ตอนที่ 388

My Disciples Are All Villains

ซู่จิงได้วางลูกประคำเอาไว้บนฝ่ามือข้างขวาอย่างระมัดระวังก่อนที่จะใช้มือซ้ายของตัวเองลูบไปที่ลูกประคำ ตัวเขาได้หันกลับไปพูดกับลู่โจว “ขอบคุณมากท่านปรมาจารย์จี”

เมื่อมีลูกประคำของชาวพุทธ พลังวรยุทธที่ซู่จิงมีก็เพิ่มขึ้นมากขึ้น ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่จะฟื้นฟูความรุ่งเรืองของวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์จะไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป

ลู่โจวลูบเคราของตัวเองอย่างไม่แยแสก่อนที่จะสังเกตการณ์ที่เชิงเขาต่อไป

เมื่อซู่จิงมีลูกประคำชาวพุทธอยู่ในมือ ในตอนนั้นกลิ่นอายรอบตัวของซู่จิงก็ได้เปลี่ยนไป “ตั้งขบวนเขตแดนใหม่ซะ”

“ครับ ท่านเจ้าอาวาส”

ซู่จิงในตอนนี้สวมใส่ลูกประคำที่คอของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เมื่อพลังลมปราณได้พุ่งสูงขึ้น ลูกประคำก็สัมผัสได้ถึงพลังที่กำลังเอ่อล้นเข้ามา มันได้ส่องแสงสีทองตอบรับออกมาอย่างแผ่วเบา

“กระจกแห่งแสง”

สาวกของซู่จิงที่อยู่ด้านหลังได้สวดพระสูตรไปพร้อมๆ กับซู่จิง เสียงของเหล่านักบวชดังฟังชัดกว่าเดิม

ที่ใต้เท้าของเหล่านักบวชมีแสงสว่างส่องประกายขึ้นมา พลังที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งเริ่มขยายขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น ลวดลายอันงดงามและแสงส่องประกายของมันได้ขยายใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง

อีกครั้งที่ชาวศาลาปีศาจลอยฟ้าจะได้พลังที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งขึ้นมา ทุกๆ คนที่กำลังต่อสู้อยู่มองขึ้นไปบนกลุ่มนักบวชที่อยู่บนฟากฟ้า

ซู่ฮ่องกงที่เห็นแบบนั้นพูดออกมาอย่างตื่นเต้น “นักบวชเฒ่า สักวันข้าจะเลี้ยงเครื่องดื่มดีๆ กับเจ้าเอง!”

“อมิตตาพุทธ” เมื่อเอ่ยถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซู่จิงก็เริ่มขมวดคิ้ว ตัวเขาถือว่าเป็นนักบวชคนหนึ่ง เป็นธรรมดาที่จะไม่สามารถดื่มสุราได้

ในขณะเดียวกันฝานลี่เทียนก็ได้โจมตีกงหยวนจนะกระเด็นถอยไปอีกครั้ง ฝานลี่เทียนพยายามที่จะใช้น้ำเต้าของตัวเองโจมตีไปที่ด้านหลังของศีรษะกงหยวนมาโดยตลอด

แต่ถึงแบบนั้นกงหยวนก็ไม่เหมือนกับหุ่นเชิดตัวอื่นๆ ในแง่ของพลังวรยุทธกงหยวนก็มีมากกว่าหุ่นเชิดตัวอื่นๆ มาก และในเรื่องของการตอบสนองเองก็เช่นกัน นอกจากนี้พลังอวตารวิถีพุทธปีศาจของเขาก็ยังปรากฏตัวออกมาเป็นครั้งคราว ด้วยพลังทั้งหมดที่ว่ามาทำให้ฝานลี่เทียนต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี

กงหยวนจ้องมองไปที่ซู่จิงที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อเขาได้เห็นลูกประคำบนคอของซู่จิงกงหยวนก็ดูโกรธมาก กงหยวนที่โกรธแค้นได้ปล่อยพลังฝ่ามือสีดำใส่ฝานลี่เทียนอย่างไม่หยุดยั้ง

พลังวรยุทธของฝานลี่เทียนยังไม่ฟื้นตัวจนเต็มที่ ตัวเขาแทบที่จะไม่สามารถโจมตีกงหยวนโดนด้วยพลังจากน้ำเต้าได้เลย ดูเหมือนว่าฝานลี่เทียนจะไม่สามารถต่อสู้กับกงหยวนตรงๆ ได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ฝานลี่เทียนทำได้แค่หลบการโจมตีเท่านั้น

ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!

พลังฝ่ามือสีดำได้ลอยไปทั่วทั้งอากาศ แต่ถึงแบบนั้นฝานลี่เทียนก็ยังสามารถหลบได้

“ฝานลี่เทียน เจ้ายังไหวสินะ?” เล้งลั่วที่กำลังเคลื่อนหาฝูงหุ่นเชิดได้เอ่ยถามออกมาอย่างเย้ยหยัน

หวืออ!

พลังอวตารที่สูงกว่า 100 ฟุตปรากฏตัวขึ้น

ฝานลี่เทียนได้ตอบกลับมา “ข้าจัดการได้!”

ในตอนนั้นเองพลังจากกระจกแห่งแสงก็ได้ส่องเข้าหาพวกเขาทั้งคู่ พลังที่ว่าได้เพิ่มพลังให้กับฝานลี่เทียน จุดตันเถียนของตัวเขาโปร่งโล่งสบาย ฝานลี่เทียนสามารถเดินพลังลมปราณได้สะดวกสบายมากขึ้นแล้วนั่นเอง

ยิ่งเวลาผ่านไปบนเชิงเขาก็เต็มไปด้วยซากศพ ลู่โจวที่ยืนอยู่ด้านหลังบี่เอี๊ยนกำลังสำรวจพื้นที่ที่อยู่ตรงหน้า หลังจากนั้นลู่โจวก็มองไปยังป่าในระยะไกล

กงหยวนได้ปรากฏตัวออกมาจากป่าส่วนนั้น ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นจึงสรุปได้ว่าไป่มาผู้ใช้เวทมนตร์คาถาคงจะอยู่ที่ป่าแห่งนั้นคอยควบคุมหุ่นเชิดอยู่แน่

ด้วยพลังที่ได้มาจากวิชากระจกแห่งแสงทำให้ชาวศาลาปีศาจลอยฟ้ากลับมาได้เปรียบอีกครั้ง การเคลื่อนไหวของหุ่นเชิดดูช้าลงอย่างชัดเจน

ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้ก้าวไปด้านหน้า พลังอวตารที่สูง 10 ฟุตของนางได้ปรากฏตัวออกมา เมื่อหยวนเอ๋อพุ่งผ่านเหล่าหุ่นเชิดไป หุ่นเชิดทั้งหลายก็จะถูกเตะจนกระเด็นไปสู่ขอบฟ้า หยวนเอ๋อสามารถจัดการกับเหล่าหุ่นเชิดได้อย่างง่ายดาย

“ศิษย์น้องเล็ก ทำไมเจ้าถึงไม่จู่โจวพวกหุ่นเชิดที่ด้านหลังศีรษะล่ะ? เจ้าพวกนั้นไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรหรอกนะ” หมิงซี่หยินได้พูดกับหยวนเอ๋อ

หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นได้ตอบกลับมา “ข้าเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน!”

ที่บนหุบเขาทองเสียงสวดพระสูตรก็ยังคงดังก้องไปทั่ว

ที่ต้นไม้ภายในป่า ไป่มาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ตะโกนสาปแช่งออกมา “เจ้านักบวชหัวโล้น!”

ในตอนนั้นเองพลังสีม่วงจากทางด้านขวาของตัวเขาก็ได้พุ่งเข้าหาตัวของจางหยวนฉาน

ดวงตาของจางหยวนฉานเบิกกว้าง

ไป่มาได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก “ไปฆ่าพวกมันให้หมดซะ!”

จางหยวนฉานได้จากไป่มาไปก่อนที่จะพยายามหาชาวศาลาปีศาจลอยฟ้าทั้งหลาย

จางหยวนฉานในปัจจุบันได้แตกต่างไปจากในตอนที่มีชีวิตอยู่มาก เมื่อจางหยวนฉานเดินทางมาเจอหยวนเอ๋อ ตัวเขาก็ได้ใช้พลังหนวดอันน่าสะพรึงกลัวจากแขนจู่โจมไปที่หยวนเอ๋อในทันที

“พยายามที่จะจับตัวข้าอย่างงั้นหรอ? ฝันไปซะเถอะ วิชาเจ็ดดวงดาวล่องเมฆาบดขยี้!”

จางหยวนฉานที่เห็นแบบนั้นก็ได้เหยียดแขนออกมา น้ำเสียงที่ฟังดูชั่วร้ายของเขาได้ดังขึ้นหลังจากนั้น “เจ้าหนีไม่รอดแน่!”

“สายสะพายนิพพาน!” สายสะพายนิพพานได้ปรากฏตัวขึ้นมาก่อนที่จะโอบอุ้มร่างของหยวนเอ๋อเอาไว้ ที่สายสะพายมีพลังปกคลุม สายสะพายได้ปกป้องด้านหน้าของหยวนเอ๋อเป็นอย่างดี

ในเวลาเดียวกัน พลังสหัสะราวีของต้วนมู่เฉิงก็ได้ปรากฏขึ้น มันเป็นพลังที่ใช้เพื่อช่วยหยวนเอ๋อนั่นเอง

ตู๊ม!

ภาพของเงาหอกนับพันได้ฟาดฟันเข้าใส่หน้าอกของจางหยวนฉาน เมื่อการโจมตีของอาวุธระดับสรวงสวรรค์จู่โจมจุดเดียวกันอย่างต่อเนื่อง ร่างของจางหยวนฉานก็เป็นรูจนได้

“ขอบคุณค่ะศิษย์พี่สาม” หยวนเอ่อเหวี่ยงสายสะพายของนางออกไปเพื่อที่จะขับไล่เหล่าหุ่นเชิดทั้งหลายที่อยู่รอบตัว

เมื่อหุ่นเชิดกระเด็นถอยกลับไป ในตอนนั้นลูกธนูพลังงานทั้งหลายก็ได้พุ่งลงมาจากฟากฟ้าเหนือศาลาปีศาจลอยฟ้า ลูกธนูพลังงานพวกนั้นล้วนแต่พุ่งเข้าใส่ด้านหลังศีรษะของเหล่าหุ่นเชิด

หุ่นเชิดทั้งหลายล้มลงไป มันไม่สามารถที่จะขยับได้อีกต่อไป

หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นได้หันไปยกนิ้วโป้งให้กับศาลาปีศาจลอยฟ้า “พี่สาวยู่จิงมีฝีมือจริงๆ”

ฮั๊วยู่จิงที่ได้ฟังคำชมได้ยิ้มออกมา ในตอนนี้นางรู้สึกมั่นใจขึ้นมาก

จางหยวนฉานที่ถูกจู่โจมยังไม่ถูกจัดการไปซะทีเดียว เขาคนนี้ก็คือยอดฝีมือผู้ที่ฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้ ในเรื่องของความต่างของพลังทำให้ต้วนมู่เฉิงเองรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่

เป็นไปอย่างที่คาดไว้ จางหยวนฉานได้กระโดดมาจากด้านข้างในทิศทางตรงกันข้ามกับทิศที่ซู่จิงลอยลอยอยู่

ซู่จิงขมวดคิ้ว “มุทราแห่งการปกป้อง! พลังอวตารพุทธองค์กายาทองคำ!”

เมื่อจางหยวนฉานพุ่งเข้าใส่ซู่จิง เป็นอีกครั้งที่การเคลื่อนไหวของเขาได้ทำให้ซู่จิงตกใจ จางหยวนฉานได้พุ่งเข้ามาโจมตีด้วยฝ่ามืออันทรงพลัง

“แบบนี่แย่แน่! ถอยเร็วเข้า!” ซู่จิงและสาวกของเขาได้ถอยกลับไปพร้อมกับเขตแดนพลัง ด้วยเหตุนี้เองพลังของวิชากระจกแห่งแสงจึงถูกยกเลิกการใช้งานไป

“ทำลายตัวเองอย่างงั้นหรอ?” การทำเช่นนี้มันคล้ายกับสิ่งที่เล้งลั่วได้ทำในตอนที่เผชิญหน้ากับสิบคนทรง

ในตอนนั้นเองจางหยวนฉานก็ได้ตะคอกออกมาก่อนที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว “ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้กับเจ้าเอง!”

จางหยวนฉานได้พุ่งมาพร้อมกับพลังลมปราณอันมหาศาลอีกครั้ง

เล้งลั่วรีบใช้พลังอวตารของตัวเองก่อนที่จะปกป้องซู่จิงที่อยู่ด้านหลังเอาไว้

ในที่สุดจางหยวนฉานก็ได้สั่นสะเทือน ตัวเขาได้ระเบิดพลังและควันสีม่วงออกจากร่างกาย ในตอนนั้นเองควันก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งเชิงเขา

ตู๊ม!

หวืออ!

หวืออ!

เหล่าสาวกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็ใช้พลังอวตารออกมาเพื่อที่จะปกป้องตัวเองจากพลังควันสีม่วง

ไป่มาได้กวาดตามองชาวศาลาปีศาจลอยฟ้า เหล่าสาวกส่วนมากต่างก็มีอาวุธระดับสรวงสวรรค์ที่ส่องแสงอยู่ในมือของตัวเอง…

ต้วนมู่เฉิงกำลังควงหอกราชันย์อยู่ภายในมือ

จ้าวยู่เองก็ใช้มีดท้องนภาด้วยมือข้างเดียวอยู่

หยวนเอ๋อศิษย์คนเล็กก็ได้ใช้สายสะพายนิพพานโอบตัวเองเอาไว้

ซู่ฮ่องกงก็ยังใช้ถุงมือนักสู้จู่โจมเป้าหมายอย่างไม่หยุดพัก

ขวดน้ำเต้าของฝานลี่เทียนเองก็กำลังหมุนรอบตัวเขา

ฮั๊วยู่จิงที่อยู่บนท้องฟ้าในส่วนที่ไกลที่สุดก็กำลังใช้ธนูจันทราที่มีจู่โจมมาจากระยะไกล

ช่างเป็นพวกชอบโอ้อวดซะจริง ไป่มาที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่แอบสาปแช่งทุกคนอยู่ในใจ

ไป่มาพยายามระงับความตื่นเต้นและความโกรธเอาไว้ ตัวเขาจะต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยังไงซะยอดฝีมือผู้ที่ครอบครองอาวุธชั้นเลิศทั้งหมดจะต้องจบชีวิตลงในวันนี้

พลังหมอกควันสีม่วงได้ตกลงมาสู่พื้นดิน ไป่มายืดแขนออกมาก่อนที่จะจ้องมองไปบนท้องฟ้า ตัวเขาได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “สำหรับลั่วหลาน…สำหรับศิษย์น้องข้า การเสียสละของเจ้าไม่ใช่อะไรที่สูญเปล่าแน่!”

พลังม่านควันสีม่วงได้บดบังทัศนวิสัยที่เล้งลั่วมี ตัวเขาได้ใช้พลังอวตารดอกบัวแปดกลีบของตัวเองเพื่อที่จะป้องกันตัวเองจากทำลายตัวเองของจางหยวนฉาน เมื่อป้องกันพลังที่ว่าได้ตัวเขาก็ได้รีบเรียกพลังอวตารของตัวเองกลับไป

ซู่จิงแหละเหล่าสาวกยังคงล่าถอยกันต่อไปในระหว่างที่ยังคงเขตแดนเอาไว้ ในที่สุดพลังกระจกแห่งแสงก็ถูกทำลายเข้าจนได้

ในขณะเดียวกันฝานลี่เทียนและนักบวชอย่างกงหยวนเองก็เริ่มที่จะต่อสู้กันดุเดือดมากยิ่งขึ้น เมื่อควันสีม่วงได้ล้อมพวกเขาทั้งคู่ไว้ได้ กงหยวนดูเหมือนจะไม่ได้รับอันตรายอะไร

แต่สำหรับฝานลี่เทียนไม่ใช่แบบนั้น ตัวเขารู้แล้วว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้นที่ร่างกายของตน

แค่ก! แค่ก!

“ฝานลี่เทียน!”

“ผู้อาวุโสฝาน!”

กงหยวนได้คำรามออกมา ในตอนนั้นเองที่ด้านหลังของเขาก็มีพลังอวตารสีดำปรากฏขึ้น

ทุกคนในศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่เคยเห็นยู่ฉางตงใช้ดาบเชือดเฉือนร่างอวตารสีดำของกงหยวนมาก่อน ถ้าหากมีใครได้เห็นเช่นนั้น คนคนนั้นจะต้องหวาดกลัวในพลังที่ยู่ฉางตงมีแน่ แต่พลังอวตารสีดำที่ควรจะถูกดาบทำลายไปแล้วได้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ดูเหมือนว่าพลังของคนตายจะไม่ใช่สิ่งที่สามารถคาดเดาได้อีกต่อไป

พลังร่างอวตารสีดำได้พุ่งเข้าหาฝานลี่เทียน

“น้ำเต้าเพชร!” ในตอนนั้นเองม่านพลังก็ได้ไหลออกมาจากขวดน้ำเต้าที่อยู่ในมือของฝานลี่เทียน

ตู๊ม!

พลังอวตารพุทธปีศาจได้เข้าปะทะกับม่านพลังไป

ฝานลี่เทียนไม่อาจต้านทานได้ ตัวเขาได้กระอักเลือดออกมา ใบหน้าที่เหี่ยวแห้งของเขากำลังดูซีดเซียว

ฟรึ๊บ!

ฝานลี่เทียนตกลงไปกับพื้น

ทุกๆ คนที่เฝ้ามองเหตุการณ์ต่างก็วิ่งมาหาฝานลี่เทียน

“หมอกควันนั่นมันคืออะไรกัน?” หมิงซี่หยินได้ถามออกมา

“นั่นมันคือคำสาปเลือด!” เล้งลั่วตอบกลับ

“คำสาปเลือดอย่างงั้นหรอ?”

“คำสาปเลือดจะเป็นพลังที่ได้มาจากเลือดของเหล่าผู้ฝึกยุทธยอดฝีมือ มันเป็นพลังที่คนทรงจะใช้เพื่อจู่โจมเป้าหมาย ถ้าหากพวกเราโดนคำสาปเลือดเข้าไป พวกเราก็คงจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก” สิ่งที่เล้งลั่วพูดออกมาฟังดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก

“นี่มันอะไรกัน!” หมิงซี่หยินไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชิงชัง “พวกเราทำได้เพียงเดินพลังของตัวเองอย่างงั้นหรอ?”

ถ้าหากไม่มีพลังของกระจกแห่งแสง พลังลมปราณที่เหล่าสาวกศาลาปีศาจลอยฟ้ามีก็ดูเหมือนจะหมดลงไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ฝานลี่เทียนถูกโจมตี กงหยวนก็ได้หันไปหาซู่จิงและเหล่าสาวกแทน ใบหน้าของเขาซีดเซียวและยังดูน่าหวาดกลัวเช่นเคย พลังอวตารสีดำของกงหยวนได้พุ่งเข้าหาซู่จิงไปอีกคน

ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นขมวดคิ้ว ตัวเขาคิดว่าคงจะไม่คุ้มเท่าไหร่ที่จัดการเป้าหมายที่ตายไปแล้วด้วยการ์ดการโจมตีของเพชรฆาต และแล้วในที่สุดลู่โจวก็ได้ตะโกนสั่งการออกมา “ถอยกลับมาซะ”