ตอนที่ 369 อธิบาย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 369 อธิบาย

ได้ยินองค์รัชทายาทกล่าวเช่นนี้ เฉวียนอวี๋รีบหันกลับไปเรียกองครักษ์จำนวนสองกองของจวนองค์รัชทายาทให้มาทางนี้

“คนจากตระกูลบรรพบุรุษทำตัวเหิมเกริม เจ้าเป็นเพียงสตรีในตระกูลอาจโดนคนพวกนั้นข่มเหงรังแกได้ ไปซั่วหยางคราวนี้ เจ้าจงพาเฉวียนอวี๋และองครักษ์ของจวนองค์รัชทายาทไปด้วยเถิด หากตระกูลบรรพบุรุษไป๋รู้ว่าเราหนุนหลังเจ้าอยู่ พวกนั้นคงไม่กล้าทำตัวเหิมเกริมกับเจ้า” องค์รัชทายาทกล่าว

เฉวียนอวี๋รีบทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “ครานี้รบกวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่พาเฉวียนอวี๋ไปเปิดหูเปิดตาที่ซั่วหยางหน่อยเถิดขอรับ องค์รัชทายาททรงกำชับเฉวียนอวี๋แล้วว่าคำสั่งของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ก็คือคำสั่งขององค์รัชทายาท ห้ามขัดคำสั่งเด็ดขาดขอรับ”

องค์รัชทายาทพยักหน้าอย่างพอใจในคำกล่าวของเฉวียนอวี๋

ไป๋ชิงเหยียนแสร้งทำเป็นตกตะลึงและซาบซึ้งใจ รีบย่อกายทำความเคารพจากนั้นบ่ายเบี่ยง “ไม่ได้นะเพคะองค์รัชทายาท! เฉวียนอวี๋กงกงเป็นคนคอยปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดองค์รัชทายาท หากเหยียนพากงกงไปด้วย องค์รัชทายาทไม่มีคนรู้ใจคอยปรนนิบัติข้างกายจะทำเช่นไรเพคะ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงองครักษ์อีกสองกองของจวนองค์รัชทายาท หากเหยียนพาพวกเขาไปด้วย ผู้ใดจะคุ้มครองความปลอดภัยขององค์รัชทายาทเพคะ”

เมื่อองค์รัชทายาทเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้แกล้งทำเป็นปฏิเสธ ทว่า ดูซาบซึ้งและเป็นห่วงเขาจากใจจริง เขายิ่งยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “เรามารอเจ้าที่นี่แต่เช้าไม่ใช่เพื่อให้เจ้าปฏิเสธเราเช่นนี้นะ! นี่คือคำสั่งของเรา เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ทำตามก็พอ”

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามององค์รัชทายาท แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง “เหยียนน้อมรับคำสั่งเพคะ ขอบพระทัยองค์รัชทายาทมากเพคะ”

“แบบนี้ถึงจะถูก!” องค์รัชทายาทพยักหน้าอย่างพอใจ จู่ๆ เขาก็นึกถึงปัญหาความอดอยากที่เยี่ยนว่อขึ้นมาได้ ฟางเหล่าแนะนำว่าไม่ควรปล่อยให้เหลียงอ๋องแก้ไขปัญหาอย่างราบรื่น ทว่า เขาอยากฟังความเห็นของไป๋ชิงเหยียนก่อน “จวิ้นจู่ขอเวลาสักครู่”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า เดินตามองค์รัชทายาทไปยังที่ลับตาคน องค์รัชทายาทบอกเรื่องที่ฟางเหล่าแนะนำให้ไป๋ชิงเหยียนฟัง

“ตอนนั้นเหลียงอ๋องซื้อตัวสาวใช้ข้างกายของเจ้าเพื่อหวังใส่ร้ายว่าเจิ้นกั๋วอ๋องทรยศบ้านเมือง เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนเจ้าแผนการ ไม่ได้อ่อนแออย่างที่แสดงให้ผู้อื่นเห็นภายนอก ฟางเหล่าอยากให้เราลอบส่งคนไปขัดขวางเหลียงอ๋อง ยั่วยุชาวบ้านให้ประท้วง ถึงเวลานั้นเหยียนอ๋องจัดการแก้ปัญหาไม่ได้ อาจต้องให้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่นำทัพไปปราบปราม…”

เมื่อองค์รัชทายาทเห็นไป๋ชิงเหยียนเลิกคิ้วสูง น้ำเสียงของเขาจึงชะงักลง เอ่ยถาม “ดูเหมือนว่าจวิ้นจู่จะไม่เห็นด้วย”

ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพองค์รัชทายาท “องค์รัชทายาทเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์คนต่อไป ชาวบ้านของต้าจิ้นคือชาวบ้านของพระองค์ แม้จะทำไปเพื่อขัดขวางเหลียงอ๋อง ทว่า จะใช้วิธีที่ทำร้ายชาวบ้านเช่นนี้ไม่ได้เพคะ องค์รัชทายาททรงพิจารณาให้ดีนะเพคะ ชาวบ้านคือรากฐานของแคว้นเพคะ”

มือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังขององค์รัชทายาทกระชับแน่น

“องค์รัชทายาท เหลียงอ๋องเคยต้องการใส่ร้ายท่านปู่ของเหยียน เกือบทำให้ตระกูลไป๋ถูกประหารทั้งตระกูล เหยียนจำได้ไม่เคยลืม เหยียนไม่เหมือนองค์รัชทายาทที่ยังมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเหลียงอ๋อง เหยียนเกลียดเหลียงอ๋องเข้ากระดูกดำเพคะ!”

“วันที่เหยียนสั่งให้คนหักขาของบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าและพาตัวไปส่งให้หลี่เม่า เหยียนบอกกับเขาชัดเจนแล้วว่าหลังจากจบเรื่องที่เยี่ยนว่อ เหยียนไม่อยากเห็นเขาช่วยเหลือเหลียงอ๋องอีก อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่ารับปากแล้วว่าจะช่วยสนับสนุนองค์รัชทายาทเพคะ การแก้ปัญหาความยากจนที่เยี่ยนว่อในครานี้ลำบากมากพออยู่แล้ว หากแก้ได้ดีก็ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว หากแก้ไม่ดีคงมีโทษหนัก ต่อให้เหลียงอ๋องแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดีแล้วกลับมาถึงเมืองหลวง ทว่า ไม่มีผู้ใดคอยสนับสนุนเขา เขาก็ไม่อาจแย่งชิงบัลลังก์นี้ได้เพคะ องค์รัชทายาททรงวางพระทัยเถิดเพคะ”

เมื่อเห็นองค์รัชทายาทมีท่าทีลังเล ไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวเสริม “ที่สำคัญเหลียงอ๋องจะทำได้สำเร็จหรือไม่ก็ยังไม่อาจรู้ได้ หากทำไม่สำเร็จ ฝ่าบาททรงตรวจสอบเรื่องนี้แล้วพบว่าองค์รัชทายาทมีส่วนเกี่ยวข้อง เช่นนั้นก็จะกลายเป็นความผิดของพระองค์แทน ฝ่าบาทอาจทรงไม่พอพระทัยในตัวองค์รัชทายาทได้นะเพคะ”

“องค์รัชทายาทลองสอบถามฉินเซียนเซิงอีกคนก็ได้เพคะ ฉินเซียนเซิงเป็นคนมากความสามารถ…ต้องช่วยปูทางให้องค์รัชทายาทได้แน่นอนเพคะ”

องค์รัชทายาทก้มหน้าครุ่นคิดตาม…

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวถูกต้อง หากเทียบความเกลียดชังแล้ว ไป๋ชิงเหยียนเกลียดเหลียงอ๋องมากกว่าเขาหลายเท่านัก ไป๋ชิงเหยียนย่อมอยากเห็นเหลียงอ๋องเกิดปัญหามากกว่าเขาแน่นอน

ดังนั้นการที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้กับเขาในวันนี้แสดงว่าหญิงสาวคิดเพื่อเขาจริงๆ

องค์รัชทายาทมองไปทางไป๋ชิงเหยียน เอ่ยขึ้น “ได้ เราจะจำคำของจวิ้นจู่ไว้ จวิ้นจู่ยังต้องเดินทางอีกไกล เราไม่รบกวนเวลาของเจ้าแล้ว เราต้องกลับไปเข้าร่วมการว่าราชการตอนเช้าอีก เมื่อจวิ้นจู่กลับมา เราค่อยปรึกษากันอย่างละเอียดอีกที เฉวียนอวี๋ดูแลจวิ้นจู่ให้ดี ทำตามที่จวิ้นจู่สั่งทุกอย่าง!”

เฉวียนอวี๋ที่ยืนอยู่ห่างออกไปรีบเดินเข้ามาใกล้ทันที เขาทำความเคารพยิ้มๆ “องค์ชายไม่ต้องห่วงพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทรงกำชับหลายคราแล้ว เฉวียนอวี๋จำได้ขึ้นใจพ่ะย่ะค่ะ”

องค์รัชทายาทพยักหน้าเล็กน้อย

“เหยียนน้อมส่งองค์รัชทายาทเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพองค์รัชทายาท

ไป๋ชิงเหยียนมองดูรถม้าขององค์รัชทายาทจากไป เฉวียนอวี๋กล่าวกับไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “จวิ้นจู่ พวกเราออกเดินทางเถิดขอรับ”

“ครานี้รบกวนทุกท่านด้วย!” ไป๋ชิงเหยียนยกมือคารวะเฉวียนอวี๋และองครักษ์อีกสองกอง

องครักษ์ตกใจรีบทำความเคารพกลับทันที

ไป๋ชิงเหยียนขึ้นไปบนรถม้า สีหน้าเคร่งขรึมลง

ในฐานะที่ปรึกษา ฟางเหล่าไม่ผิดที่ช่วยคิดวางแผนให้องค์รัชทายาท ทว่า กลับคิดแผนที่ชั่วช้าเช่นนี้ออกมา

นึกถึงแววตาเคร่งขรึมขององค์รัชทายาทเมื่อครู่ หญิงสาวหลับตาลง กำหมัดแน่น

คนที่เป็นองค์รัชทายาทควรรักและปกป้องชาวบ้าน หากคราวนี้องค์รัชทายาทใช้แผนของฟางเหล่าเพราะต้องการให้ตำแหน่งของเขามั่นคงขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้อีกต่อไป

ไม่ว่าองค์รัชทายาทจะใช้แผนการนี้จริงหรือไม่ นางต้องให้คนนำจดหมายไปให้อาเจวี๋ย ให้เขารีบอพยพชาวบ้านที่เดือดร้อนไปยังโยวหวาเต้าโดยเร็วที่สุด

องค์รัชทายาทเอ็นดูเฉวียนอวี๋มาโดยตลอด เขาให้เฉวียนอวี๋ติดตามไป๋ชิงเหยียนไปที่ซั่วยาง อีกทั้งเตรียมรถม้าให้เฉวียนอวี๋ แม้จะไม่ได้โอ่อ่ากว้างขวางมากนัก ทว่า มีการแกะสลักอย่างประณีต ด้านบนยังมีตราประทับของจวนองค์รัชทายาทด้วย

นี่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับไป๋ชิงเหยียน องครักษ์สองกองจำนวนร้อยคนรวมทั้งเฉวียนอวี๋ยิ่งมีสัญลักษณ์จากจวนองค์รัชทายาทเด่นชัดมากเท่าใด ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ในซั่วหยางก็จะยิ่งเกรงกลัวมากเท่านั้น ทางการของซั่วหยางจะได้ให้ความร่วมมือกับนางอย่างเต็มที่

ขบวนของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มีองครักษ์ของจวนองค์รัชทายาทเพิ่มมาอีกหนึ่งร้อยคน เสิ่นชิงจู๋ให้องครักษ์เหล่านั้นคุ้มครองด้านหลังสุดของขบวน จัดลำดับขบวนใหม่ จากนั้นมุ่งหน้าไปยังซั่วหยางอย่างเอิกเกริก

วันที่ยี่สิบห้า เดือนสี่ ท้องฟ้าเพิ่งสว่าง เจ้าเมืองและนายอำเภอโจวยืนรออยู่ที่นอกเมืองซั่วหยางแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนกลับมาซั่วหยางครั้งนี้อย่างไม่ธรรมดา

คนของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มารายงานว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะกลับมาจัดการกับตระกูลบรรพบุรุษไป๋ ต้องการให้นายอำเภอโจวลงโทษทายาทบรรพบุรุษตระกูลไป๋อย่างหนัก

ต่อมาองค์รัชทายาทส่งคนมาเช่นกัน กล่าวว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะกลับมาสะสางปัญหาของตระกูลบรรพบุรุษไป๋ ให้ทางการอย่างพวกเขาให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ห้ามมีข้อผิดพลาดเด็ดขาด

เจ้าเมืองและนายอำเภอโจวเห็นเช่นนี้จะกล้ารอช้าได้อย่างไร พวกเขาคำนวณวันที่เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่น่าจะเดินทางมาถึงซั่วหยาง ส่งคนไปสำรวจว่าขบวนของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เดินทางถึงที่ใดแล้ว จากนั้นจึงออกมารอต้อนรับที่นอกเมืองอย่างหวาดหวั่น

เดิมทีคำนวณไว้ว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่น่าจะมาถึงในช่วงต้นของยามเฉิน[1] ผู้ใดจะคิดว่าถึงช่วงปลายของยามเฉินก็ยังไม่เห็นวี่แววรถม้าของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ นายอำเภอโจวรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที

“ช่วงนี้โจรป่าอาละวาดหนัก อย่าให้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เผชิญหน้ากับพวกมันเลย!” นายอำเภอโจวรู้สึกเป็นกังวล กลัวว่าจะอธิบายกับองค์รัชทายาทไม่ได้

เจ้าเมืองนั่งอย่างสงบนิ่งอยู่ในกระโจมไม้ที่สร้างขึ้นชั่วคราว เขายกชาขึ้นจิบเล็กน้อย

[1] ยามเฉิน เวลาระหว่าง 07.00-09.00 นาฬิกา