รัชศกอู่เวยปีที่ยี่สิบสี่เดือนห้า จักรพรรดิแต่งตั้งบุตรจิ้งเจียงอ๋องเป็นองค์หญิง พระราชทานสมรสกับฉินชิงบุตรชายแม่ทัพใหญ่ฉินอี๋ บ้างว่าล้วนเป็นเพราะลี่อ๋องผลักดันเรื่องนี้
…พงศาวดารต้ายง พระประวัติลี่อ๋อง
ระหว่างทางกลับ ยงอ๋องสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยว่า สุยอวิ๋น ท่านจงวางใจ ภายหน้าข้าจะสังหารหลู่จิ้งจงแทนท่านแน่
ข้าหัวเราะอย่างเฉยเมย เหตุใดองค์ชายต้องโกรธเคืองเล่า สมควรดีใจจึงจะถูก หลู่จิ้งจงถนัดการลอบเล่นงานจุดอ่อน แต่เลินเล่อในการปกป้องตนเอง ยามเขาคิดแผนการออกอุบายให้รัชทายาท แม้เดินหนึ่งก้าวคิดสามแผน แต่สามแผนไม่บรรลุผลสักทาง นี่มิใช่เรื่องดีหรือ อีกประการหนึ่งหากรังคว่ำลงมาแล้ว ยังจะเหลือไข่ฟองใดไม่แตก คนผู้นี้กระหม่อมไม่คิดเก็บมาใส่ใจ ผู้ที่กระหม่อมกังวลกลับเป็นหลี่หันโยว สตรีนางนี้สติปัญญาล้ำหน้าผู้อื่นอย่างแท้จริง ท่วงท่ากิริยาล้วนล่อลวงหัวใจผู้คน ครั้งนี้ผู้ชนะคือนาง ฉินชิงคงหนีไม่พ้นฝ่ามือของนางแล้ว แม้แต่องค์ชายก็เกือบจะหวั่นไหวเหมือนกันมิใช่หรือ
หลี่จื้อเอ่ยอย่างอับอาย สุยอวิ๋นล้อเล่นแล้ว
ข้าเปลี่ยนสีหน้าแล้วเอ่ยต่อว่า สตรีนางนี้เป็นทั้งศิษย์สำนักเฟิงอี้ เป็นทั้งสตรีเชื้อพระวงศ์ ไม่แปลกที่เล่ห์กลลึกล้ำซ่อนเร้น รูปโฉมกิริยาไม่หยิ่งยโส ฉินชิงจะตกหลุมรักนางก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ข้าคิดว่าหากมิใช่แม่ทัพใหญ่ฉินหาข้ออ้างปฏิเสธอยู่ เรื่องนี้ก็คงสำเร็จไปนานแล้ว องค์ชายต้องระวังนางไว้ หากนางตบแต่งกับฉินชิง ฐานะคงยิ่งสูงส่ง เกรงว่าวันหน้าผู้ที่ขัดขวางการใหญ่ขององค์ชายคงเป็นสตรีนางนี้
หลี่จื้อเอ่ยอย่ากังวลใจ หากฉินชิงแต่งกับนางจริง ถ้าเช่นนั้นน่ากลัวว่าคงไม่ดีแล้ว แม้แม่ทัพใหญ่ฉินจะเด็ดขาดเที่ยงธรรม แต่หากการแต่งงานเกิดขึ้นจริง เช่นนั้น… หลี่จื้อไม่พูดต่อ แต่ข้ารู้ความนัยที่ไม่ได้เอ่ยออกมา
ข้าโบกมือแล้วตอบว่า องค์ชายโปรดวางใจ แม้ฉินชิงเป็นบุตรคนโตของแม่ทัพใหญ่ แต่มิได้มีผลกระทบต่อแม่ทัพใหญ่นัก แม้ความผูกพันระหว่างบิดาบุตรอาจส่งผลต่อความคิดและนิสัย แต่แม่ทัพใหญ่ผู้ขบคิดเพื่อตระกูลไม่มีทางสร้างความลำบากให้องค์ชายแน่ ยิ่งไปกว่านั้น คนสนิทของแม่ทัพใหญ่ยังมีฉินหย่งอีกคน หากดึงคนผู้นี้มาเป็นพวกได้ องค์ชายย่อมมิต้องกังวลแล้ว
หลี่จื้อเอ่ยขึ้นว่า ฉินหย่งแน่วแน่ภักดีต่อแม่ทัพใหญ่ จะชักชวนมาได้เช่นไรเล่า
ข้าขยับยิ้ม เรื่องนี้มอบให้กระหม่อมจัดการเถิด หากองค์ชายชักชวนคนยามนี้กลับจะทำให้รัชทายาทและแม่ทัพใหญ่ไม่พอใจ กระหม่อมมีหนทางทำให้เขามารับใช้องค์ชายอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
หลี่จื้อพยักหน้าตอบว่า เรื่องนี้คงต้องยกให้ท่านแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง กลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วนี่ช่างเหิมเกริม เสด็จพ่อต้องส่งแม่ทัพเดินทางไปกวาดล้างแน่ ข้าคิดจะเสนอจ่างซุนจี้ เขาเฉลียวฉลาดทำงานเก่ง วรยุทธ์สูงส่งเป็นตัวเลือกชั้นเยี่ยม ท่านคิดว่าอย่างไร
ข้ากลับเอ่ยว่า องค์ชาย หากแม่ทัพจ่างซุนไปทำงานนี้ ต่อให้หาหลักฐานอันใดที่เกี่ยวพันกับรัชทายาทพบก็เกรงว่าจะถูกสงสัย หากกระหม่อมคาดเดาไม่พลาด รัชทายาทคงจะเสนอให้ฉีอ๋องไปทำงานชิ้นนี้ เพราะอย่างไรรัชทายาทก็ไม่มีแม่ทัพผู้เจนศึกใต้บังคับบัญชา
หลี่จื้อติงว่า หากเป็นเช่นนี้ ไยมิใช่ไม่อาจได้หลักฐานอันใดมา
ข้าหัวเราะ ความจริงรัชทายาทกับองค์ชายต่างร้อนใจเกินไป กลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วลอบจู่โจมคลังกองทัพ นี่เป็นเพียงการก่อความวุ่นวายเล็กๆ หากรัชทายาทมิใช่วัวสันหลังหวะจะรีบร้อนส่งคนไปกวาดล้างได้เช่นไร เดิมทีองค์ชายก็มิจำเป็นต้องออกตัวข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยามนี้การกระทำของรัชทายาทยังไม่ถูกเปิดเผย หากองค์ชายเปิดโปงเรื่องนี้ ฝ่าบาทคงคลางแคลงแรงจูงใจขององค์ชายอย่างมิอาจเลี่ยง การที่รัชทายาทเสนอให้ฉีอ๋องไปทำงานนี้เป็นการพยายามปิดแต่ยิ่งเปิด ความตายของชุยยางจุดความสงสัยให้ราชสำนักแล้ว เรื่องกรมคลังกำลังก้ำกึ่ง หากรัชทายาทเสนอฉีอ๋องขึ้นมา องค์ชายมิสู้ลองกล่าวว่าเรื่องเล็กน้อยเท่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้แม่ทัพใหญ่ ให้ฉินชิงไปก็พอ หากฉินชิงสร้างความดีความชอบ ฝ่าบาทจะพระราชทานสมรสย่อมเหมาะควรแก่เหตุผล ฝ่าบาทก็คงคิดว่าตระกูลฉินที่เป็นกลางค่อนข้างเหมาะสมกว่า ข้าคิดว่าตัวเลือกคนนี้ ฝ่าบาทไม่มีทางปฏิเสธ
หลี่จื้อดวงตาทอประกายวูบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า ยิ่งไปกว่านั้น ยังยุแยงตระกูลฉินกับสำนักเฟิงอี้ให้แตกกันได้ด้วย หากสำนักเฟิงอี้ดึงดันจะขัดขวาง การแต่งงานครั้งนี้ต้องล่มแน่นอน
ข้ายิ้มแย้มเอ่ยว่า ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรล้วนไม่มีผลประโยชน์กับองค์ชาย ความจริงแล้วกระหม่อมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่ากลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วจะลงมือเช่นนี้ ฮั่วจี้เฉิงเป็นคนไร้เหตุผลแต่ก็เป็นคนเด็ดขาด ไม่แปลกที่จวบจนวันนี้กลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วยังไม่ถูกกวาดล้างหมดสิ้น
หลี่จื้อถอนหายใจ สุยอวิ๋น ข้ารู้สึกว่าเรื่องราวบนโลกนี้มิมีเรื่องใดไม่อยู่ในกำมือท่าน โชคดีที่สุดท้ายท่านเลือกปกป้องข้า มิเช่นนั้นข้าคงกินไม่ได้นอนไม่หลับจริงๆ
ใบหน้าของข้าเผยสีหน้าเปลี่ยวเหงาออกมา หลี่จื้อตกใจถามขึ้นว่า สุยอวิ๋นเป็นอะไร ข้าพูดอันใดผิดไปหรือ
ข้ายิ้มบางแล้วโยนความความกลัดกลุ้มใจทิ้ง พลางคิดในใจว่าแม้ใจข้าป่วยเป็นโรคเรื้อรัง แต่หากข้าสงบใจรักษาตัวก็ไม่แน่ว่าจะอายุยืนถึงร้อยปีมิได้ แม้การฟาดฟันเล่ห์เหลี่ยมเหล่านี้มีแต่จะทำลายชีวิตข้า แต่ภายในไม่กี่ปีนี้ข้าย่อมคุ้มครองยงอ๋องขึ้นนั่งบัลลังก์สำเร็จ เมื่อถึงเวลาใต้หล้ากว้างใหญ่ไพศาล ข้าจะหาสถานที่ปลดเกษียณมิได้เชียวหรือ ทะเลสาบเขียวคราม วันนี้สหายจะจรจากลา เสียงเพลงแว่วดังบนนาวา เรือน้อยมิรู้ล่องไปหนใด ข้าท่องบทกวีแผ่วเบา
หลี่จื้อขยับยิ้มถามว่า นี่เป็นบทกวีของผู้ใด เหตุใดฟังดูอิสระเสรีเช่นนี้
ข้าตอบว่า นี่เป็นบทกวีที่กระหม่อมเคยเห็นในหนังสือ มิทราบเช่นกันว่าผู้ใดประพันธ์ องค์ชาย ฝ่าบาทคงใกล้จะเรียกองค์ชายเข้าเฝ้าแล้ว องค์ชายรีบกลับไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เตรียมตัวเถิด กระหม่อมรับปากไว้ว่าจะสั่งสอนแม่ทัพจิง คงไม่ตามไปกับท่านแล้ว
หลี่จื้อหัวเราะ ได้ ข้าจะคอยดูว่าสุยอวิ๋นจะสอนสั่งลูกศิษย์หัวดื้อคนนี้จนได้ดีอย่างไร
ข้าหัวเราะบ้าง หากข้าทำให้เขาแต่งกลอนด้วยตนเองได้สักบท ไม่ทราบองค์ชายจะประทานรางวัลอันใดให้กระหม่อมดีเล่า
หลี่จื้อครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า ตอนนี้ข้าคิดไม่ออก เงินทองสมบัติท่านมิชมชอบ หนังสือตำราท่านก็ล้วนอ่านมาหมดแล้ว หากสุยอวิ๋นต้องการสิ่งใด มิสู้เอ่ยออกมา ข้าล้วนนำมาเป็นรางวัลให้ได้ทั้งสิ้น
ข้าตอบอย่างนอบน้อม องค์ชายกล่าวเกินไปแล้ว แต่มีอยู่เรื่องหนึ่ง ครั้งก่อนองค์ชายบันดาลโทสะเพราะเหตุการณ์ลอบสังหารกระหม่อม เนื่องจากหอสุราเจียงหนานชุนเป็นผู้แนะนำเพชฌฆาตใจทมิฬเข้ามาในจวน แม้องค์ชายไม่สั่งปิดเจียงหนานชุน แต่ก็ให้เจ้าเมืองตรวจเข้ม หลายวันมานี้เจียงหนานชุนมิได้สงบสุขแม้สักวัน ขอองค์ชายโปรดเมตตา อภัยให้ญาติผู้น้องของกระหม่อมด้วย
หลี่จื้อนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ทันที วันนั้นเขาโกรธแทบคลั่ง หากมิใช่กวนซิวเตือนว่าจิงซุ่นชิงเป็นญาติผู้น้องของเจียงเจ๋อ เกรงว่าเขาคงถล่มเจียงหนานชุนเสียแล้ว ทว่าเพราะเจียงหนานชุนถูกลากมาพัวพันกับเรื่องนี้ ช่วงนี้จึงอยู่อย่างยากลำบาก หนึ่งวันราวกับหนึ่งปี ต่อมาเจียงเจ๋อรักษาชีวิตเอาไว้ได้ หลี่จื้อก็ดันลืมเรื่องนี้ไปจนสิ้น ยามนี้เจียงเจ๋อเอ่ยขึ้นมา หลี่จื้อจึงอดกระดากอายไม่ได้ เขารีบเอ่ยว่า ข้าลืมเสียสนิท ความจริงข้าตรวจสอบแล้วว่าญาติผู้น้องของท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร ข้าจะส่งคนไปแจ้งกับเจ้าเมืองเดี๋ยวนี้ นี่นับเป็นรางวัลอันใดได้ เอาเช่นนี้เถิด หากท่านสั่งสอนจิงฉือให้แต่งบทกวีได้ ข้าจะมอบสิ่งนี้เป็นรางวัลให้ท่าน พูดพลางก็ปลดหยกห้อยชิ้นหนึ่งลงมาจากเอวแล้วขยับเล่นในมือ
ข้ารู้ว่าหยกห้อยชิ้นนี้เป็นของพระราชทาน เป็นหยกชั้นเลิศ ทองคำพันตำลึงก็ซื้อไม่ได้ นี่นับว่าเป็นของเดิมพันที่ล้ำค่ายิ่งนัก ข้าแย้มรอยยิ้มเอ่ยขึ้นว่า กระหม่อมทราบมาช่วงหนึ่งแล้ว แต่เดิมทีกระหม่อมคิดจะให้บทเรียนญาติผู้น้องสักหน่อย ให้เขารู้จักคำว่า ‘รอบคอบ’ เสียบ้าง แต่สองวันก่อนน้องสะใภ้ผู้มีคุณธรรมคนนั้นของข้าร่ำไห้มาขอร้อง สตรีอ่อนแอคนหนึ่งเช่นนางจากบ้านเกิดมาอยู่ต่างแดนน่าสงสารยิ่งนัก วันนี้ยังต้องเปิดหน้าก้าวออกจากบ้านมาขอร้อง ข้าย่อมมิอาจไม่ไว้หน้านาง
หลี่จื้อเห็นข้ายิ้มจึงเอ่ยขึ้นว่า ถ้าสุยอวิ๋นแพ้เล่า จะเอาสิ่งใดเป็นเดิมพัน
ข้าครุ่นคิดครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า กระหม่อมได้ของประทานจากองค์ชายมากมายยิ่งนัก หากเสนอของพิเศษอันใดออกมามิได้คงจะแลดูไม่จริงใจ เอาเช่นนี้เถิด หากกระหม่อมแพ้ จะยอมมอบของสิ่งนี้เป็นของเดิมพัน ข้าพูดพลางชี้เข็มขัดหยกบนเอว
หลี่จื้อมองมาอย่างสงสัย แม้เข็มขัดหยกเส้นนี้จะดูน่ามอง แต่ก็เป็นเพียงผืนผ้าที่เย็นแผ่นหยกมันแพะจำนวนหนึ่งเข้าไปเท่านั้น แม้งดงามหรูหราแต่มิได้แกะสลักอย่างประณีต อีกทั้งยังมิใช่หยกน้ำงามชั้นเลิศ จะคู่ควรนำมาเป็นของเดิมพันได้อย่างไร แต่เขาไม่เรื่องมากจึงเอ่ยว่า เช่นนี้ก็ดี เดิมพันด้วยเข็มขัดหยกของท่านก็แล้วกัน
ข้ายิ้มน้อยๆ ตอนนี้ยังมิจำเป็นต้องบอกหลี่จื้อว่าเข็มขัดหยกเส้นนี้เป็นผลงานออกแบบเมื่อไม่กี่วันนี้ของข้า สองวันก่อนเพิ่งให้เสี่ยวซุ่นจื่อไปรับกลับมา ด้านในวางกลไกเอาไว้ ปล่อยเข็มพิษที่อาบพิษรุนแรงได้สามครั้งติดต่อกัน นี่เป็นสิ่งที่เตรียมไว้เพื่อปกป้องตัวข้า หากมีมือสังหารเข้ามาถึงข้างกายข้าอีก ข้าก็ยังมีโอกาสโต้กลับ เข็มขัดหยกเส้นนี้จึงล้ำค่ายิ่งนัก แล้วยังเป็น สินค้าพิเศษของหอกลไกสวรรค์ อีกด้วย
ระหว่างที่สนทนากัน พวกเราก็กลับมาถึงจวนยงอ๋อง เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูก็เห็นองครักษ์ด้านหน้าควบขี่อาชาทะยานมาแต่ไกล ในมือเขาถือราชโองการอยู่ เมื่อเห็นองค์ชายจึงลงจากม้ามาคารวะแล้วเอ่ยว่า องค์ชาย ฝ่าบาทเรียกท่านเข้าวัง
หลี่จื้อรีบตอบว่า รอข้าผลัดอาภรณ์แล้วจะเข้าวังทันที
องครักษ์ผู้นั้นลุกขึ้นยืนแล้วถอยหลังไป รับบัญชา
ตอนต่อไป