“ใช่ ฉันมาเพื่อพบคุณ”เฉินฮวนฮวนตอบอย่างจริงจังแล้วพูดว่า: “เป็นเพราะ…”
“คุณรอผมก่อน ผมกำลังลงไปรับคุณ”หลังจากนั้นเฟิงหานชวนก็วางสายและรีบออกจากออฟฟิศทันที
ก่อนที่เฉินฮวนฮวนจะพูดจบ เธอก็ได้ยินเสียง “ตู๊ดๆๆ” ในโทรศัพท์
ยังไงเดี๋ยวก็เจอกันแล้ว ถ้ามีอะไรก็คุยกันต่อหน้าดีกว่า
เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนจะลงมารับเธอ ดังนั้นเธอจึงยืนรอตรงลิฟต์
แต่หลังจากนั้นไม่นานเมื่อเธอแหงนหน้าขึ้น เธอก็เห็นพนักงานหญิงหลายคนกำลังพูดคุยกันที่แผนกต้อนรับในล็อบบี้ และทุกคนก็มองมาในทิศทางของเธอและชี้นิ้วมาทางเธอ
เฉินฮวนฮวนรู้สึกได้ชัดเจนว่าพวกเธอกำลังชี้มาที่เธอ และสิ่งที่พวกเธอพูดก็เกี่ยวข้องกับตัวเองอีกด้วย สีหน้าของเธอแสดงความสงสัยบางอย่างออกมาอย่างช่วยไม่ได้
จนกระทั่งผู้หญิงสองคนที่แผนกต้อนรับเดินเข้ามาหาเธอด้วยรองเท้าส้นสูงและยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
หนึ่งในนั้นคือพนักงานต้อนรับหุ่นสูงเพรียว เธอกอดอกและมีท่าทีที่ค่อนข้างเย่อหยิ่ง: “คุณผู้หญิงท่านนี้ คุณไม่ใช่พนักงานของ R กรุ๊ปใช่ไหม?”
“ฉันไม่ใช่”เฉินฮวนฮวนตอบอย่างใจเย็น
“เหอะ”ผู้หญิงที่แผนกต้อนรับหัวเราะเยาะ น้ำเสียงของเธอดูร้ายๆ: “ที่นี่เป็นสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คนนอกเข้ามา ในเมื่อคุณไม่ใช่พนักงานที่นี่ กรุณาช่วยรีบออกไปด้วย!”
“ฉันมาที่นี่เพื่อรอคน”เฉินฮวนฮวนเห็นว่าผู้หญิงที่แผนกต้อนรับกำลังหัวเราะเยาะเธอ แต่เธอก็ยังคงตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง
“กำลังรอคน?”พนักงานต้อนรับหุ่นท้วมที่ดูใจดีอีกคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า: “คุณผู้หญิง ขอถามหน่อยได้ไหมคะว่าคุณกำลังรอใคร? เมื่อสักครู่มีพนักงานผู้หญิงมาบอกทางเรา บางทีคุณอาจจะมา… สรุปคือทางเราไม่อนุญาตให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่ที่นี่ หากมีอะไรผิดพลาดทางเราต้องรับผิดชอบ กรุณาอย่าตำหนิเราเลยค่ะ”
พนักงานแผนกต้อนรับหุ่นท้วมพูดจาค่อนข้างสุภาพ เธอยังคงพยายามที่จะไว้หน้าเฉินฮวนฮวน และทัศนคติของเธอค่อนข้างแตกต่างจากพนักงานแผนกต้อนรับหุ่นเพรียวโดยสิ้นเชิง
คำพูดของเธอทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกสบายใจขึ้น และไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ จากนั้นเธอจึงตอบไปว่า: “ฉันกำลังรอประธานเฟิง ประธานเฟิงมีธุระกับฉัน”
เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าน่าจะเหมาะสมมากกว่าที่จะตอบแบบนี้
แต่ในวินาทีถัดมา พนักงานต้อนรับหุ่นเพรียวก็หัวเราะออกมาและพูดจาโอเว่อร์
“ได้ยินไหม? ได้ยินไหม? คนบ้าอีกแล้ว คนบ้าอีกแล้ว! “ขณะที่ชี้ไปที่เฉินฮวนฮวน เธอก็หัวเราะดังลั่นแล้วพูดว่า: “พวกเราไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับเรื่องนี้อีกกี่ครั้ง แต่ก็ยังมีคนกล้าเข้ามาอีก ไม่รู้สึกอายเลยเหรอ?”
****
ใบหน้าของเธอเย็นชา จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า: “เวลาพูด อย่าชี้นิ้วไปที่คนอื่น นี่เป็นการให้เกียรติขั้นพื้นฐาน”
“ให้เกียรติ? ผู้หญิงอย่างคุณต้องการให้คนอื่นให้เกียรติอย่างนั้นเหรอ? “พนักงานแผนกต้อนรับเดินเข้ามาหาเฉินฮวนฮวนสองก้าวโดยยังคงทำหน้าเสียดสีและพูดว่า: “ผู้หญิงที่ต้องการหาวิธีที่จะพบประธานเฟิงมีเยอะแยะไปหมด และถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไล่ออกไปหมด ถ้าคุณออกไปด้วยตัวเองไม่ได้ นั่นแหละคือจุดจบ รู้ไหม?”
มีผู้ชมมากขึ้นเรื่อยๆและเฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าการทำแบบนี้มันไม่ใช่ทางที่ดี เฟิงหานชวนบอกว่าเขาจะลงมารับเธอแต่เขาก็ยังไม่มาสักที
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกำลังจะโทรหาเฟิงหานชวนอีกครั้ง และเธอจะขอให้ท่านประธานที่เคารพมาชี้แจงด้วยตัวเองว่าเธอไม่ได้มาเพื่อยั่วยวนเขา ไม่เช่นนั้นเธอก็จะกลายเป็นพวกผู้หญิงหน้าด้านแบบที่พนักงานต้อนรับพูดถึง
เมื่อเธอกำลังจะต่อสายโทรศัพท์ น้ำเสียงที่จริงจังของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา: “พวกคุณมารวมตัวกันทำอะไรที่นี่?”
ทุกคนหันกลับมา เมื่อเห็นคนที่เข้ามาก็กล่าวทักทายอย่างสุภาพ: “เลขาซย่า”
พนักงานแผนกต้อนรับคนที่มีทัศนคติแย่ในตอนนี้ เธอมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ตอนที่เธอเผชิญหน้ากับเฉินฮวนฮวน เธอทั้งดูถูกเหยียดหยามและร้าย แต่ตอนนี้เมื่อเธอมองไปที่ซย่าชิงช่างดูประจบสอพลอเหลือเกิน
“เลขาซย่า วันนี้คุณทาลิปสติกเบอร์อะไรคะ มันดูดีมากเลย!”เธอเดินไปหาซย่าชิงและพูดกับซย่าชิงอย่างกะตือรือร้น
ซย่าชิงเป็นหัวหน้ากลุ่มเลขาของประธาน และตำแหน่งของเธอใน R กรุ๊ปนั้นก็ไม่ธรรมดา ดังนั้นเธอจึงตั้งใจทำตัวประจบประแจงต่อหน้าซย่าชิง
“หวังลู่ เกิดอะไรขึ้น?”ซย่าชิงถูกคนอื่นๆบังจึงทำให้ไม่เห็นเฉินฮวนฮวนที่อยู่ที่ตรงมุม ตอนที่เธอเข้ามาเธอพบว่ามีเสียงดังเอะอะโวยวาย ดังนั้นเธอจึงต้องการเคลียร์
“โอ้ เลขาซย่า จะเป็นเหตุผลอะไรไปได้ล่ะคะ มีผู้หญิงหิวเงินเข้ามาหาประธานเฟิงอีกแล้ว พวกเราไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ทำได้เพียงแค่เชิญให้เธอออกไป”หวังลู่พูดอย่างสุภาพ เธอเรียกว่าเป็นการโน้มน้าวแต่ในความเป็นจริงทั้งหมดที่เธอพูดคือการคุกคามและเยาะเย้ย
“ขอฉันคุยกับเธอหน่อยนะ ผู้หญิงคนไหน?”ซย่าชิงมองไปรอบๆและพบว่าเป็นผู้ชมที่เธอคุ้นเคยอยู่แล้วและพวกเขาทั้งหมดน่าจะเป็นพนักงานของ R กรุ๊ป
ในขณะเดียวกัน เสียงใสๆก็ดังขึ้น: “ฉันเอง”
เฉินฮวนฮวนเดินออกมาจากมุม เธอเดินเลี่ยงกลุ่มคนไปถึงหน้าของซย่าชิงและพูดอย่างจริงจังว่า: “ฉันมาที่นี่เพื่อมาหาประธานเฟิง จริงๆแล้วไม่ใช่สิ่งที่พนักงานต้อนรับท่านนี้พูด ”
เมื่อซย่าชิงเห็นเห็นว่าเป็นเฉินฮวนฮวนเธอก็ตกตะลึงไปในทันที
เธอรู้จักเฉินฮวนฮวน
ครึ่งเดือนก่อน ประธานเฟิงพาผู้หญิงคนหนึ่งมาที่บริษัท ตอนนั้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์และคนอื่นๆก็ลาพักร้อน ส่วนเธอก็มาทำโอทีและบังเอิญที่เธอไปหาประธานเฟิงเพื่อส่งข้อมูลเอกสาร แล้วเธอก็บังเอิญเห็นผู้หญิงคนนี้พอดี
ความจริงที่ว่าการแต่งงานของเฟิงหานชวนได้รับการยืนยันแล้วเมื่อวานนี้ ปฏิกิริยาแรกของเธอคือภรรยาของเฟิงหานชวนคือผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า แต่เธอก็ไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตามเฉินฮวนฮวนยังดูเด็กมากและเหมือนไม่ใช่ภรรยาที่ประธานเฟิงเลือก
บางทีมันอาจเป็นแค่การแต่งงานแบบส่วนตัวภายในครอบครัว?
แต่ตอนนี้เธอเห็นเฉินฮวนฮวนอีกครั้ง และหลังจากได้ยินคำพูดของเฉินฮวนฮวน เธอก็กลับมามีสติอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันหวังลู่ก็พูดอย่างไม่สนใจว่า: “เลขาซย่า ไม่รู้ว่าแล้วตอนนี้เป็นคนที่เท่าไหร่ ใช้วีธีพูดแบบนี้ก็คงจะไม่ไป ให้ฉันเรียกรปภ.เลยไหมคะ?”
เมื่อเลขาซย่าอยู่ที่นี่ในตอนนี้ หวังลู่ก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที อย่างไรก็ตามอำนาจของเลขาซย่าในบริษัทถือว่าใหญ่อยู่เหมือนกัน เธอจำเป็นจะต้องเอาใจเลขาซย่าและมันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการเลื่อนตำแหน่ง
“เธอน่ะหุบปากก่อน!”ซย่าชิงรู้สึกว่าหวังลู่นั้นส่งเสียงดังน่ารำคาญ เธอคำราม และหลังจากนั้นก็มองไปที่เฉินฮวนฮวนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ และคำพูดของเธอก็อ่อนโยนขึ้นมาก: “ประธานเฟิงรู้หรือไม่ว่าคุณมาที่นี่?”
เฉินฮวนฮวนกำลังจะพยักหน้าตอบ แต่ทันใดนั้นประตูลิฟต์ที่อยู่ตรงข้ามกับพวกเขาก็ค่อยๆเปิดออกพร้อมกับเสียงดัง “ติ๊ง”
สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาก็คือคือรองเท้าหนังแวววาวและกางเกงขาเรียวสีดำ
“ประธานเฟิงมาแล้ว!”ใครบางคนเอ่ยเสียงเบาๆ
ทันใดนั้นทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็แทบหยุดหายใจ บรรยากาศคือแทบไม่มีใครกล้าที่จะหายใจ
เมื่อเฟิงหานชวนก้าวออกจากลิฟต์ เขาก็เห็นเฉินฮวนฮวนและซย่าชิงยืนเผชิญหน้ากันอยู่พอดี โดยมีกลุ่มคนที่ล้อมรอบพวกเธอ และพนักงานแผนกต้อนรับในล็อบบี้ก็ยืนอยู่ข้างๆ
เขาขมวดคิ้วอย่างทันทีและถามเสียงต่ำว่า: “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”