บทที่ 314 เจียวเจียวอันธพาล (2)
ก่อนที่ทั้งสองจะขึ้นรถ หนิงอ๋องได้ส่งองครักษ์นายหนึ่งไปแจ้งรุ่ยอ๋องที่วังหลวงแล้ว รุ่ยอ๋องมาจึงรออยู่หน้าจวนอย่างร้อนใจ
เห็นกู้เจียวอุ้มคนลงมา เขาก็สาวเท้าไปหาราวกับลูกธนู รับรุ่ยอ๋องเฟยจากอ้อมอกกู้เจียว
เขามองไปยังรุ่ยอ๋องเฟย ไม่ว่าอย่างไรก็ปิดความกังวลแววตาไม่มิด “นะ…นางไม่เป็นไรกระมัง”
กู้เจียวเอ่ย “ไม่ได้เป็นอะไรมาก หลับสักตื่นก็ดีขึ้นแล้ว”
แรกๆ รุ่ยอ๋องเฟยสลบไปจริงๆ แต่ระหว่างทางนางฟื้นขึ้นมาแล้ว จากนั้นก็ร้องห่มร้องไห้อยู่พักหนึ่งจนเหนื่อย ยามนี้จึงได้หลับไปจริงๆ
รุ่ยอ๋องเอ่ยอย่างเดือดดาล “คนพวกนั้นทำเกินไปแล้ว ใต้ฝ่าพระบาทแท้ๆ ก็ยังกล้ากระทำการโฉดชั่ว ทำให้แม่นางเสียขวัญเสียแล้ว”
เห็นได้ชัดเลยว่ารุ่ยอ๋องคิดว่าพวกมือสังหารพุ่งเป้าไปที่รุ่ยอ๋องเฟย อย่างไรเสียกู้เจียวก็เป็นเพียงหมอหญิงตัวเล็กๆ ใครจะมาเป็นอริกับนางได้
“ขอตัวก่อน” กู้เจียวหันหลังจะกลับ
“ช้าก่อนแม่นางกู้” รุ่ยอ๋องเรียกกู้เจียวไว้
“มีธุระใดรึ” กู้เจียวมองเขา
รุ่ยอ๋องไร้ซึ่งมาดองค์ชายแม้แต่น้อย นี่เกี่ยวข้องกับชาติกำเนิดของเขา และเกี่ยวข้องกับนิสัยส่วนตัวของเขาด้วย เขามองกู้เจียวอย่างจริงใจ “ขอบคุณแม่นางกู้”
องค์ชายแห่งแคว้นสามารถขอบคุณหมอหญิงคนหนึ่งได้ก็น่ายกย่องยิ่งแล้ว
“เรื่องในวันนี้ ไม่ต้องขอบคุณหรอก” รุ่ยอ๋องเฟยอาจจะโดนลูกหลงเพราะนางก็ได้
รุ่ยอ๋องยิ้มขื่น “ต่อให้ไม่มีเรื่องในวันนี้ข้าก็ต้องขอบคุณแม่นางกู้อยู่ดี นิสัยเชียนเชียนตรงไปตรงมานัก จึงล่วงเกินคนอื่นได้ง่าย สหายนางมีไม่เยอะ อันที่จริงนางอยู่ที่จวนก็เหงาไม่น้อย แม่นางกู้เป็นสหายที่ล้ำค่ายิ่งของนาง หวังว่าแม่นางกู้ว่างๆ จะมานั่งเล่นที่จวนบ้าง”
สหายอย่างนั้นรึ
คำนี้ช่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
เหมือนกับที่นางเคยไร้ครอบครัว อันที่จริงนางไม่มีเพื่อนเลยสักคน
“เพคะ” กู้เจียวเอ่ย
รุ่ยอ๋องจึงยิ้มอย่างดีใจ
รถม้าของจวนหนิงอ๋องไปส่งกู้เจียวกลับไป
กู้เจียวไปโรงหมอ
มือนางได้รับบาดเจ็บ มีเศษไม้และเศษหินตำเข้าเนื้อ ต้องจัดการพวกมันออกมา นางเพิ่งลงจากรถม้าก็เจอเข้ากับหลิ่วอีเซิงที่มาซื้อยาจากโรงหมอ
หลิ่วอีเซิงมาซื้อยาให้อาหนู เพราะอาหนูไอ
เขาเห็นมือขวาที่แข็งทื่อของกู้เจียวภายในแวบเดียว จึงถามนาง “มือเจ้าไปโดนอะไรมารึ”
กู้เจียวตอบ “แผลเล็กน้อย ไม่ได้เป็นอะไร”
หลิ่วอีเซิงเอ่ย “เมื่อครู่ข้าเห็นองครักษ์จวนจิงจ้าวเคลื่อนไหว บอกว่ามีการลอบสังหารเกิดขึ้นที่ชานเมือง หนิงอ๋องเป็นคนรายงาน”
แววตากู้เจียวไร้ความตกใจแม้แต่น้อย
หลิ่วอีเซิงมองนางอย่างลุ่มลึก “เจ้ารู้รึ เจ้า…ก็อยู่ด้วยรึ”
“อืม” กู้เจียวขานรับ ไม่ได้เอ่ยอะไรมากก็กลับไปทายาที่เรือน
หลิ่วอีเซิงมองตามหลังนางไปพร้อมกับคิ้วที่ขมวด
ตกค่ำ
หยวนถังแอบเข้ามาในเรือนของหลิ่วอีเซิงอย่างเงียบๆ ก่อนยิ้มเอ่ยกับหลิ่วอีเซิงที่กำลังสานตะกร้าไผ่ “ดึกดื่นเพียงนี้แล้ว ท่านพี่เรียกข้ามาหาคงไม่ใช่ว่าคิดถึงหรอกกระมัง”
“เจ้าเป็นคนทำใช่หรือไม่” หลิ่วอีเซิงเอ่ยเข้าประเด็นทันที
“ข้าทำอะไรรึ” หยวนถังมึนงง
หลิ่วอีเซิงมองเขาตาไม่กะพริบด้วยดวงตาคมกริบ “หยุดเสแสร้งที”
หยวนถังขมวดคิ้ว “ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพี่พูดจริงๆ”
หลิ่วอีเซิงเบนสายตาไปมองบั้นเอวของเขา “พู่ที่หยกของเจ้าไปไหนแล้วล่ะ”
หยวนถังกระแอมเบาๆ “ขาดน่ะ เลยเอาวางไว้”
หลิ่วอีเซิงเอ่ยเสียงเรียบ “ทำเรื่องไม่ดีแล้วโดนคนเขาเก็บไปต่างหากกระมัง”
“ใครทำเรื่องไม่ดีกัน…ช้าก่อน…เดี๋ยว!” หยวนถังนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาเบิกโตเท่าไข่ห่าน “เด็กคนนั้นมาหาเจ้ารึ นางถามเจ้าเรื่องพู่รึ ข้าว่าแล้วเชียวจู่ๆ นางจะเดาตัวข้าได้ได้อย่างไร ท่านพี่เอาข้าไปขายเช่นนี้ได้อย่างไร”
หลิ่วอีเซิงไม่ได้บอกไปว่าตัวเองไม่ได้ขายเขา กู้เจียวเป็นคนเดาออกเอง ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่ได้ตระเตรียมอะไรกับตนก่อน ให้ตนอย่าได้พลั้งปากบอกเรื่องพู่ของตน
เขามองหยวนถังอย่างเย็นชา “เรื่องชั่วที่เคยทำไว้ ยังไงก็ปรากฏขึ้นในสักวัน”
หยวนถังกุมหน้าอก “ข้าเจ็บนัก เจ็บที่ใจ”
หลิ่วอีเซิงไม่ใจอ่อนสักนิด “ก็เพราะเจ้าทำเรื่องไม่ดีถูกนางรู้เข้า เจ้าจึงจะฆ่านางปิดปากใช่หรือไม่”
เขาไม่ได้ถามรายละเอียดเรื่องราวกับหยวนถัง แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าต้องเกี่ยวกับเรื่องที่ฮ่องเต้โดนลอบสังหารหลายวันก่อนแน่
หยวนถังหมดท่า “หมายความว่าอย่างไร เกิดเรื่องกับเด็กคนนั้นรึ”
หลิ่วอีเซิงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าบอกว่าอย่ามาเสแสร้งต่อหน้าข้าอย่างไรเล่า”
หยวนถังโดนใส่ความยิ่งนัก “ข้าเปล่านะ! ฟ้าดินเป็นพยาน นางเป็นคนที่ท่านพี่สนใจ ข้าจะไปแตะต้องนางได้อย่างไร”
หลิ่วอีเซิงขมวดคิ้ว หลบตาลง ก่อนสานตะกร้าในมือต่อ “ข้ากับนางหาใช่ความสัมพันธ์อย่างที่เจ้าคิด”
หยวนถังหัวเราะคิกคักเอ่ย “เอาละ เอาละ ท่านพี่ว่าอย่างไรก็อย่างนั้นแหละ”
หลิ่วอีเซิงมองเขาอีกหน “ไม่ใช่เจ้าจริงๆ รึ”
หยวนถังชูนิ้วขึ้นสองนิ้ว “ข้าสาบานได้เลยว่าไม่ใช่ข้า! ข้าไม่มีทางทำร้ายนางหรอก!”
หลิ่วอีเซิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ทางที่ดีเจ้าจำคำพูดวันนี้เอาไว้ด้วย”
หยวนถังแหงนมองฟ้าอย่างจนปัญญา “จำอยู่แล้ว นี่เป็นคำสัญญาที่ข้ามีให้ท่านพี่ แต่ว่านะท่านพี่ ท่านใส่ใจข้าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
หลิ่วอีเซิงเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าขาดคนเอาใจใส่เจ้ารึ”
หยวนถัง “ไม่ขาด”
เสด็จแม่เขาเป็นที่โปรดปรานในวังหลังและรักเอ็นดูเขามาก กษัตริย์แห่งแคว้นก็ให้ความสำคัญกับเขา ตำแหน่งฮองเฮาแคว้นเฉินว่างอยู่หลายปี รอเพียงเขาเสร็จสิ้นภารกิจมีชัยกลับไป กษัตริย์ก็จะแต่งตั้งเขาเป็นไท่จื่อ และแต่งตั้งเสด็จแม่เขาเป็นฮองเฮา
เรียกได้ว่าเขาสามารถมีทั้งหมดที่องค์ชายคนหนึ่งจะมีได้
“แต่พวกเขาไม่ใช่ท่านพี่นี่นา” หยวนถังถอนหายใจ “ไม่ว่าอย่างไรท่านพี่ก็ดีกับข้าบ้างไม่ได้เลยหรือ”
…
เพียงไม่นานกู้เจียวก็จัดการบาดแผลบนมือเรียบร้อย แผลเล็กน้อยนี้สำหรับนางแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย หลังกลับบ้านมาควรทำอะไรก็ทำ ไม่ได้แตกต่างจากยามปกติเลยสักนิด
ทว่าก็ยังมีคนตาดีสัมผัสได้ว่านางแปลกไปอยู่ดี
นางเพิ่งจะหอบเสื้อผ้าอวี้หย่าร์ที่พับแล้วเข้าห้องมา เซียวลิ่วหลังก็เดินตามหลังนางเข้ามาด้วย
น้อยมากนักที่เขาจะเป็นคนเดินเข้าห้องนางเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการขวางประตูนางเช่นนี้เลย
กู้เจียวหันหน้ามามองเขาตาปริบๆ “ทำไมรึ”
เซียวลิ่วหลังไม่ได้ตอบ แต่เดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว แล้วปิดประตูด้านหลัง
กู้เจียวเห็นเขาเดินตามตัวเองเข้าห้องกลางวันแสกๆ ซ้ำยังปิดประตูอีก ท่าทางเหมือนจะทำเรื่องไม่ดีอย่างไรอย่างนั้น ดวงตานางจึงเป็นประกายขึ้นมาทันที
พอเซียวลิ่วหลังเห็นแววตานางก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไรแปลกๆ อยู่ เขาอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมไปแง้มประตูห้องไว้เล็กน้อย
“อ๋อ”
กู้เจียวผิดหวัง
เซียวลิ่วหลัง “…”
กู้เจียวนั่งอยู่บนหัวเตียง ฟุบหน้าซุกเสื้อผ้าตัวเอง
เซียวลิ่วหลังเดินไปตรงหน้านาง
“มือเป็นอะไรรึ” เขาถาม
“ไม่ได้เป็นไร” กู้เจียวบอก
ตอนที่นางปกติดีก็มักจะงอแงให้เขาดู ให้เขาลูบ พอเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็จะซุกซ่อนไว้
เซียวลิ่วหลังครานี้ไม่ปล่อยนางไปง่ายๆ เขาฝืนจับข้อมือนางไว้ นำพากลิ่นอายที่ไม่อาจปฏิเสธได้รวมถึงความร้อนเฉพาะตัวเขาจากฝ่ามือมาด้วย
ข้อมือเย็นเยียบของกู้เจียวพลันร้อนขึ้นมาทันที
กู้เจียวหันไปมองเขาอย่างตกตะลึง
เซียวลิ่วหลังนั่งลงข้างนาง พลิกมือนางมา ปลายนิ้วเรียวยาวขาวดุจหยกค่อยๆ ดันนิ้วนางออกเบาๆ เผยให้เห็นฝ่ามือที่เต็มไปด้วยบาดแผล
การจัดการบาดแผลก็ไม่ได้พิถีพิถันอะไรนัก
“เจ้ารักษาแผลให้คนอื่นเสียดิบดีนัก เหตุใดพอตัวเองมาเป็นเองกลับ…” เซียวลิ่วหลังโกรธยิ่งนัก ไม่รู้ว่าจะพูดต่ออย่างไรดี
หมอไม่รักษาให้ตัวเองและไม่ได้ทำลวกๆ เช่นนี้ด้วย
กู้เจียวเอ่ย “มันไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องจัดการหรอก”
“ยาล่ะ” เซียวลิ่วหลังถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมยิ่ง
กู้เจียวชำเลืองมองกล่องยาบนโต๊ะ
อยู่นั่นไง มีปัญญาก็ไปเอาเองสิ
ดูซิว่าเจ้าจะเปิดมันออกหรือไม่!
เซียวลิ่วหลังยื่นไปหยิบ เสียง ‘แคว่ก’ ดังขึ้นก่อนจะเปิดออก
กู้เจียว “!?”
เมื่อครู่ลืมล็อกหรือ
“อันไหนคือยาทำแผลรึ” เซียวลิ่วหลังถามอย่างสงสัย
“ก็…” กู้เจียวเอ่ยพลางกวาดตามองไป ก่อนที่ดวงตาแทบจะถลนออกมา!
น้ำยาฆ่าเชื้อของนางล่ะ ครีมต้านเชื้อแบคทีเรียของนางล่ะ เหตุใดจึง…จึง…
นางไม่เชื่อจึงดึงกล่องยามา แล้วเทโครมๆ ลงบนเตียง มีแต่ถุงยางอนามัยเต็มเตียงเลย!
บางเฉียบดุจฝัน ไร้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่ ให้ความชุ่มชื้นทรีอินวัน…
กู้เจียว “???”
กู้เจียว “!!!”
กล่องยาเสียสติไปแล้วหรือไร ยาของนางล่ะ ยาล่ะ ยา!
“นี่เป็นยาหรือไม่” เซียวลิ่วหลังชินแล้วกับยาที่ตัวเองไม่เคยเห็นของนาง เขาหยิบขึ้นมาฉีกออก
กู้เจียวรู้สึกว่าสตินางขาดผึง
เซียวลิ่วหลังร้องเอ๋ขึ้น “ลื่นนัก”
หยุดพูดได้แล้ว ภาพมาแล้ว!!!