ตอนที่ 241 พาเข้าไป

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 241 พาเข้าไป
ตอนที่ 241 พาเข้าไป

นี่มันที่ไหน? ผู้ใดพาเขามายังที่แห่งนี้?

อวี้เป่าเอ๋อร์รู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อยและเจ็บคอเป็นอย่างมาก เด็กชายใช้มือลูบอยู่ไม่กี่ที ก่อนที่จะลุกออกจากเตียงอย่างระมัดระวัง เมื่อเดินไปถึงโต๊ะก็รินน้ำให้ตนเองหนึ่งแก้ว และดื่มน้ำอึกใหญ่ ๆ เข้าไปสองแก้ว สมองจึงค่อย ๆ ได้สติขึ้นมา

เขาจำได้แล้ว เมื่อวานนี้ดูเหมือนว่าตนจะขึ้นรถม้าของท่านอ๋องแปดไป ท่านอ๋องแปดสัญญากับเขาแล้วว่าจะพาเขามาส่งที่จวนของเสนาบดีฝ่ายขวา

แต่ว่าเหลียงจิ่วและคนอื่น ๆ ก็ตามติดอยู่ข้างหลังเขา ต่อมาหัวหน้าคนรับใช้ของท่านเสนาบดีฝ่ายขวาก็ออกมา และรถม้าของพวกเขาก็สามารถเข้าประตูไปได้อย่างราบรื่น แต่ไม่ได้คาดคิดว่าในตอนที่รถม้าหยุดลงนั้น ท่านอ๋องแปดจู่ ๆ ก็สะบัดมือไปที่ไหล่และคอของเขา เพียงไม่นานเขาก็หมดสติไป

ก่อนที่เขานั้นจะหมดสติไป ดูเหมือนว่าจะได้ยินท่านอ๋องแปดกำชับคนม้าของตนเองว่าให้ดูตนเองไว้ เพราะตัวเขานั้นไม่สามารถเข้าจวนของเสนาบดีฝ่ายขวาได้จริง ๆ

อวี้เป่าเอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพราะเหตุใด เห็น ๆ อยู่ว่าท่านอ๋องแปดสัญญาไว้แล้วว่าจะพาเขาไปพบกับท่านเสนาบดี ทำไมท่านอ๋องกลับเข้าไปด้วยตัวเองและฟาดเขาจนเป็นลมหมดสติไป?

อวี้เป่าเอ๋อร์ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโกรธ เด็กน้อยกัดฟันพร้อมกับนัยน์ตาแดงก่ำขึ้น

ไม่ง่ายเลยที่เขาจะออกมาจากจวนตระกูลอวี้ได้ ไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสพบกับท่านเสนาบดี เขาเห็นความหวังอันริบหรี่ แต่ว่าท่านอ๋องแปดกลับโกหกเขาจริง ๆ

อวี้เป่าเอ๋อร์ยกมือขึ้น และอยากจะโยนแก้วชาลงบนพื้นแรง ๆ หลังจากนั้นจึงได้สติครุ่นคิดแล้วค่อย ๆ วางแก้วลงบนโต๊ะเบา ๆ

เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองห้องที่ตนเองอยู่ ต่อให้เขาไม่ได้ออกจากจวนตระกูลอวี้เลยตั้งแต่สี่ขวบ แต่ในแง่การตกแต่งก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าห้องนี้นั้นดูหรูหราเป็นอย่างมาก โต๊ะ เก้าอี้ หรือแม้กระทั่งเตียงที่เขาเพิ่งจะได้นอนไปล้วนมีลวดลายแกะสลักวิจิตรบรรจง ไหนจะผ้าปูโต๊ะข้างหน้าหรือจะเป็นผ้าห่มที่เขาห่มก็ล้วนให้ความรู้สึกสะดวกสบาย แตกต่างกับจวนตระกูลอวี้ลิบลับ

อวี้เป่าเอ๋อร์ขมวดคิ้ว หรือว่าที่นี่จะเป็นตำหนักของท่านอ๋องแปด?

ไม่ได้ เขาไม่สามารถอยู่ตรงนี้ได้ เขาต้องออกไปพบกับท่านเสนาบดีฝ่ายขวาให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นหากถูกสองแม่ลูกเฉินจีซินจับกลับมา วันข้างหน้าเขาจะออกไปไหนไม่ได้

อวี้เป่าเอ๋อร์รีบหยิบเสื้อผ้าที่วางไว้ข้างกายมาใส่ และแอบเปิดประตูห้อง เมื่อพบว่าบริเวณด้านนอกนั้นไม่มีผู้คนจึงได้แอบย่องไปตามทางเดินบริเวณข้างหน้า

เพียงแต่ว่าเด็กชายเดินวนไปไม่กี่รอบเหงื่อก็ผุดพรายออกมา ที่นี่ทั้งใหญ่โตและน่ากลัว มองไปแล้วก็ไม่ค่อยจะมีอะไร แต่ก็มีคนรับใช้เดินไปมาอยู่ไม่น้อย หลายครั้งมากที่เขาเกือบจะถูกพบเข้า

ภายในใจอวี้เป่าเอ๋อร์รู้สึกร้อนรน เมื่อมองขึ้นไปยังท้องฟ้าดวงอาทิตย์ก็ค่อย ๆ สว่างขึ้นมา คนรับใช้ของตำหนักท่านอ๋องก็เริ่มออกมาทำงานกันทีละน้อย เด็กชายตัวน้อยจึงเริ่มทำตัวไม่ถูก

องครักษ์ภายในตำหนักของท่านอ๋องได้พบอวี้เป่าเอ๋อร์นานแล้ว เพียงแต่ว่าคนพวกนี้ต่างก็รู้ว่าเด็กน้อยผู้นี้เป็นน้องชายของแม่นางอวี้ จึงไม่ได้เข้าไปขัดขวาง

ท่านอ๋องกล่าวไว้ว่าเรื่องของแม่นางอวี้ไม่ต้องไปจัดการอะไรมากมาย แค่คุ้มครองเพียงเท่านั้น

อวี้เป่าเอ๋อร์ไม่รู้ว่าในท้ายที่สุดการกระทำของตนนั้นก็อยู่ในสายตาของผู้อื่นมาตั้งแต่ต้น เด็กชายเดินออกมาจากเรือนของอวี้ชิงลั่วและค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องของเย่ซิวตู๋

ผู้ที่อยู่เวรวันนี้คือเหวินเทียน ขอเพียงอวี้เป่าเอ๋อร์ไม่มาทางนี้ ชายหนุ่มก็จะไม่เข้าไปจัดการเขา ตอนนี้เด็กคนนั้นกลับเข้ามาที่เรือนของท่านอ๋องแล้ว เช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่ผิด

“หยุดอยู่ตรงนั้น เจ้าไปที่อื่นเสียเถอะ ตรงนี้ไม่สามารถเข้ามาได้”

อวี้เป่าเอ๋อร์ตกใจจนถอยหลังและกระแทกเข้ากับเสา เด็กน้อยกลืนน้ำลายและมองไปยังผู้ที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น “ท่าน…ท่าน…”

เหวินเทียนรีบชักกระบี่ในมือขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเด็กชายตกใจ ใจของเขาก็เต้นแรง ให้ตายเถอะ…เจ้าลืมไปแล้วหรือว่านี่ก็เป็นแค่เด็กหนึ่งคน และยังเป็นเด็กที่ตระกูลอวี้ขังเอาไว้ไม่ให้ออกไปไหนนานหลายปี และไม่ได้กล้าหาญเหมือนกับหนานหนาน ถ้าทำให้เขาตกใจจนหมดสติไป แม่นางอวี้คงไม่ปล่อยเอาไว้แน่

เมื่อคิดเช่นนั้น น้ำเสียงของเหวินเทียนก็นุ่มนวลขึ้นมา “อ้อ คุณชายอวี้ ด้านนี้เป็นห้องของท่านอ๋อง และท่านอ๋องเองก็ยังพักผ่อนอยู่ ไม่สามารถรบกวนได้ เจ้าไปเดินเล่นที่อื่นเสียเถิด”

ท่านอ๋องหรือ? ปรากฏว่าที่แห่งนี้คือจวนท่านอ๋อง

อวี้เป่าเอ๋อร์ยกมุมปากขึ้น จ้องมองไปยังองครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างหน้าด้วยตาแดง ๆ “ข้าไม่ได้เดินเล่น ข้า ข้าอยากจะออกจากตำหนักท่านอ๋อง”

“ออกไป? เจ้าอยากกลับจวนตระกูลอวี้หรือ?” เด็กคนนี้ปรารถนาจะออกจากที่นี่ แม่นางอวี้จะต้องไม่รู้เรื่องแน่นอน นางเข้านอนดึกมาก ตอนนี้ก็คงจะยังไม่ตื่นนอน

เมื่ออวี้เป่าเอ๋อร์ได้ยินคำว่าจวนตระกูลอวี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งตัว รีบส่ายศีรษะแล้วเอ่ยขึ้น “แน่นอนว่าไม่อยาก ข้า ข้ามีเรื่องที่ต้องทำ”

เขาไม่สามารถพูดต่อหน้าองครักษ์ได้ว่าท่านอ๋องนั้นเป็นคนไม่รักษาสัญญา ในจุดนี้เด็กชายยังมีสามัญสำนึกอยู่บ้าง

เหวินเทียนรู้สึกว่าน่าสนใจ มีเรื่องต้องทำเช่นนั้นหรือ? มีอะไรต้องทำล่ะ?

แต่เหวินเทียนไม่สามารถปล่อยให้เขาออกจากจวนท่านอ๋องไปได้ ไม่เช่นนั้นแล้วเมื่อรอให้แม่นางอวี้ตื่นขึ้นมาถามเขาจะทำเช่นไร?

“ท่านชายอวี้ ที่นี่คือตำหนักท่านอ๋อง ไม่สามารถไปไหนมาไหนตามอำเภอใจได้”

ดวงตาของอวี้เป่าเอ๋อร์เบิกกว้างขึ้น “พวกเจ้าจะ…ไปส่งข้า?” เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ใบหน้าเล็ก ๆ ก็ซีดขึ้นมาทันที ร่างกายที่บอบบางก็เริ่มสั่น แผ่นหลังกระทบกับเสาและเขาก็ไม่สามารถขยับไปไหนได้

เหวินเทียนตกตะลึงกับใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา หลังจากนั้นก็นึกในสิ่งที่โม่เสียนเอ่ยขึ้นได้ น้องชายของแม่นางอวี้ผู้นี้ ดูเหมือนว่าจะถูกตระกูลอวี้กักเอาไว้ในฐานะบุคคลวิกลจริตเอาไว้นานหลายปี

อา ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงกลัวเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะเขากลัวที่จะถูกขังอยู่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

เหวินเทียนครุ่นคิด และรู้สึกว่าตนจะต้องพูดให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นเด็กคนนี้ก็จะเอาแต่คิดเรื่องไม่ดี แล้วมันจะไม่กลายเป็นความผิดของเขาหรือ?

“ข้าไม่ได้อยากขังเจ้าไว้ ที่นี่คือตำหนักท่านอ๋อง เจ้าอยากจะไปที่ไหนก็สามารถไปได้อย่างอิสระ แต่ในตำหนักท่านอ๋องก็มีกฎระเบียบ ผู้ใดที่จะเข้าหรือออกจากจวน จะต้องรายงานก่อน เข้าใจใช่หรือไม่?”แน่นอนว่ากฎข้อนี้ไม่สามารถใช้ได้กับแม่นางอวี้ แม้กระทั่งนายท่านเองนางก็ยังไม่เชื่อฟัง ก็คงจะมีแค่แม่นางอวี้เท่านั้นที่ทำได้

อวี้เป่าเอ๋อร์เมื่อได้ยินเช่นนี้ ภายในใจก็ค่อย ๆ โล่งใจขึ้นมา ฝ่ามือที่กำเอาไว้แน่นก็ค่อย ๆ คลายออก

เหวินเทียนถอนหายใจ ครั้นจะให้เด็กคนนี้ไปอธิบายให้กับแม่นางอวี้ให้ชัดเจน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา

ตามมาด้วยเสียงของคนรับใช้ของเย่ซิวตู๋ “ท่านเหวิน ท่านอ๋องตื่นแล้ว และท่านอ๋องรู้ว่าท่านชายอวี้อยู่ที่นี่ ให้เจ้าพาท่านชายเข้าไป”

“ได้ ข่าจะพาเขาเข้าไป” เหวินเทียนพยักหน้า และหันหน้าไปมองอวี้เป่าเอ๋อร์

อวี้เป่าเอ๋อร์ครุ่นคิด เขาต้องพูดอะไรบางอย่างก่อนจะออกไป เช่นนั้นแล้วเขาจึงสามารถพบกับท่านอ๋องแปดได้เพียงครั้งเดียว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เด็กชายต้องไปพบกับเสนาบดีฝ่ายขวาให้ได้

เมื่อคิดถึงเช่นนี้ อวี้เป่าเอ๋อร์ก็ขยับมุมปากของตนและพยักหน้า

เหวินเทียนหัวเราะ นิสัยของอวี้เป่าเอ๋อร์ช่างต่างจากแม่นางอวี้ลิบลับ ชายหนุ่มส่ายหน้า และพาเด็กน้อยเข้าไปในห้อง ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ท่านอ๋อง ท่านชายมาแล้วขอรับ”

………………………………

สารจากผู้แปล

นี่ตำหนักอ๋องซิวจ้าไม่ใช่ตำหนักอ๋องแปด เดี๋ยวก็ได้เจอพี่สาวแล้วนะคุณชายอวี้

ไหหม่า(海馬)