บทที่ 508 เดิมฉันเป็นคนมีเมตตา
บทที่ 508 เดิมฉันเป็นคนมีเมตตา
เหตุที่ฉู่เหินทำการโจมตีแบบเดิมต่อไป ทั้งนี้ก็เพื่อดูศักยภาพของชายหัวล้าน ! เพราะมีเพียงแต่วิธีนี้เท่านั้นถึงจะทำให้รู้ศักยภาพทั้งหมดของอีกฝ่ายออกมาได้ ซึ่งมันก็ทำให้เขาทะลวงเลื่อนขั้นได้สำเร็จอีกด้วย !
ฉู่เหินที่เพิ่งเลื่อนปราชญ์ขั้นต้นระดับสูง พลังธาตุของเขาก็เพิ่มตามขึ้นมาด้วย 1 ขั้น ! ที่เห็นได้ชัดก็คือเกราะพลังธาตุที่เดิมเต็มไปด้วยรอยร้าว ตอนนี้ได้กลับมาเป็นดั่งเดิมแล้ว ! อีกทั้งการโจมตีของหนามธารณีก็ไม่สามารถสร้างร่องรอยอะไรให้แก่มันได้อีก !
เมื่อเห็นฉากนี้เข้าไปชายหัวล้านก็สบถออกมา ชัยชนะกำลังจะเป็นของตนอยู่แล้วแท้ ๆ คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้ ! ฉู่เหินกำหมัดตัวเองแน่น ก่อนจะพบว่าตอนนี้ร่างกายของเขานั้นไหลอาบไปด้วยพลัง ว่าแล้วชายหนุ่มจึงหันหน้าไปมองชายหัวล้าน
“เดิมฉันเคยเป็นคนมีเมตตา แต่โลกทำให้ฉันเปลี่ยนไป ! ก่อนหน้านี้ฉันให้โอกาสรอดกับแกไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว ! ” สิ้นเสียง ฉู่เหินก็พลันโบกสะบัดกระบี่ในมือพร้อมก็ตะโกนว่า “หมื่นอัสนีพิฆาต ! ” ทำให้เกิดสายฟ้าพุ่งผ่านอากาศตรงมายังมือของเขา
หลังจากสายฟ้าผ่าลงมา ชายหนุ่มก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาพุ่งกระบี่ไปทางชายหัวล้านในทันที ! ถ้าเป็นคนธรรมดา เมื่อพวกเขาใช้วิชานี้ก็จะโดยพลังสายฟ้าจนทำให้ร่างกายบาดเจ็บได้ ! ทว่าไม่ใช่กับฉู่เหิน เพียงพริบตาผิวหนังของชายหัวล้านก็พลันกลายเป็นสีดำ
ร่างกายของอีกฝ่ายถูกสายฟ้าเผาจนไหม้เป็นแถบ ! กระทั้งเขาอ้าปากยังมีควันดำลอยออกมาจากปากเลย ! ก่อนที่ชายหัวล้านคนนั้นจะล้มลงไปนอนกับพื้นและสิ้นใจ
ฉู่เหินเดินมาหยิบแหวนมิติของชายหัวล้าน รวมทั้งง่ามกระดูกในมือของอีกฝ่ายด้วย ! จากนั้นชายหนุ่มก็เอาง่ามกระดูกส่งให้ฉู่ตง และสำรวจภายในแหวนมิติ ก่อนที่เขาจะพบว่าถึงแม้ในนั้นจะไม่มีของดีอะไร แต่ตราประจำตัวกลับมีไม่น้อยเลย
ดูแล้วน่าจะมีมากกว่า 2 พันชิ้น ! เมื่อเป็นแบบนี้ฉู่เหินก็ไม่เกรงใจล่ะนะ เขาจัดแจงยึดตราประจำตัวมาพร้อมรอยยิ้ม ส่วนตราประจำตัวก่อนหน้าที่ฉู่ตงเก็บมา ฉู่เหินนั้นไม่ได้ต้องการสักอันเดียว ถึงแม้ตอนที่เขาออกมาจากค่ายกล ฉู่ตงจะเอาแหวนมิติที่ใส่ตราประจำตัวทั้งหมดให้เขาแล้วก็ตาม
ตอนที่อีกฝ่ายยื่นมา ฉู่เหินก็ทำท่าโบกไม้โบกมือ ก่อนจะบอกฉู่ตงว่าของพวกนี้เป็นของที่เขาควรได้ ตัวเองไม่ได้ช่วยเหลืออะไรมากมาย ดังนั้นตราทั้งหมดนี้นายก็เอากลับไปเถอะ ฉันไม่ต้องการ ! ฉู่ตงรู้ดีว่าตราพวกนี้เป็นของดี เพราะมันสามารถเอาไปใช้ในพรรคได้ ! อย่างไรก็ตามฉู่เหินกลับไม่เอาจากเขา ! ซึ่งพอเป็นแบบนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกนับถือฉู่เหินมากกว่าเดิม
ทว่าตราประจำตัวของชายหัวล้านนั้นไม่เหมือนกัน ทั้งหมดนี้ได้มาจากชัยชนะของเขาเอง แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องแบ่งให้ฉู่ตง และถ้าเขายังจะแบ่งฉู่ตงล่ะก็ ฉู่ตงก็คงไม่กล้ารับเช่นกัน ถ้ารับแล้วอีกฝ่ายจะเอาหน้าไปไว้ตรงไหน !
พอจัดการชายหัวล้านเสร็จ ฉู่เหินก็หัวเราะและมองคนนับ 100 ที่รวมกันอยู่รอบ ๆ ! และเมื่อคนพวกนี้สบตากับฉู่เหินก็พลันรู้สึกเย็นยะเยือก ! อาศัยพลังสายฟ้าเมื่อกี้ พวกเขาก็เชื่อเลยว่า ใครก็ไม่สามารถเอาชนะได้ เมื่อเป็นแบบนี้ผู้ที่อ่อนแอก็เริ่มตกที่นั่งลำบากแล้ว
“น้องชาย พอดีที่บ้านฉันมีธุระ ขอตัวกลับก่อนล่ะนะ ! ” ชายคนหนึ่งที่ดูแล้วอายุประมาณ 30 รีบหาทางรอดหมุนร่างเตรียมหนี ! แต่เรื่องมันดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉู่เหินจะปล่อยให้พวกเขาหนีไปเฉย ๆ ได้ยังไง ! ต้องเข้าใจว่าคนพวกนี้วิ่งมานี้ก็เพื่อจะโจมตีเขาไม่ใช่เหรอ
ตอนนี้พอเห็นว่าตัวเองสู้ไม่ได้ก็จะหนีไปง่าย ๆ งั้นเหรอ ! เพราะงั้นฉู่เหินถึงหายร่างและไปยืนขวางคนพวกนั้นไว้ “สหายทุกคนช้าก่อน จะรีบกลับไปให้นมลูกทำไมกัน ! อยากไปน่ะได้ แต่กรุณาวางตราประจำตัวมาก่อน ที่จริงฉันเป็นคนมีเมตตา ดังนั้นจึงไม่อยากลงไม้ลงมือกับพวกนายหรอกนะ ! ”
พอได้ยินคำว่าคนมีเมตตา พวกที่เพิ่งหมุนตัวหนีก็สบถด่าในใจ ! ล้อเล่นหรือไง เขากล้าเรียกตัวเองว่ามีเมตตางั้นเหรอ ปีศาจน่ะสิไม่ว่า ! แต่คำพูดเหล่านั้นพวกเขาไม่กล้าพูดออกไป เพียงเก็บเอาไว้ในใจเท่านั้น !
ชายคนหนึ่งได้แต่ตอบออกไปว่า “น้องชายใจกว้างราวมหาสมุทร ทั้งยังมีมารยาทอีกด้วย ! ” ฉู่เหินที่ได้ยินแบบนั้นก็เกือบจะหลุดขำออกมา ! ทำไมเมื่อกี้ตอนคิดจะปล้นเขา แกไม่พูดถึงใจกว้างราวมหาสมุทรบ้าง ! แน่นอนฉู่เหินรู้สึกชอบชายคนที่พูดเป็นอย่างมาก เพราะคำพูดแต่ละอย่างของเขานั้นมันช่างน่าสนใจ !
“แกเป็นต้นหลิวข้างทาง ฉันเป็นต้นสนบนยอดเขา แม้ว่าแกกับฉันจะเป็นต้นไม้ทั้งคู่ แต่ก็ได้มาพบกันโดยบังเอิญ! พี่ชายทุกคน ในเมื่อพวกเรามีความจริงใจต่อกัน อะไรควรจะให้ก็ให้เถอะ ! ” พอฉู่เหินพูดจบ จมูกของชายคนนั้นก็คล้ายจะไม่หายใจแล้ว
ที่เขาพูดประโยคแปลก ๆ แบบนี้ก็เหมือนพูดให้มันดูดีไปงั้น ทั้งที่จริงไม่ได้คิดอะไร ดังนั้นจึงทำให้ตอนนี้เขาจึงได้แต่ทำสายตาอีหลักอีเหลื่อ !
“น้องชาย ในชีวิตคนเราย่อมต้องพึ่งพาเพื่อนฝูง เว้นพวกพี่หน่อยเถอะนะ ได้ไหม ! ” ลังเลอยู่นานในที่สุดเขาก็พูดออกมาแบบนี้
ฉู่เหินได้ยินก็ยิ่งขำ เขารู้สึกว่าคนคนนี้ฉลาดเกินไปแล้ว ถ้าปล่อยเขาไปแบบนี้ก็น่าเสียดายเกินไปหน่อย อีกทั้งดูเหมือนว่าคนคนนี้จะไม่ได้เลวร้ายอะไร !
“ภูเขาแม่น้ำย่อมบรรจบกัน ให้ครึ่งนึ่งก็ถือว่านับเป็นเพื่อนแล้วกัน ! ” เมื่อพูดจบฉู่เหินก็คิดในใจ ดูเหมือนว่าตัวเองจะถูกคนคนนี้แพร่เชื้อซะแล้ว ! ระหว่างที่พูดเขาก็เหมือนจะรู้ตัวแล้ว ! ถ้ายังพูดแปลก ๆแบบนี้อีก เขาจะตบหัวตัวเองให้หยุด !
คนคนนั้นได้ยินฉู่เหินพูดก็ดีใจ เขาหยิบตราประจำตัวออกมาจากแหวนจำนวนหนึ่ง ก่อนจะนับแบบลวก ๆ และยื่นให้ฉู่เหินครึ่งหนึ่ง เดิมทีเมื่อกี้เขานั้นเพียงทดลองดูเท่านั้นว่าฉู่เหินจะยอมหรือลดจำนวนเปล่า ! ซึ่งก็คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะให้จริง ๆ
ดังนั้นตอนนี้เขาถึงไม่ลังเลที่จะให้ตราประจำตัวครึ่งหนึ่งของตัวเองแก่ฉู่เหิน พร้อม ๆ กับที่คาดเดาไปว่าอีกไม่นานคนคนนี้จะต้องเป็นคนของพรรควายุอัสนีในอนาคตอย่างแน่นอน ! ตอนนี้ผูกมิตรไว้ก่อนถือว่าเป็นโชคชะตาของสวรรค์แล้วกัน !
ฉู่เหินเห็นแบบนี้ก็พยักหน้า และให้อีกฝ่ายเก็บไว้ครึ่งหนึ่ง ส่วนเขาเก็บเอาไว้เองอีกครึ่ง ! พอคนคนนี้เห็นฉู่เหินใจกว้างแบบนี้ก็รู้สึกนับถือ ! หลังจากนั้นเขาก็ไม่รอให้ฉู่เหินพูดกับเขา…..
เดิมทีฉู่เหินนึกว่าชายคนนี้พอให้ของแล้วก็ควรจะไปได้แล้ว ! แต่เขาคิดไม่ถึงว่าคนคนนี้กลับไม่จากไป หากแต่กลับมายืนข้าง ๆ ฉู่เหินแทน ถ้าเพียงเท่านั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก แต่ประโยคต่อมาของอีกฝ่ายก็ทำให้ฉู่เหินตัวสั่นเทาในทันที !
“พวกนายที่เหลือ ดูซิชายคนนี้ไม่เลวเลย คนคนนี้คือลูกพี่ผู้มีเมตตา ก่อนหน้านี้ที่พวกนายทำเรื่องไม่ดีไว้ ลูกพี่กลับไม่ได้ถือสาอะไร และเพื่อไว้หน้าลูกพี่ ! ตอนนี้พวกนายแต่ละคนเอาตราจำประตัวออกมาคนละครึ่งซะ”
มองชายคนที่ยืนอวดเบ่ง ฉู่เหินก็ชักอยากจะเตะอีกฝ่ายออกไปด้านข้างในทันที ! แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้ว การมีเจ้าหมอนี้ข้างกายก็เหมือนมีผู้ช่วย บางเรื่องไม่จำเป็นต้องถึงมือตัวเอง ก็ให้คนคนนี้เป็นฝ่ายจัดการเรื่องนั้นไปก็ดีเหมือนกัน !
ไม่เพียงฉู่เหินที่รู้สึกว่าชายคนนี้เป็นคนแปลก ๆ ฉู่ตงที่ยืนข้าง ๆ เองก็ประหลาดใจไม่น้อย เขาไอออกมาไม่หยุด ! เห็นอะไรมาก็มาก แต่เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย ! นี้ทำให้ฉู่ตงอดคิดไม่ได้ว่าโลกนี้มันกลายเป็นอะไรไปแล้ว