ตอนที่ 367 หัวอกเดียวกัน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 367 หัวอกเดียวกัน

ดังนั้นจึงเกิดเรื่องที่เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่สั่งให้คนตีขาหลี่หมิงถังจนหักแล้วโยนไปหน้ารถม้าของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าขึ้น

ชาวบ้านต่างรู้สึกชื่นชม อดนึกถึงเหตุการณ์ที่เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่สั่งให้คนโบยบุตรอนุของตระกูลไป๋ที่รังแกชาวบ้านตรงกลางถนนและเรื่องที่สั่งทำโทษคุณหนูสี่ไป๋จิ่นจื้อที่ฟาดแส้ใส่ชาวบ้านที่มาอาละวาดหน้าจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ขึ้นมาไม่ได้

ต่างชื่นชมที่คนของตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงมีใจรักชาวบ้าน เห็นชาวบ้านเป็นดั่งสายเลือดเดียวกัน ไม่ใช่แค่กล่าวไปอย่างนั้น

อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าปล่อยให้บุตรชายของตัวเองรังแกชาวบ้าน ทางการไม่กล้าเข้ามาวุ่นวาย ทว่า เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่กล้า

อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้าพระพักตร์ กล่าวว่าหลังจากที่ตนช่วยปกปิดความผิดให้บุตรชายก็ไม่เคยนอนหลับสนิทสักคืน เขารู้สึกผิดต่อฮ่องเต้เป็นอย่างมาก วันนี้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่สืบเรื่องนี้จนกระจ่างแจ้ง เขาทั้งรู้สึกโล่งใจและรู้สึกละอายใจ จึงตั้งใจมาสารภาพความผิดกับฮ่องเต้

ฮ่องเต้เชื่อใจหลี่เม่ามาโดยตลอด แม้จะรู้สึกโกรธ ทว่า ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงรู้สึกว่าเขาและหลี่เม่าเป็นคนหัวอกเดียวกัน

บุตรชายของหลี่เม่าถูกไป๋ชิงเหยียนจ้องเล่นงาน จากนั้นถูกไป๋ชิงเหยียนหักขา

โอรสของเขาก็ถูกไป๋ชิงเหยียนจ้องเล่นงานเช่นเดียวกัน ต่อมาหญิงสาวบีบบังคับฮ่องเต้อย่างเขาจนต้องถอดยศโอรสที่เกิดจากฮองเฮาของตัวเองจนกลายเป็นสามัญชนธรรมดา เนรเทศไปอยู่หย่งโจว

ทว่า ใต้หล้านี้ต่อให้เป็นครอบครัวของชาวบ้านธรรมดา หากมีบุตรมาก…ย่อมมีบุตรสองสามคนที่เกเรอยู่แล้ว ผู้ปกครองของครอบครัวใดไม่ช่วยเก็บกวาดแก้ปัญหาให้บุตรของตัวเองบ้าง

ทุกตระกูลต้องทำเหมือนตระกูลไป๋แห่งจวนเจิ้นกั๋วกง…เมื่อบุตรทำผิดต้องลงโทษอย่างหนักโดยไม่สนความสัมพันธ์ส่วนตัวหรืออย่างไรกัน

ในเมืองหลวงแห่งนี้ ขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ที่ช่วยตามแก้ปัญหาที่บุตรหลานของตัวเองสร้างไว้มีอยู่ไม่น้อย หลู่เซียงก็ตามเช็ดล้างให้หลานชายคนเล็กผู้ไม่เอาไหนของเขาทุกวันไม่ใช่หรืออย่างไรกัน

กล่าวได้เพียงว่าหลี่เม่าโชคร้ายที่ถูกไป๋ชิงเหยียนจ้องเล่นงาน และต้องโทษหลี่เม่าที่จัดการแก้ปัญหาของบุตรชายได้ไม่ดีพอจึงโดนไป๋ชิงเหยียนจับได้

ทว่า ฮ่องเต้ไม่กล้ากล่าวเช่นนี้กับหลี่เม่า

“ช่างเถิด…” ฮ่องเต้มองดูหลี่เม่าที่คุกเข่าร้องไห้อยู่บนพื้น กล่าวกับหลี่เม่าที่รู้สึกผิดตรงๆ “เจ้าทำไปเพราะรักบุตรของเจ้า รอให้บุตรของเจ้ารักษาตัวให้หายดีก่อน เพียงแค่บีบให้คนฆ่าตัวตายแต่ไม่ได้ลงมือสังหารด้วยตัวเอง ทว่า การฉุดคร่าภรรยาของผู้อื่น ตามกฎหมายแล้วต้องถูกเนรเทศไปอยู่ที่ชายแดนอย่างน้อยยี่สิบปี ไม่อย่างนั้นก็ต้องหักขาทั้งสองข้างของเขา! ในเมื่อเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ตัดสินใจแทนเจ้าแล้ว ก็เอาตามนี้เถิด! เจ้าอบรมสั่งสอนบุตรไม่ดี หักเงินเดือนครึ่งปี เมื่อกลับไปจงนำเงินไปชดเชยให้ครอบครัวผู้เสียหายด้วย เรื่องนี้จัดการตามนี้ก็แล้วกัน”

ฮ่องเต้นึกถึงไป๋ชิงเหยียนที่ชอบทำให้คนปวดศีรษะขึ้นมา หลับตาลงพลางกล่าวขึ้น “ส่วนทางเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เจ้าไม่ต้องกังวล ไปเถิด…”

“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เม่าเงยหน้ามองฮ่องเต้อย่างซาบซึ้ง จากนั้นก้มศีรษะแนบพื้น “กระหม่อมไม่อาจช่วยแบ่งเบาภาระของฝ่าบาทได้ ทั้งยังทำให้ฝ่าบาททรงกังวลพระทัย ที่จริงกระหม่อมสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ! ทว่า ฝ่าบาททรงเมตตากระหม่อม ต่อให้กระหม่อมต้องตายก็จะตอบแทนฝ่าบาทให้ได้พ่ะย่ะค่ะ ชาตินี้กระหม่อมจะอุทิศทั้งชีวิตเพื่อฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”

“เอาเถิด ไม่ต้องกล่าวถ้อยคำมากมายหรอก ไปเถิด” ฮ่องเต้เอนกายพิงหมองอิงลายมังกรทอง โบกมือไล่หลี่เม่า

หลี่เม่าลุกขึ้นยืนอย่างนอบน้อม เดินโค้งกายออกจากท้องพระโรง จนเมื่อเดินไปถึงหน้าประตูจึงหยัดกายตรง

เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แม้จะโดนหักเงินเดือนครึ่งปี ทว่า ขอแค่ฮ่องเต้ยังเชื่อใจเขาก็พอแล้ว

หลี่เม่ากำหมัดแน่น ก้าวเท้าเดินออกไปนอกวังหลวง สำหรับเขาแล้วสิ่งใดก็ไม่สำคัญเท่ากับความเชื่อใจจากฮ่องเต้และว่าที่ฮ่องเต้องค์ใหม่

สิ่งที่แตกต่างที่สุดระหว่างเขากับไป๋เวยถิงก็คือไป๋เวยถิงมีคุณธรรมสูงส่ง ได้รับการยกย่องจากชาวบ้านทั่วทุกแห่งหน ไม่เคยต้องละอายต่อฟ้าดิน

ส่วนเขา…ไม่ใส่ใจว่าชาวบ้านจะมองเขาเช่นไร ไม่สนความรู้สึกละอายใจ เขาสนใจเพียงแค่ฮ่องเต้จะมองเขาเช่นไร

ขอเพียงจดหมายเหล่านั้นไม่มีอยู่บนโลกนี้แล้ว หรือฮ่องเต้ไม่มีทางทอดพระเนตรเห็นมันอีกเลยตลอดชีวิต เขาก็ไม่มีสิ่งใดต้องกลัวอีก

หลังจากหลี่เม่าจากไป ฮ่องเต้เรียกองค์รัชทายาทมาพบ ให้องค์รัชทายาทไปบอกกับไป๋ชิงเหยียนว่าเขารับรู้เรื่องของหลี่เม่าแล้ว ในเมื่อไป๋ชิงเหยียนหักขาทั้งสองข้างของบุตรชายของหลี่เม่าแล้ว อีกทั้งเขาหักเงินเดือนของหลี่เม่าครึ่งปีแล้วก็ขอให้เรื่องนี้จบลงเพียงเท่านี้

ฮ่องเต้สั่งให้องค์รัชทายาทนำของกำนัลไปให้ไป๋ชิงเหยียนด้วยตัวเอง แม้ว่าส่วนตัวเขาจะไม่พอใจในตัวไป๋ชิงเหยียนมากเพียงใด ทว่า เขาต้องแสดงให้ชาวบ้านเห็นว่าฮ่องเต้ตบรางวัลให้ไป๋ชิงเหยียนเพราะหญิงสาวทำไปเพราะรักชาวบ้าน

เมื่อองค์รัชทายาทรับรู้ข่าวนี้ก็ตะลึงไปชั่วครู่ นึกไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะใช้วิธีเด็ดขาดอย่างการหักขาของบุตรชายของหลี่เม่าเช่นนี้

ฉินซ่างจื้อเดาความคิดของไป๋ชิงเหยียนไม่ออก กระทั่งลอบปาดเหงื่อแทนไป๋ชิงเหยียนอยู่ในใจ เพราะ

หลี่เม่าไม่ใช่คนใจกว้างที่จะยอมให้ผู้ใดมาหาเรื่องได้ง่ายๆ

ผู้ใดจะคิดว่าหลี่เม่าจะเข้าวังไปสำนึกผิดกับฮ่องเต้ด้วยตัวเอง อีกทั้งกล่าวชมใจที่รักชาวบ้านของไป๋ชิงเหยียนอีกด้วย

ความตาลปัตรนี้ทำให้ฉินซ่างจื้อจับต้นชนปลายไม่ถูก

อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายอย่างหลี่เม่าจะถูกไป๋ชิงเหยียนรังแกจนหวาดกลัวง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ

ฉินซ่างจื้อหรี่ตาแคบลง หรือว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่กุมความลับบางอย่างของหลี่เม่าเอาไว้ เขาจึงต้องยอมจำนนเช่นนี้กันนะ

ทว่า ฉินซ๋างจื้อไม่ได้บอกเรื่องที่เขาสงสัยให้องค์รัชทายาทฟัง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้มีพระคุณของเขา เขาไม่อาจแพร่งพรายให้องค์รัชทายาทรับรู้ได้

ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มลง บนถนนสายยาวมีร้านค้าตั้งเรียงรายมากมาย ภายในโรงเหล้าและโรงน้ำชาสว่างไสวไปด้วยแสงจากโคมไฟด้านใน ทว่า โคมไฟที่แขวนอยู่ใต้หลังคากระเบื้องด้านนอกยังคงดับสนิท

แสงตะวันที่ใกล้ลับขอบฟ้าสาดส่องไปยังเกือบครึ่งของเมืองหลวงจนระยิบระยับเป็นแสงทองอร่าม

องค์รัชทายาทนำของกำนัลและคำตรัสชมจากฮ่องเต้ไปให้ไป๋ชิงเหยียนที่จวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ด้วยตัวเอง

ขนาดฮ่องเต้ยังตรัสชมไป๋ชิงเหยียน ผู้อื่นในเมืองหลวงจะกล้าตำหนิไป๋ชิงเหยียนได้อย่างไรกัน

ไม่นาน ท้องฟ้าทางฝั่งตะวันตกมืดสนิทลง องค์รัชทายาทก้าวออกมาจากจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่

ต่งซื่อพาคนในตระกูลออกมาส่งองค์รัชทายาทที่ด้านหน้า ย่อกายทำความเคารพอย่างนอบน้อม

องค์รัชทายาทอมยิ้มเล็กน้อย “จวิ้นจู่ ขอสนทนาเป็นการส่วนตัวสักครู่”

บัดนี้องค์รัชทายาทเห็นไป๋ชิงเหยียนเป็นพวกเดียวกันแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือนไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวว่าจะไปส่งองค์รัชทายาทที่หน้ารถม้า ได้ยินองค์รัชทายาทกล่าวขึ้น ”ต่อไปเวลาจวิ้นจู่ทำสิ่งใดจงรอบคอบมากกว่านี้ อย่าเอาแต่ใช้วิธีทำลายคนเหมือนยามออกรบ เรื่องนี้เจ้าสามารถรายงานให้เราเป็นคนจัดการได้ เหตุใดต้องไปล่วงเกินอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายด้วย หลี่เม่าไม่ใช่คนใจกว้างสักเท่าใดนัก”

ไป๋ชิงเหยียนรีบย่อกายทำความเคารพองค์รัชทายาท “ขอบพระคุณองค์รัชทายาทที่กล่าวเตือนเพคะ ฝ่าบาทพระวรกายไม่แข็งแรง บัดนี้องค์รัชทายาททรงดูแลบ้านเมืองแทนฝ่าบาท ลำบากมากพออยู่แล้ว เหยียนจะกล้านำเรื่องนี้ไปรบกวนได้อย่างไรเพคะ”

“แม้อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายจะไม่ใช่คนใจกว้าง ทว่า หลี่หมิงถังกระทำความผิดก่อน เหยียนเกรงว่าหากเรื่องนี้จัดการอย่างลับๆ คนตระกูลสูงศักดิ์คนอื่นๆ อาจเอาเป็นแบบอย่างได้เพคะ หากเรื่องนี้แพร่งพรายไปทั่วทั้งราชสำนัก หากองค์รัชทายาทได้สืบทอดบัลลังก์เรื่องนี้จะกลายเป็นปัญหาภายหลังได้เพคะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้องค์รัชทายาทรู้สึกดีใจมาก ที่แท้ไป๋ชิงเหยียนลงมือกับหลี่เม่าอย่างโหดร้ายเช่นนี้เพื่อเขาเองหรือ

องค์รัชทายาทพยักหน้า น้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเดิม “แม้จะเป็นเช่นนี้ ทว่า…”