย่างมหาศาลต่อตระกูลไป๋ แต่สำหรับเขาคือการโดนประหารเจ็ดชั่วโคตร

ที่ปรึกษาทั้งสองคนของอัครมหาเสนาบดีหลี่เม่าก็คิดไม่ถึงเช่นเดียวกันว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะลงมือได้โหดร้ายถึงเพียงนี้

ทว่า เมื่อคิดดูให้ดีก็สมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่กุมความลับของหลี่เม่าอยู่ อีกทั้งยังเคยสังหารทหารยอมจำนนกว่าแสนนายโดยไม่กะพริบตา ผู้เคยสังหารทหารยอมจำนนจะยอมมาเจรจาต่อรองกับหลี่เม่าได้อย่างไรกัน

ดูเหมือนว่าเดิมทีจากที่เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไม่อยากให้อัครมหาเสนาบดีหลี่เม่าช่วยเหลือเหลียงอ๋องสร้างปัญหาให้ตระกูลไป๋ ทว่า พวกเขากลับเข้าไปยุ่งเรื่องการแต่งงานของเกาอี้เซี่ยนจู่ซึ่งเป็นขีดจำกัดของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จนทำให้นางโมโหเข้าให้แล้ว

หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับพวกเขา พวกเขาเพิ่งเตือนไปไม่นาน ทว่า คนผู้นั้นกลับพุ่งเป้ามาที่น้องสาวของพวกเขาแทน พวกเขาก็คงโมโหเช่นเดียวกัน

เกรงว่าในสายตาของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่อาจคิดว่าหลี่เม่ากำลังยั่วยุนางอยู่ ดังนั้นหญิงสาวย่อมจัดการขั้นเด็ดดาดโดยไม่ออมแรงอยู่แล้ว

พวกเขาผิดที่คิดว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เหมือนสตรีตระกูลสูงศักดิ์คนอื่นๆ เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ผู้นั้นคือแม่ทัพผู้เด็ดขาดที่เคยออกรบในสนามจริง

ที่ปรึกษาชุดสีฟ้าถูมือทั้งสองข้างไปมา สีหน้ากระวนกระวาย

“เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ต้องการให้เราอธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่างก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ทว่า เราจะอธิบายเรื่องที่เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ตีขาคุณชายหกจนหักอย่างไรขอรับ นางโยนร่างเปื้อนเลือดของคุณชายหกไปที่หน้ารถม้าของท่านท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่มาดักรอดูมากมาย ไม่ว่าอย่างไรก็เหิมเกริมเกินไปขอรับ!”

ที่ปรึกษาชุดขาวเลิกคิ้วขึ้นน้อย ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นกล่าวขึ้น “แผนการวันนี้คงต้องยอมให้คุณชายหกไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้วขอรับ!”

“จะทำอย่างไร” หลี่เม่าถาม

สำหรับหลี่เม่าการที่บุตรชายไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือแม้กระทั่งชีวิตของบุตรชาย…ล้วนสำคัญน้อยกว่าชีวิตของคนทั้งตระกูล

“ท่านมหาเสนาบดี เราสารภาพเรื่องที่คุณชายหกทำลงไปเมื่อเดือนที่แล้วออกไปดีหรือไม่ขอรับ” ที่ปรึกษาขาวสีหน้าจริงจัง

“ตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงได้สมญานามว่ารักชาวบ้านประหนึ่งบุตร คุณชายหกทำผิด ทว่า ท่านช่วยปกปิด เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่รักความยุติธรรมจึงทำเช่นนี้ลงไป เราอาจโดนสำนักตรวจการเข้ามาตรวจสอบ ทว่า ก็ยังดีกว่าจดหมายถูกส่งไปถึงฮ่องเต้ขอรับ”

ใบหน้าของหลี่เม่าเขียวปัด ครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เมื่อที่ปรึกษาชุดชาวเห็นว่าหลี่เม่าไม่ได้ปฏิเสธเขาจึงกล่าวต่อ”หากท่านมหาเสนาบดีตัดสินใจได้แล้วก็ควรรีบไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ในวัง สารภาพว่าสั่งสอนบุตรไม่ดีพอดี เมื่อเกิดเรื่องขึ้นฮูหยินของท่านปิดบังท่าน และลอบจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ผู้ถูกกระทำบังเอิญพบกับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ จวิ้นจู่รู้เรื่องจึงไปสืบหาความจริง จึงเกิดเรื่องอย่างวันนี้ขึ้น…”

“ไม่ได้!” ที่ปรึกษาชุดสีฟ้ากล่าวอย่างจริงจัง “เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่บอกว่าห้ามกระทบไปถึงตระกูลไป๋ หากกล่าวเช่นนี้ ชาวบ้านจะพากันวิจารณ์ว่าเหตุใดเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จึงไม่ส่งมอบหลักฐานให้ทางการ ถึงเวลานั้นหาเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่โมโหขึ้นมา…หากจดหมายส่งไปถึงวังหลวง จวนหลี่จบสิ้นแน่!”

ที่ปรึกษาชุดสีฟ้ามองดูหลี่เม่า “ท่านมหาเสนาบดีขอรับ หากต้องการให้จวนหลี่ปลอดภัยเราต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่สู้เข้าไปในวังแล้วสารภาพตามจริงว่าท่านช่วยปกปิดให้คุณชายหก หลังจากนั้นท่านก็ไม่เคยหลับสนิทเลยสักคืน ที่เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ตีขาทั้งสองข้างของคุณชายหกจนหัก เพราะกลัวว่าหากส่งตัวเขาให้ทางการ ทางการจะเกรงกลัวอำนาจบารมีของอัครมหาเสนาบดีอย่างท่าน คุณชายหกไม่ได้รับโทษใดๆ ที่ควรได้รับ นางทำไปเพื่อต้องการนายท่านรู้ว่าบ้านเมืองมีกฎหมายขอรับ!”

เมื่อเห็นหลี่เม่ายังคงลังเล ที่ปรึกษาชุดสีฟ้ากล่าวเสียงดัง “ท่านมหาเสนาบดี เราต้องตัดใจเพื่อการใหญ่ขอรับ หากเรื่องนี้ไม่ทำลายคุณชายหก ไม่ทำลายท่าน ก็ไม่มีทางทำให้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่พอใจได้ขอรับ! จวนหลี่จะตกอยู่ในอันตรายนะขอรับ! ที่สำคัญเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ให้เวลาเพียงนิดเดียว เราไม่มีเวลาคิดอย่างละเอียดแล้วขอรับ”

หลี่เม่ากำหมัดแน่นพลางทุบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง

กล้ำกลืนฝืนทน ไม่มีผู้ใดต้องกล้ำกลืนไปกว่าอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายอย่างเขาอีกแล้ว!

ไป๋ชิงเหยียนหักขาบุตรชายของเขา เขายังต้องปกป้องชื่อเสียงของไป๋ชิงเหยียนและตระกูลไป๋อีก!

ที่สำคัญการกระทำในวันนี้ของไป๋ชิงเหยียน เขาไม่เพียงต้องยอมทำตาม ทว่า ต้องมีคนรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนกุมความลับของเขาอยู่อย่างแน่นอน อย่างเช่นหลู่เซียง!

หลายปีมานี้แม้จะดูเหมือนว่าหลู่เซียงไม่มีปัญหากับเขา ทว่า หลู่เซียงลอบกัดเขาลับๆ อยู่ตลอดเวลา หากหลู่เซียงแอบร่วมมือกับไป๋ชิงเหยียน เสนอข้อเสนอที่น่าสนใจให้แก่หญิงสาว ไป๋ชิงเหยียนอาจยอมตกลงร่วมมือกับหลู่เซียงได้ ถึงเวลานั้นเขาควรทำเช่นไรดี

ทว่า บัดนี้หลี่เม่าไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น ไป๋ชิงเหยียนให้เวลาเขาเพียงน้อยนิด เขาต้องแก้ไขปัญหาตรงหน้านี้ก่อน ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

หลี่เม่าขบกรามตัดสินใจแน่วแน่ “แสดงให้ไป๋ชิงเหยียนเห็นถึงความจริงใจของเรา กล่าวว่าไป๋ชิงเหยียนมีหลักฐานที่แน่ชัดและส่งไปให้ทางการแล้ว ทว่า ผ่านไปครึ่งเดือนก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เมื่อสืบถึงได้รู้ว่าหลักฐานที่นางส่งไปถูกทำลายหมดแล้ว ไป๋ชิงเหยียนโมโหจึงเกิดเรื่องในวันนี้ขึ้น”

“ข้าจะเข้าวัง ที่เหลือฝากท่านทั้งสองจัดการด้วย ทว่า แม้เรื่องนี้จะสมใจไป๋ชิงเหยียน ทว่า ต้องมีปัญหาตามมาภายหลังอย่างแน่นอน! ข้าถูกดูถูกต่อหน้าคนมากมายถึงเพียงนี้ แต่กลับจำนนโดยไม่คิดแก้แค้น ในเมืองหลวงมีคนฉลาดอยู่มากมาย ต้องมีคนเดาได้แน่ๆ ว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่กุมความลับของข้าอยู่ หากวันหน้าศัตรูของข้าไปร่วมมือกับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ ข้าต้องจบสิ้นแน่นอน!”

หลี่เม่ายกมือคาราวะที่ปรึกษาทั้งสอง “ดังนั้นรบกวนท่านทั้งสองช่วยข้าคิดด้วยว่าวันข้างหน้าควรจะทำเช่นไรต่อไปดี”

ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งกลับมาถึงเรือนชิงฮุยก็สั่งให้หลูผิงส่งคนไปรายงานให้นายอำเภอโจวทราบว่านางจะเดินทางไปถึงซั่วหยางเพื่อจัดการกับตระกูลบรรพบุรุษไป๋ประมาณวันที่ยี่สิบห้า

หลูผิงเพิ่งเดินออกไปไม่นาน ไป๋จิ่นจื้อก็วิ่งเข้ามา

“พี่หญิงใหญ่ เรื่องสนุกถึงเพียงนี้ เหตุใดพี่หญิงใหญ่ไม่พาข้าไปด้วยเจ้าคะ ควรให้ข้าฟาดแส้ใส่หลี่หมิงถังนั่นให้ก้นลายเลยเจ้าค่ะ”

ชุนเถารินน้ำชาให้ไป๋จิ่นจื้อ ยืนมีสีหน้าเป็นกังวลอยู่ด้านข้าง

“คุณหนูใหญ่ หักขาทั้งสองข้างของบุตรชายท่านอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายและโยนตัวเขาไปที่หน้ารถม้าของบิดาเขาเช่นนั้น ชาวบ้านจะไม่คิดว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ทำตัวเหิมเกริมและไม่พอใจในจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ของเราหรือเจ้าคะ…”

เมื่อได้ยินชุนเถากล่าวเช่นนี้ ไป๋จิ่นจื้อจึงได้รู้สึกว่าการกระทำที่เหิมเกริมเช่นนี้ไม่ใช่นิสัยของไป๋ชิงเหยียน

“พี่หญิงใหญ่ จะมีปัญหาอันใดหรือไม่เจ้าคะ”

“เพราะมั่นใจ…จึงไม่เกรงกลัว” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋จิ่นจื้อแล้วกล่าวขึ้น “กลับกัน ที่ไม่กลัวก็เพราะมีความมั่นใจ ยิ่งทำตัวเหิมเกริมมากเท่าใด หลี่เม่าจะได้หวาดกลัวมากเท่านั้น”

ไป๋ชิงเหยียนยกชาขึ้นจิบ กล่าวเสียงเบา “ส่วนชาวบ้านจะมองพี่เช่นไรล้วนเป็นเรื่องที่หลี่เม่าต้องแก้ปัญหา ความสามารถของหลี่เม่าต้องแก้ปัญหาเรื่องดีได้อย่างสวยงามแน่นอน พวกเรารอดูเถิด”

เป็นไปตามที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าว เมื่อพ้นยามเซิน[1] ข่าวหลี่เม่าเข้าวังไปสารภาพความผิดแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง

ที่แท้อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าใช้กฎหมายส่วนตัวปกปิดความผิดของบุตรชายคนเล็กเรื่องการฉุดคร่าหญิงสาวและบีบให้นางฆ่าตัวตาย ผู้ร้องทุกข์ไม่อาจฟ้องร้องทางการได้ ชาวบ้านหลายคนยังจำเหตุการณ์ที่ผู้ร้องทุกข์ร้องไห้จนไร้เสียงอยู่หน้าจวนว่าการได้ดี

ต่อมาเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่บังเอิญทราบเรื่องนี้จึงส่งคนไปสืบหาความจริง เมื่อได้หลักฐานก็ส่งไปให้ทางการ ผู้ใดจะคิดว่าทางการเกรงกลัวบารมีของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าจึงแอบทำลายหลักฐานเหล่านั้นทิ้ง

อยู่ในเมืองหลวงแท้ๆ ทว่า กลับเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้

[1] ยามเซิน เวลาระหว่าง 15.00-17.00 นาฬิกา