บทที่ 408 ตบหน้าเพี๊ยะเพี๊ยะเพี๊ยะ

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 408 ตบหน้าเพี๊ยะเพี๊ยะเพี๊ยะ

แม้เสียงของชุนซวงจะไม่ได้ดุดันเหมือนกับที่พูดกับคนใช้ก่อนหน้า แต่แววตายโสและน้ำเสียงคุกคามนั้นเผยออกมาอย่างเต็มเปี่ยม

ในห้องหรู

มือของจื่อเฟิงจับกระบี่ไว้แน่น

จื่อซีก็มองไปยังประตูที่เคาะปั้งๆอย่างรังเกียจ และเขาก็มองหลานเยาเยาอีกครั้ง

ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหนูขวางไว้ คาดว่าเขาคงได้พุ่งออกไปจับสาวใช้ที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงสองคนนั่นโยนออกนอกหน้าต่างไปแล้ว

เขาคิดจะพูดอะไร?

ก็ถูกหลานเยาเยายื่นมือมาดึงไว้

ส่วนองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างมีแววตาที่ไม่อดทน รีบก้าวขึ้นมาด้วยความขุ่นเคือง: “เทพธิดา สาวใช้ของจวนเฉิงเสี้ยงนั้นไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา ข้าน้อยจะไปสั่งสอนพวกนางซะ”

“ไม่ต้อง ปล่อยให้พวกนางโวยวายไป”

หลานเยาเยายกมุมปากขึ้น แววตาฉายความเจ้าเล่ห์

จวนเฉิงเสี้ยงงั้นเหรอ?

ดีสิ!

ถังเฉิงเสี้ยงขุนนางที่ภักดีที่สุดของฮ่องเต้ ส่วนนางก็เป็นเป้าหมายที่ฮ่องเต้ต้องการจะดึงมาเป็นพวก ถ้าทำเรื่องนี้ให้มันวุ่นวาย เฉิงเสี้ยงจะว่ายังไง? แล้วฮ่องเต้จะทำยังไง?

เมื่อคนด้านนอกไม่ได้ยินการตอบรับใดๆจากด้านใน พวกนางก็นึกว่าคนด้านในนั้นกลัวพวกนาง

ดังนั้นสาวใช้ที่ชื่อชุนซวงก็ยิ่งตบประตูห้องอย่างไม่เกรงกลัว เสียงเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและถากถาง:

“ได้ยินหรือไม่ พวกข้าคือคนของจวนเฉิงเสี้ยง แย่งห้องหรูไปแล้วคิดว่าจะซ่อนตัวเป็นเต่าหดหัว แล้วพวกข้าจะหมดปัญญากับพวกเจ้างั้นรึ?

คุณหนูของพวกเราใกล้มาแล้ว อีกเดี๋ยวจะสั่งให้คนพังประตูเข้าไป และโยนพวกเจ้าออกจากร้านประมูลเสินตูไปซะ ให้พวกเจ้ากลายเป็นที่น่าขันของคนอื่น”

ชุนซวงนั้นชินกับการทำตามอำเภอใจแล้ว แต่ในตอนที่นางอยู่ข้างกายถังมู่หวั่น ก็ไม่ได้มีท่าทางแบบนี้

ขณะนี้!

คนใช้ที่ถูกเตะไปสองสามที ก็ไม่สนใจทำความสะอาดน้ำชาและขนมที่เรี่ยราดอยู่บนพื้นแล้ว

หลังจากมีปฏิกิริยาโต้ตอบ ก็รีบวิ่งมายังหน้าประตูห้อง รีบร้อนมาขวางพวกนางไว้:

“แม่นางทั้งสอง มิได้ ด้านในเป็นแขกผู้มีเกียรติของพวกเราร้านประมูลเสินตู ขอให้พวกท่านอย่าก่อกวนที่นี่เลย รีบไปเถิด……”

“เพี๊ยะ……”

คนใช้ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกชุนซวงตบเข้าที่หูอย่างแรง

“พวกท่าน……พวกท่านรังแกคนอื่นเกินไป”

ชุนซวงเตะคนใช้อย่างแรง มองลงไปข้างล่างแล้วเอาเท้าเหยียบบนท้องคนใช้ไว้

“เจ้าเป็นใคร แล้วคนข้างในหน่ะเป็นใคร? เทียบกับคุณหนูของจวนเฉิงเสี้ยงได้หรือ?

เจ้าไม่คิดดูหล่ะ คุณหนูของพวกเรานั้นเป็นกิ่งทองใบหยก เป็นดั่งไข่มุกที่อยู่ในมือของใต้เท้าเฉิงเสี้ยง ถ้าดูแคลนนาง เจ้าจะมีชีวิตรอดอีกกี่ชีวิต?

ข้าว่าเจ้าคงถูกตีจนโง่ไปแล้ว! ข้าว่าจะต้องตบหูเจ้าไปอีกสองสามครั้งเพื่อให้มีความจำที่ยาวขึ้น”

พูดไป ชุนซวงก็ตบไปสองสามทีเข้าที่บ้องหูของคนใช้นั่นจริงๆ

ชุนซวงไม่ได้โง่

นางรู้ว่าคนที่สามารถเข้ามาพักในห้องหรูนี้ได้ต้องไม่ใช่ประชาชนธรรมดา

แต่ในเมืองหลวง นอกจากอ๋องเย่ที่มีอำนาจมากมาย อำนาจที่ใหญ่ที่สุดก็จะต้องเป็นของเฉิงเสี้ยง

แม้แต่รัชทายาทองค์ปัจจุบัน ยังเป็นเพียงองค์ชายที่มีชื่อเสียงแต่ไร้อำนาจเท่านั้น

และนางก็มั่นใจว่าคนที่อยู่ข้างในไม่ใช่อ๋องเย่แน่ๆ เพราะถ้าอ๋องเย่มายังร้านประมูลเสินตู จะต้องไปยังห้องพิเศษสำหรับเขาแน่นอน

ดังนั้น นอกจากอ๋องเย่ นางก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร

ชุนซวงนั้นเป็นเตะต่อยกังฟูอยู่บ้าง ดังนั้นเท้าที่เหยียบบนตัวของคนใช้นั้นจึงหนักมาก แรงที่ตบนั้นก็หนักมาก

แน่นอนว่านางจะไม่ฆ่าใคร

เมื่อตบคนใช้เสร็จ นางก็ไปคุกเข่าข้างๆคนใช้ และพูดอย่างเย็นชาว่า: “ไปซะ เรื่องของพวกเรา พวกเราจัดการเอง ทางที่ดีเจ้าไปให้ไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”

คนใช้ขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวด สุดท้ายก็รีบหนีไป

ตอนนี้

ชุนซวงก็เตะเปิดประตูห้องหรูอย่างอาจหาญ สองมือเท้าเอว สายตามองคนที่อยู่ข้างในอย่างหยิ่งยโส

เห็นผู้คุ้มกันใส่เครื่องแบบทหารสองคน กับอีกคนที่เครื่องแบบองครักษ์ นางก็เอือมระอา ไม่รู้สึกว่าจะมีอะไร

แต่พอสายตาของนางต่ำลง และเห็นหญิงสาวชุดแดงนั่งอยู่บนโต๊ะ

สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที สีหน้าซีดเผือดอย่างรวดเร็วจนสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า สองมือที่เท้าเอววางลงอย่างเงียบๆ ท่าทางที่ชอบพูดจาเสียดสีว่าร้ายก็พังลงทันที

“เทพ……เทพธิดา……”

นางคุกเข่าลงพื้น “ปั้ก” แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง ทั้งตัวก็เริ่มสั่นเทา

คิดไม่ถึงว่า คนที่อยู่ในห้องหรูนี้จะเป็นคนที่ฮ่องเต้จะต้องเคารพ เป็นคนที่อ๋องเย่จะต้องปฏิบัติอย่างสุภาพ

แต่ว่า……

ตั้งแต่เทพธิดามาเมืองหลวง ก็ไม่เคยมายังร้านประมูลเสินตู และห้องหรูนี้ ก็เป็นห้องที่คุณหนูจะจองก่อนมาทุกครั้ง

เสี้ยฮัวที่อยู่ข้างๆเมื่อเห็นชุนซวงคุกเข่าลง นางก็รีบคุกเข่าลงตาม พูดด้วยเสียงสั่นเครือ:

“ข้าน้อยคารวะเทพธิดา ขอเทพธิดามีความสุข”

นิ้วเรียวของหลานเยาเยาจับปอยผมที่ตกมาอยู่ตรงหน้าอก แล้วหมุนพันๆรอบนิ้ว สายตาเย็นชามองสองคนที่คุกเข่าอยู่ตรงประตู

นางไม่พูดอะไร แต่ปล่อยให้พวกหล่อนคุกเข่าต่อไป

รอจนกระทั่งแข้งขาพวกนางอ่อนแรง ร่างกายโรยรา มุมปากของหลานเยาเยาก็มีรอยยิ้มที่ล้ำลึก

และพูดอย่างมีเลศนัยว่า:

“ถังเฉิงเสี้ยงมีกิจยุ่งทุกวัน งานก็ยุ่งวุ่นวาย ได้รับความเคารพจากประชาชน เดิมคิดว่าในจวนจะได้รับการจัดการอย่างเป็นระบบ คิดไม่ถึงว่าสองสาวใช้ตัวน้อยๆ จะทำงานให้คุณหนูโดยรังแกผู้น้อย ไม่เห็นใครในสายตา

เดิมทีข้ารู้สึกว่าคุณหนูถังของจวนที่สูงศักดิ์จะปฏิบัติตนไม่ขาดตกบกพร่อง แล้วก็มีใจคบค้าสมาคม

ตอนนี้ ดูท่าคงไม่ต้องแล้ว สาวใช้เป็นเช่นนี้ คาดว่าคุณหนูก็คงไม่ดีไปกว่านี้ จบกัน ช่างน่าผิดหวังจริง!”

ถังมู่หวั่น!

สามปีก่อน หลานเยาเยาเคยคบค้าสมาคมสองสามครา

เป็นหญิงสาวที่ประพฤติตนไม่ขาดตกบกพร่องใดๆเลย ภายนอกดูสง่างามอ่อนโยน ใบหน้าก็สวยงดงาม เป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงจริงๆ

แต่ที่จริงแล้วเป็นคนที่มีอุบายลึกซึ้ง ชินกับการใช้จุดอ่อนของผู้อื่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตนเอง แล้วก็ยังทำให้คนอื่นดูไม่ออก

เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคนที่มีอุบายลึกซึ้งเช่นนี้ สาวใช้ข้างกายจะไร้ฝีมือเช่นนี้

เมื่อได้ยินความหมายของนาง

สีหน้าของเสี้ยฮัวและชุนซวงก็ยิ่งซีด

เทพธิดาหมายจะคบค้าสมาคมกับคุณหนูหรือ?

แต่โชคร้ายพวกนางดันไปล่วงเกินเทพธิดา ถ้าให้คุณหนูรู้เข้า จะต้องถลกหนังพวกนาง ทำให้เป็นผู้ไร้ความสามารถแน่ๆ

ไม่ได้ จะให้คุณหนูรู้ไม่ได้

ยังไงตอนนี้เทพธิดาก็จะไม่คบค้าสมาคมกับคุณหนูแล้ว นางก็ไม่ต้องไปสนใจอะไร พูดอีกอย่าง นางก็เป็นคนของจวนเฉิงเสี้ยง เทพธิดาจะฆ่านางไม่ได้?

“เทพธิดา โปรดอย่าดูถูกจวนเฉิงเสี้ยงของพวกเรา และก็ยิ่งไปกว่านั้นอย่าดูถูกคุณหนูของพวกเรา คุณหนูของพวกเราเป็นหญิงอันดับหนึ่งของเมืองหลวง มีการศึกษา มีเกียรติคุณธรรมที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังชื่นชม”

เสียงอย่างกับเส้นด้าย ตอนพูดน้ำเสียงก็สั่นเครือ

แต่ว่า!

แม้นางจะคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในใจก็ไม่ได้มีความเลื่อมใสจริงใจเลย ถ้าหากไม่เกรงกลัวสถานะของเทพธิดา นางจะไม่ทำนอบน้อมเช่นนี้

ได้ยินมาว่า เทพธิดานั้นภาวนาให้ประชาชน มีไมตรีที่ดีต่อผู้คนเสมอมา มองดูก็เป็นคนที่ไม่มีแผนการอะไร ไม่เช่นนั้น ตอนที่พวกนางตบประตู และก็พังประตูเข้ามา ทำไมนางไม่ส่งคนมาสั่งสอนพวกนางสักหน่อยหล่ะ?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชุนซวงก็รู้สึกว่าเทพธิดาจะต้องเกรงกลัวอำนาจของจวนเฉิงเสี้ยงเป็นแน่

ดังนั้นความเกรงกลัวที่มีต่อเทพธิดาจึงลดลง