ตอนที่ 386 แสดงโฉมหน้าว่าเป็น ‘พ่อพระ’

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 386 แสดงโฉมหน้าว่าเป็น ‘พ่อพระ’

เจียงโม่หานส่งสายตาเชื่อมั่นในตัวนาง ชาตินี้เขาจะไม่มีทางปล่อยให้ฝันร้ายในชาติที่แล้วเกิดขึ้นอีก ! เขาจะสร้างอนาคตอันสดใสให้นางแน่นอน !

รถม้าหยุดอยู่บริเวณที่ว่าการ หลินเว่ยเว่ยกระโดดลงจากรถม้าแล้วทำท่าประหนึ่งอัศวินซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างมากในชาติก่อน นางมองเจียงโม่หานที่กำลังเลิกผ้าม่านเดินออกมา จากนั้นก็ยื่นมือไปทางเขา…ลงมาสิ องค์หญิงของกระหม่อม !

เจียงโม่หานไม่เข้าใจว่าท่าทางเมื่อครู่คืออะไร แต่จากสายตาขี้เล่นของเด็กน้อย เขาสังเกตได้ว่านางกำลังคิดจะเล่นพิเรนทร์บางอย่าง ! เขาจึงปัดมือนางออกแล้วเดินลงจากรถม้าอย่างสง่างามด้วยตนเอง

หลังจากรอให้หลินจื่อเหยียนลงมาแล้ว เหลยหยู่กับคนขับรถม้าสกุลเผิงและสกุลอื่นก็ไปหาโรงฝากรถม้าแล้วนำรถม้าเก็บไว้ที่นั่น

แม้หลินเว่ยเว่ยจะไม่ได้จับมือของ ‘องค์หญิง’ แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ “บัณฑิตน้อย เราจะหาบ้านเช่าจากที่ไหน ? เจ้ามีคำแนะนำดี ๆ บ้างหรือไม่ ? ”

มุมปากของหลินจื่อเหยียนยกขึ้น “พี่รอง ท่านถามผิดคนแล้ว ศิษย์พี่เจียงเคยเข้าตัวเมืองแค่ไม่กี่ครั้งเอง…ข้าคิดว่าเราไปถามคุณชายหนิงดีหรือไม่ ? ”

เจียงโม่หานเหมือบมองเขา ก่อนจะพูดกับเด็กน้อยว่า “ตามข้ามา ! ”

บริเวณที่ว่าการมีคนเดินออกมาสองสามคน ชายผู้ที่สง่างามมีอายุประมาณ 40 ปีเดินนำอยู่ด้านหน้าสุดและบังเอิญออกมาเห็นเจียงโม่หานในชุดสีนวลจันทร์ที่อยู่ตรงข้ามของที่ว่าการพอดี เขาอดไม่ได้ที่จะชมว่า “ท่าทางเป็นคนมีความสามารถ” ไม่เพียงหน้าตาดี บุคลิกก็ยังดูดีด้วย แค่ท่าทางภายนอกก็ดูเหมือนเป็นคนมีชื่อเสียงแล้ว

ไม่รู้ว่าบัณฑิตคนนี้จะเข้าร่วมการสอบระดับฝู่ซื่อและเยวี่ยนซื่อหรือไม่ ถ้าใช่ก็หมายความว่าเมืองจงโจวมีอัจฉริยะอยู่จริง นอกจากบัณฑิตเจียงที่ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญแล้ว บัณฑิตตรงหน้านี้ก็ดูไม่ธรรมดาเช่นกัน !

บัณฑิตหยวนพูดกับเจ้าเมืองเจียงว่า “คดีทุจริตการสอบ ข้าส่งฎีกาไปทางราชสำนักแล้ว ! โชคดีที่คราวนี้นายอำเภอเป่าชิงตรวจสอบจนพบทันเวลา ถ้าช้าไปอีกแค่คืนเดียวก็คงกลายเป็นเรื่องใหญ่ ! จะปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นในการสอบฝู่ซื่อและเยวี่ยนซื่อไม่ได้อีก ! ”

เจ้าเมืองเจียงรีบตอบรับ “ท่านผู้ตรวจการวางใจได้ ข้าสั่งให้เจ้าหน้าที่ผู้ออกข้อสอบปิดผนึกทุกอย่างไว้แล้ว ห้ามให้พวกเขาติดต่อกับคนนอก รอจนการสอบเสร็จสิ้นค่อยสั่งยกเลิกกฎนี้ คราวนี้ข้าใช้ศีรษะของตนเป็นประกันได้เลยว่าจะไม่มีการทุจริตเกิดขึ้นแน่นอนขอรับ ! ”

บัณฑิตหยวนหันไปมองเขา ก่อนจะพูดในใจว่า ในการสอบระดับเซี่ยนซื่อ ถ้าไม่ใช่เพราะนายอำเภอเป่าชิงตรวจสอบพบก่อน ศีรษะของเจ้าจะยังรักษาไว้ได้หรือไม่ ?

การสอบระดับเซี่ยนซื่อและฝู่ซื่อมีระยะเวลาห่างกันประมาณหนึ่งเดือนกว่า ๆ ในที่สุดเขาก็จะได้ไปหาท่านอาจารย์แล้ว แม้จะได้ยินจากบุตรชายว่าท่านอาจารย์สบายดีทุกอย่าง แต่เขาก็ยังไม่วางใจ ยังเป็นห่วงว่าท่านอาจารย์จะพูดแต่เรื่องที่มีความสุขทว่าเก็บเรื่องทุกข์เอาไว้

เขาลองจินตนาการว่าชายชราที่อายุเกือบ 60 ปีคนหนึ่งต้องหนีตายจากสงครามอย่างไร จะต้องเผชิญเรื่องอันตรายที่คาดไม่ถึงมากแค่ไหน เพราะคนรับใช้ข้างกายหลงเหลือแต่เซวียจื้อเฉียนสองพ่อลูกเท่านั้น ! แม้ท่านอาจารย์จะพูดว่าเพราะเมื่อลงหลักปักฐานที่เขตเริ่นอันแล้วได้มีการเลิกจ้างบ่าวรับใช้ไปบางส่วน เหลือไว้เพียงสองคนก็พอ แต่เขาไม่เชื่อ !

พอคิดว่าอีกไม่นานก็จะได้พบท่านอาจารย์ ได้รับฟังคำสั่งสอนจากอาจารย์อีกครา บัณฑิตหยวนก็อดดีใจไม่ได้ ดวงตาจึงเปียกชื้นขึ้นมาทันที

เขาปฏิเสธความหวังดีของเจ้าเมืองเจียงที่จะให้ตนพักอยู่ในที่ว่าการ เพราะตอนนี้ใจของเขาได้ลอยออกไปนอกเมืองจงโจวแล้ว มันลอยไปที่กระท่อมเชิงเขานอกเขตเริ่นอัน ลอยไปหาท่านอาจารย์…

ในขณะที่บัณฑิตหยวนกำลังรีบร้อนจะออกจากเมืองจงโจวเพื่อไปที่เขตเริ่นอัน เจียงโม่หานก็พาหลินเว่ยเว่ย หลินจื่อเหยียน เผิงหยูเหยี่ยนและคนอื่น ๆ มาที่ตรอกเล็ก ๆ อันห่างไกลตรอกหนึ่ง

จากความทรงจำอันแสนยาวนาน ที่นี่มีบ้านเล็ก ๆ สภาพไม่เลวอยู่หลังหนึ่ง ตอนที่สอบเยวี่ยนซื่อในชาติก่อน เฝิงชิวฟานเป็นผู้เช่าบ้านหลังนี้ ด้านในมีห้องพักทั้งหมดเจ็ดแปดห้องและเครื่องใช้ในครัวเรือนกับเตียงเตาพร้อมสรรพ เฝิงชิวฟานชวนบัณฑิตอีกสองสามคนมาอยู่ด้วย หารค่าเช่าและยังจ้างแม่ครัวมาทำอาหารให้อีก

ตอนนั้นเฝิงชิวฟานก็ชวนเขาด้วยและยังบอกว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนของเขาทั้งหมดเอง ถ้าเฝิงชิวฟานไม่พูดเน้นประโยคนี้ออกมา ตัวเขาก็อาจจะตอบตกลง ทว่าในเวลานั้นเขาทะนงตนและหยิ่งในศักดิ์ศรีมากเกินไป แล้วจะยอมรับน้ำใจเช่นนั้นได้อย่างไร ?

พอมาลองคิดดูแล้วเฝิงชิวฟานที่รู้ว่าเขามีนิสัยอย่างไร น่าจะจงใจพูดแบบนั้นออกมา ! เฝิงชิวฟานไม่ได้เรียนเก่งเท่าเขา คงจงใจบีบให้เขาออกจากกลุ่มไปเอง ซึ่งตัวเขาที่มีเงินเหลือเพียงน้อยนิดต้องไปเช่าเพิงไม้หลังหนึ่งอยู่ น้ำรั่วยังไม่ต้องเอ่ยถึง เพราะแค่เสียงดังรบกวนจากรอบข้างก็ส่งผลต่อการสอบเยวี่ยนซื่อของเขาแล้ว…

หลังกลับชาติมาเกิดใหม่ ในที่สุดเขาก็คิดตก เฝิงชิวฟานเป็นคนจิตใจคับแคบแต่แสดงโฉมหน้าว่าเป็น ‘พ่อพระ’ เพื่อที่จะได้รับชื่อเสียงด้านดี ๆ นอกจากนี้ก็ยังทำให้บรรลุเป้าหมายด้วย…หน้าซื่อใจคด !

ชาตินี้จะรอดูสิว่าเฝิงชิวฟานผู้ไม่มีจี้หยกจะสามารถปีนขึ้นสูงได้อย่างไร ? ต้องทำให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าถ้ายังมีเจียงโม่หานคนนี้อยู่ เฝิงชิวฟานจะต้องโดนบดขยี้ไปชั่วชีวิต !

หลังได้กลับมายืนตรงหน้าบ้านเช่าหลังนี้อีกครั้ง เจียงโม่หานก็ไม่มีความรู้สึกใดหลงเหลืออีกแล้ว เจ้าของบ้านเช่ามองบัณฑิตไม่กี่คนตรงหน้า โดยเฉพาะบัณฑิตหนุ่มที่อยู่ในชุดสีนวลจันทร์คนนี้ แววตาดูสงบนิ่ง บุคลิกอยู่เหนือผู้คน แค่มองก็รู้ว่าเป็นมังกรในหมู่มวลมนุษย์ เด็กหนุ่มที่มีอายุน้อยที่สุดคนนั้นก็ดูฉลาดเฉลียว นับว่าเข้าตาเขามาก

บรรดาเจ้าของบ้านเช่าไม่เชิงว่าจะไม่เลือกผู้เช่าเสียทีเดียว พวกเขาก็เหมือนคนเล่นพนัน ต้องเลือกบัณฑิตที่ดูมีความสามารถเข้าไว้ เพราะถ้าบัณฑิตคนนั้นสอบติดขึ้นมา บ้านเช่าของตนก็จะสามารถปล่อยเช่าในครั้งต่อไปได้ง่ายกว่าเดิม ยิ่งชื่อเสียงดีเท่าไร บ้านก็จะมีชื่อเสียงตามไปด้วยเท่านั้น แม้ค่าเช่าจะสูงกว่าที่อื่นแต่ก็ต้องมีบัณฑิตมาแย่งกันเช่า…พวกบัณฑิตก็เชื่อเรื่องโชคลางเหมือนกัน !

เพียงเพราะมีอั้นโฉ่ว (ผู้สอบได้อันดับที่ 1 ในบรรดาหลิ่นเซิง) คนเดียว บ้านเช่าเก่า ๆ ของสกุลโจวก็มีค่าเช่าสูงติดต่อกันถึง 5 ปี บ้านโทรม ๆ ของสกุลโจวยังห่างชั้นจากบ้านเช่าของเขามาก แต่ได้รับค่าเช่าสูงกว่า 3 เท่าเลยทีเดียว

หากว่าในบรรดาบัณฑิตเหล่านี้สอบได้อั้นโฉ่วหรือติดหลิ่นเซิง ปีถัดไปค่าเช่าบ้านของตนก็จะสูงขึ้นบ้าง !

หลินเว่ยเว่ยเดินรอบบ้านหนึ่งรอบ ขณะเดียวกันก็แอบนับห้องไปด้วย บ้านหลังนี้บังเอิญมี 7 ห้อง สามารถให้พวกเขาได้แบ่งกันอยู่คนละห้องพอดี ห้องครัวก็สะอาดมาก เครื่องครัวก็มีพร้อมสรรพ แถมที่นี่ยังห่างจากสถานที่สอบของทางการแค่ 2 เค่อ สะดวกสบายใช้ได้…สรุปแล้วนางพอใจสุด ๆ !

“พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร ? ” หลินเว่ยเว่ยถามความเห็นจากพวกบัณฑิตด้วยรอยยิ้ม เนื่องจากนางคิดว่าความพอใจของตนไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือพวกบัณฑิตต้องอยู่กันแล้วรู้สึกสบายใจ

เมิ่งจิ่งหงพูดประจบ “หลินกู่เหนียงคิดว่าดีก็ได้แล้ว พวกเราไม่มีความเห็น ! ”

หลิ่วจงเทียนก็พยักหน้ารับ แต่หลินจื่อเหยียนขมวดคิ้ว “มีเรื่องหนึ่งที่ไม่ดี คือในบ้านไม่มีบ่อน้ำ เวลาจะดื่มน้ำต้องไปหาบมาจากข้างนอก…”

เจ้าของบ้านรีบพูด “บ้านของพวกเราฝั่งนี้ไม่มีบ่อน้ำอย่างเดียวเท่านั้น แต่บ้านของข้ายังถือว่าดีเพราะอยู่ห่างจากบ่อน้ำสาธารณะไม่ไกล ไปกลับใช้เวลาประมาณ 2 เค่อ…”

หลินจื่อเหยียนเริ่มหวาดระแวงกับความเอาใจใส่ของเจ้าของบ้านเช่า กระตือรือร้นอยากให้พวกข้าเช่าบ้านขนาดนี้เลย บ้านหลังนี้คงไม่มีอะไรที่ไม่ดีอยู่กระมัง ปกติคงปล่อยเช่าได้ยากจริงหรือเปล่า ?

“พี่รอง ถ้าอย่างไร…พวกเราไปเดินหาจากที่อื่นอีกหน่อยดีหรือไม่ ? ” หลินจื่อเหยียนกระซิบกับหลินเว่ยเว่ย

แต่เจ้าของบ้านพูดขึ้นมาอีกครั้ง “บ้านหลังนี้เพิ่งปรับปรุงใหม่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา เหล่าคุณชายสามารถไปถามได้เลย ถ้าบริเวณใกล้ที่ว่าการแห่งนี้มีบ้านหลังใดดีกว่าบ้านของข้า ข้าจะไม่คิดค่าเช่าพวกท่านเลย ! ข้าเห็นพวกคุณชายดูไม่ธรรมดา แค่มองก็รู้ว่าเป็นมังกรในหมู่มวลมนุษย์ เพื่อความเป็นสิริมงคลของบ้านเช่าจึงอยากปล่อยเช่าให้แก่พวกท่าน…”