บทที่ 411 ไม่มีอะไรต้องกลัว!

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 411 : ไม่มีอะไรต้องกลัว!

เมื่อเห็นมิคาเอลพยักหน้า เฟจก็แอบถอนหายใจโล่งอก

อานาเอลถูกเจ้าของร้านหลินทำให้บาดเจ็บสาหัสตั้งแต่งานเลี้ยงวันเกิดของจี้จือซู่ และเมื่อผีเสื้อแห่งธารเวลาร่างระเบิด เฟจผู้ถูกเรซิเอลดัดแปลงมาก่อนก็กลายมาเป็นตัวตนซึ่งเหมาะสมที่สุดสำหรับการเป็นภาชนะของอานาเอล เพราะการดัดแปลงร่างกายเหล่านี้ และอาการบาดเจ็บสาหัสของอานาเอลจากเจ้าของร้านหลิน เฟจจึงได้รุกล้ำเข้าไปในความทรงจำของอานาเอลแทน

และเฟจผู้ถือครองความทรงจำของอานาเอลย่อมครอบงำตัวตนและบุคลิกของอานาเอลได้

แค่ได้บุคลิกมาไม่พอ หนอนเฟืองนาฬิกาของอานาเอลที่เตร็ดเตร่อยู่ท่ามกลางกระแสเวลานับไม่ถ้วนซึ่งกำลังสับสนเพราะไร้นายก็สัมผัสออร่าของอานาเอลได้ นับแต่นั้นมา พวกมันก็ยอมสยบต่อเฟจ และเฟจก็กลายเป็น ‘อานาเอล’ โดยสมบูรณ์

เฟจได้อ่านความทรงจำของอานาเอลมามากมาย นับตั้งแต่เธอยังเป็นหนอนเฟืองนาฬิกา เข้าร่วมกับวิถีแห่งดาบอัคคี และทุกความทรงจำที่เธอสังหารมนุษย์ เล่นกับกาลเวลา…

เฟจผู้ได้กลืนกินทุกสิ่งที่ปรับตัวไม่ถูก เพราะถึงอย่างไร เมื่อครู่ที่ผ่านมา เขาก็เป็นเพียงหนูทดลองไร้นามคนหนึ่งของวิถีแห่งดาบอัคคีเท่านั้น

เฟจระลึกถึงหนังสือ ‘รังอสุรกาย’ ที่หลินเจี๋ยมอบให้เขาก่อนหน้านี้ขึ้นได้

ทำไมเจ้าของร้านหลินถึงให้หนังสือกับเขา ผู้ชายต๊อกต๋อยเล็กจ้อยดั่งมดคนนี้ด้วย?

ต้องทราบว่าจี้ป๋อหนง ไวลด์ โจเซฟ…คนมีชื่อเสียงเหล่านี้ต่างต้องจ่ายค่าตอบแทนเพื่อซื้อหนังสือ แต่เขากลับได้มันมาง่าย ๆ?

เราล่ะ จะต้องจ่ายอะไร?! เฟจจมในภวังค์ครุ่นคิด

ทว่าเขาก็ได้รับบุคลิกของอานาเอลมาแล้ว และเริ่มพยายามควบคุมเวลา ในตอนที่เขาอ่านอดีตกาลทั้งหลายนั้นเอง เขาก็ตะลึงงัน

บางทีนี่อาจจะเป็นจุดประสงค์ของเจ้าของร้านหลิน

ขณะที่เขาขอให้โจเซฟกับไวลด์สู้กัน ตนก็มายังงานเลี้ยงของจี้จือซู่อย่างลับ ๆ พร้อมกับพาหนอนเฟืองนาฬิกามาด้วยจุดประสงค์สองประการ อย่างแรกก็คือเพื่อแทรกแซงเวลาเพื่อเปลี่ยนกลยุทธ์ของบุคคลระดับเหนือนภาที่กำลังห้ำหั่นกันไกลออกไปเป็นพัน ๆ ไมล์ และอย่างที่สองก็คือดึงดูดอานาเอลให้มาหา

ในขณะเดียวกัน อานาเอลก็ช่างหยาบคายต่อเขา จนเขาเฉยชาไม่ฆ่าเธอ ปล่อยอานาเอลกึ่งเป็นกึ่งตายเพื่อสองจุดประสงค์ หนึ่งคือใช้อานาเอลย้อนเวลาเพื่อเปลี่ยนดุลชัยชนะของสงครามระดับเหนือนภา

และอีกจุดประสงค์…ก็คือเรา!

เริ่มแรกก็พูดคุยกับตัวเราผู้แสนธรรมดาไม่น่าสนใจ ส่งหนังสือให้และทิ้งคำทำนายไว้…ทั้งหมดนี้ทำให้อานาเอลสนใจเราในฐานะภาชนะ ขณะเดียวกันก็เข้าแทรกซึมวิถีแห่งดาบอัคคีจากภายใน! นี่คือการปูพื้นฐานเพื่อปราบวิถีแห่งดาบอัคคีทั้งองค์กรในอนาคต

มิน่าล่ะ หนังสือที่ให้เราถึงได้ชื่อ ‘รังอสุรกาย’ เขาต้องการให้เราปลุกปั่นความคิดชั่วร้าย สร้างความร้าวฉาน และทำให้วิถีแห่งดาบอัคคีรวมตัวกันตาย!

ศึกระหว่างโจเซฟและไวลด์ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความเบื่อหน่ายของพระเจ้า แต่เพื่อทำให้วิถีแห่งดาบอัคคีและสำนักงานกลางตื่นตัว!

นี่คือการบอกทุกคนว่าพระเจ้าที่แท้จริงได้กลับมาแล้ว!

แผนของเจ้าของร้านหลินสมบูรณ์แบบ แต่ละแผนเชื่อมโยงเกี่ยวพันโดยไร้ช่องโหว่ ถ้าเขาไม่ใช่พระเจ้าผู้ทรงอำนาจทุกด้าน มองทะลุกาลเวลาทั้งอดีตและอนาคตล่ะก็ เขาจะร้อยเรียงเรื่องทั้งหมดนี้ราวกับเล่นขิมด้วยเสียงปรบมือขึ้นมาได้อย่างไร?

เฟจผู้ตระหนักถึงทุกสิ่งอาบเหงื่อเย็นเฉียบ ขาของเขาอ่อนแรง อยากจะทรุดตัวคุกเข่าลงไปภาวนา ทว่าแผ่นหลังของเขาชุ่มด้วยเหงื่อ…

อำนาจและความน่ากลัวของเจ้าของร้านหลินทำให้เขาทั้งทึ่งและทอดถอนใจ

และเจ้าของร้านหลินก็ช่างเมตตา เขาจะไม่มีทางเริ่มกระทำการใด ๆ ก่อน ดังนั้นงานในตอนนี้คือการปลุกปั่นองค์กรวิถีแห่งดาบอัคคีให้รวมตัวกันยั่วโมโหเจ้าของร้านหลิน ปล่อยให้เขาไล่กำจัดก้อนมะเร็งทั้งหมดนี้

เฟจเชื่อว่าการคาดเดาของเขาถูกต้องตรงเผง เป็นไปตามคาด แซดคิเอลผู้กลายเป็นผู้ประสานงานแทนที่ซานดัลฟอนก็หาเขาพบ และขอให้เขาเข้าร่วมการประชุมระดับสูงของวิถีแห่งดาบอัคคีเป็นครั้งแรก

ไกลออกไป ในพื้นที่ว่างเปล่าของแซดคิเอลซึ่งถูกสร้างขึ้นมาโดยไม่สามารถแยกแยะระหว่างความจริงและความลวง สายลมทะเลโบกพัดไล้ใบหน้า ทำให้ผู้คนจิตใจกระจ่างขึ้นเล็กน้อย ทว่าไม่นานก็สงบลงอีกครั้ง

“อานาเอล ถ้าข้อมูลของเจ้าถูกต้อง” มิคาเอลพูดอย่างเคร่งขรึม เขาเข้าใจรสนิยมและลักษณะนิสัยของมนุษย์เป็นอย่างดี แต่น่าเสียดายที่ใบหน้าหล่อเหลาเกินรสนิยมความงามของมนุษย์ไปไกลของเขาดูเศร้าหมองเล็กน้อย

“งั้นเราก็มาร่วมมือกันเถอะ เจ้าคิดว่าโอกาสชนะควรเป็นเช่นไร?”

เฟจผู้ครอบครองความทรงจำของอานาเอลลอกเลียนแบบนิสัยเย่อหยิ่งของเธอได้อย่างง่ายดาย และในฐานะผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากการพบเจ้าของร้านหนังสือ คำพูดของเขาจึงมีน้ำหนักมาก

“สิบเปอร์เซ็นต์!” เขายืนยัน “เจ้าของร้านหลินไม่มีอะไรต้องกลัว!”

มิคาเอลเงียบไป…

“ทว่า” เฟจเห็นว่ามิคาเอลยังคงไม่ปักใจ เขาจึงพูดต่อ “เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับเรซิเอลหรือไม่?”

“ข้ารู้” เมตาตรอนผู้ดูเหมือนก้อนปุยฝ้ายล่องลอยบนอากาศอ้าปากพูด ภาพติดตาของเขาใหญ่มโหฬารแต่กลับให้ความรู้สึกเบา

“จากการเฝ้ามองของข้า เรซิเอลถูกตัดออกจากวิถีแห่งดาบอัคคีโดยสมบูรณ์แล้ว ข้ามิเห็นเรื่องราวของเจ้าของร้านหนังสือ มิรู้ว่าเขาทำอันใดกับเรซิเอล แต่ความคิดของเรซิเอลหยุดลง”

“สามารถถือว่าเขาตายได้ ทว่าเขาก็ยังทำงานอยู่ในสมาคมแห่งสัจธรรม” เมตาตรอนพูดอย่างเคลือบแคลงเล็กน้อย “ข้าคิดมิออกเลยว่าเหตุใดสมองอันแข็งแกร่งที่สุดในโลกของเขาจึงหยุดคิด”

เฟจกระซิบ “หมายความว่าเจ้าของร้านหนังสือนั่นมีวิธีควบคุมผู้คน ในเมื่อเขาควบคุมเรซิเอลได้ เขาย่อมสามารถควบคุมทุกสิ่งที่พบกับเขาได้ บางทีในหมู่พวกเราอาจมีไส้ศึก!”

มิคาเอลหรี่ตา “เจ้าจะบอกว่า…ตัวเจ้าเองก็อาจเป็นไส้ศึกหรือ?”

เฟจไม่เปลี่ยนสีหน้า แสดงท่าทียั่วยุ “แน่นอน เจ้าจะสงสัยข้าก็ได้ แต่ข้าคิดว่าศัตรูในยามนี้อยู่ตรงหน้าแล้ว เป้าหมายสูงสุดของเขาอยู่มิไกล และผู้ที่ยังลังเลมีโอกาสเป็นไส้ศึกมากกว่าข้า”

ราฟาเอลผู้สูงชะลูดราวท่อนไม้ไผ่กล่าว “มิคาเอล หากเจ้ายังคงลังเลมากมาย นั่นจะมิสมเป็นเจ้าเลยนะ อย่าบอกนะว่าเจ้าถูกเจ้าของร้านหนังสือดัดแปลงไปแล้วหรือไม่?”

“ไร้สาระ!”

มิคาเอลถลึงตาอย่างโกรธเคือง ทว่าราฟาเอลมิได้รู้สึกขุ่นข้อง เขาหัวเราะเสียงต่ำ

เฟจไม่พูดอะไรอีกแล้ว หนังสือ ‘รังอสุรกาย’ ที่เจ้าของร้านหลินให้เขามามีความสามารถกระตุ้นความคิดชั่วร้ายและยุยงให้แตกแยก เมื่อมีความเคลือบแคลง นั่นจะทำให้ทุกคนไม่ไว้ใจใครนอกจากตนเอง คิดร้ายและเคลือบแคลงในตัวคนอื่น

“เอาล่ะ เราขอให้มิคาเอลออกคำสั่งเถอะ? หากเจ้าของร้านหนังสือมิถูกกำจัด เป้าหมายของเราจะมิบรรลุ” แซดคิเอลกล่าว

“ข้าคิดว่าเป็นไปมิได้หากสำนักงานกลางจะมิรู้ว่าโจเซฟกับไวลด์ต่อสู้กัน รอให้พวกตาเฒ่ายายแก่ในสำนักงานกลางลงมือก่อนเถิด เพื่อที่เราจะได้เห็นพลังของหลินเจี๋ยอย่างสมบูรณ์”

“เจ้าพวกเฒ่าในสำนักงานกลางทำมิได้กระทั่งเอาชนะเรา พวกเขาคือพวกหลงตัวเองผู้กินบุญเก่าของบรรพชน มิใช่ศัตรูของเจ้าของร้านหลินสักนิด พวกเขาจะมอบโอกาสให้เจ้าของร้านหนังสือสิมิว่า”

“เรารอนานกว่านี้มิได้แล้ว…” เฟจพูดต่อ

เมล็ดพันธุ์จาก ‘รังอสุรกาย’ ถูกหว่านสำเร็จแล้ว มันกำลังค่อย ๆ หยั่งรากเติบโต

“ถึงกระนั้น” เฟจเอียงคอพูดต่อ “เจ้าก็มิสนใจเลยว่าข้าสละคนของข้าไปมากเพียงไรเพื่อหนีออกมา และเจ้าก็มิใส่ใจการตายของเรซิเอลและซานดัลฟอนสักนิด…ใช้เราเป็นเพียงเครื่องมือ”

“เจ้าหมายความเช่นไร อานาเอล!”

มิคาเอลยกกางเขนแดงในมือชี้ไปที่เฟจ กล่าวเสียงดัง “ข้าย่อมถือพวกเจ้าเป็นสหายข้า เราทั้งมวลต่างมีอุดมการณ์ตรงกันมิใช่หรือ?”

ทว่าอันที่จริง สิ่งที่เขาพูดก็ถูกแล้ว เขาไม่ได้ใส่ใจว่าเหล่าเทวดา ไม่ว่าเรซิเอลหรือซานดัลฟอนจะเป็นจะตายสักนิด เขาก็แค่อยากบรรลุความฝันตนเท่านั้น

แต่เฟจตีแผ่มันออกมาตรง ๆ และแน่นอนว่าเขาปฏิเสธเสียงแข็ง

“งั้นก็ไปล้างแค้นให้ข้าและทุกคนเสียสิ!”

ทันทีที่สิ้นคำพูดของเฟจ เพื่อนร่วมงานที่เงียบอยู่คนอื่น ๆ ก็พยักหน้า…

มิคาเอลในครั้งนี้ดูเหมือนจะยืนอยู่บนกระทะร้อน

ทุกคนในวิถีแห่งดาบอัคคีแข็งแกร่งสุดยอด ไม่ง่ายที่จะมารวมตัวกัน ดังนั้นวิถีแห่งดาบอัคคีจึงทำงานแบบตัวใครตัวมันมาโดยตลอด และบุคลิกของตัวอานาเอลเองก็โหดร้ายและถือตัวสุด ๆ

มิคาเอลไม่สงสัยเลยว่าความคิดชั่วร้ายและความขัดแย้งของทุกคนดูจะเริ่มจาก ‘อานาเอล’

มิคาเอลผู้ซึ่งสามารถเป็นผู้นำทุกคนในวิถีแห่งดาบอัคคีได้ไม่ใช่คนธรรมดา เขาเข้าใจว่าหากครั้งนี้ยังปฏิเสธ ทุกคนจะคล้อยตามเขา แต่หลังจากนี้ไป เมล็ดพันธุ์แห่งการต่อต้านคงจะงอกเงยขึ้นจากครั้งนี้

แม้ว่าความมิแน่ใจและความลังเลในใจข้าจะยังอยู่ ทว่า…

มิคาเอลกำหมัด ลอบถอนหายใจ ตั้งใจมั่น มองไปรอบ ๆ และกล่าวว่า “หากเป็นเช่นนั้น งั้นเรามามองหาโอกาสร่วมมือกันโจมตีร้านหนังสือกันเถิด”