บทที่ 409 ทำไมนางถึงดูสนใจข้านัก?
บทที่ 409 ทำไมนางถึงดูสนใจข้านัก?
ชายทุกคนต่างมองหน้ากันไปมาด้วยสีหน้าโง่งม เมื่อได้ยินคำพูดของ ชิวฮัวเล่ย
ทักษะการเล่นพิณของนางนั้นสูงมากอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นผู้ชายอย่างพวกเขาที่แม้แต่สายพิณก็ยังไม่เคยแตะจะพูดในสิ่งที่นางต้องการได้ยินได้ยังไง?
แม้ว่าบางคนจะรู้เรื่องการเล่นพิณอยู่บ้าง แต่พวกเขาจะมีความรู้พอที่จะให้คำชี้แนะผู้เชี่ยวชาญอย่างนางได้ยังไง?
หากพวกเขาแกล้งเดาและแกล้งให้คำแนะนำส่ง ๆ ไป จะไม่ยิ่งดูโง่กว่าเดิมเหรอ?
นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาทั้งหมดมองหน้ากัน ไม่มีสักคนเดียวที่เต็มใจจะเสี่ยง ทุกคนรู้ว่ามีโอกาสเดียวเท่านั้น! พวกเขาจะเสียโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับเทพธิดาของพวกเขา หากไม่สามารถสนองความต้องการของนางได้
พวกเขาทั้งหมดต้องการฟังรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อหาช่องว่างสอดแทรกสิ่งที่ตัวเองเข้าใจ เผื่อว่าคณิกาอันดับหนึ่งจะรับรู้ถึงความพยายาม
ในทางกลับกัน เมื่อเห็นสีหน้าที่ลังเลของผู้คนรอบข้าง เฉินเซวียนก็แสดงท่าทางเย้ยหยัน ไอ้พวกผู้ดีเหล่านี้ที่ใช้ชีวิตราวกับเป็นเจ้าชายพากันวิตกกังวลในเรื่องไม่เข้าเรื่อง คนแบบนี้ไม่สามารถถือได้ว่าเป็นผู้ชายที่แท้!
เกี่ยวกับผู้หญิง ยิ่งเจ้ายกยอและดูแลเอาใจใส่พวกนางมากเท่าไร พวกนางก็จะยิ่งอยู่ห่างจากเจ้ามากขึ้นเท่านั้น!
เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงก้าวออกมาอย่างไม่ใส่ใจ เขาทุบหน้าอกของตัวเองและพูดว่า “แม่นางชิว ข้าไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับการเล่นเครื่องดนตรีมากนัก ดังนั้นข้าจะไม่ทำให้ตัวเองอับอาย อย่างไรก็ตาม ในเพลงของเจ้า มีสิ่งหนึ่งที่ข้ามั่นใจคือ ข้าสัมผัสได้ถึงเรื่องราวของความรักที่ถูกหักหลัง แต่นอกจากนี้ข้าเองก็ไม่กล้ารับประกัน แต่ถ้าในอนาคตมีใครกล้ารังแกเจ้า ข้าจะให้คนของข้าตัดหัวมันทิ้ง แล้วข้าจะทำถ้วยสุราจากกะโหลกของมัน!”
ด้วยบุคลิกที่ดูดุร้ายและป่าเถื่อน มันจึงช่วยเสริมคำพูดของเขาให้หนักแน่นมากยิ่งขึ้น และช่วยเสริมความเป็นชายของเขายิ่งขึ้นไปอีก สีหน้าที่ดูหยิ่งผยองของชายผมแดงผู้นี้ยิ่งทำให้เขาแตกต่างจากผู้ชายคนอื่น ๆ ในห้องโถงอย่างชัดเจน
“หากเป็นเช่นนั้น หญิงผู้ต่ำต้อยผู้นี้ขอขอบคุณผู้กล้าหาญอย่างท่านจากก้นบึ้งหัวใจ” ชิวฮัวเล่ยมองเขาด้วยดวงตาที่มีเสน่ห์ของนาง ริมฝีปากสีแดงสวยงามของนางเผยอออกเล็กน้อย และดวงตาของนางเกือบจะเอ่อล้นด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง
เมื่อเห็นว่าชายผมแดงได้รับความโปรดปรานจากชิวฮัวเล่ย ผู้ชายมากมายที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็รู้สึกเสียใจในทันที หากพวกเขารู้ว่าการพูดแบบนี้มันได้ผล พวกเขาคงจะก้าวออกไปพูดเหมือนชายผมแดงบ้าง
ผู้ชายคนแรกย่อมทิ้งความประทับใจที่ลึกซึ้งที่สุดให้กับผู้หญิงเสมอ
ก่อนหน้านี้ หวางหยวนหลงถูกเฉินเซวียนทำให้รู้สึกอับอายขายหน้า ดังนั้นจึงตั้งใจอยากจะเกทับ เขาพูดอย่างเร่งรีบ “แม่นางชิว ข้าเป็นเพียงนายน้อยของตระกูลหวาง และข้าไม่มีทักษะอื่นใดอีก อย่างไรก็ตาม เส้นทางขบวนพ่อค้าของตระกูลของข้านั้นทอดยาวได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ดังนั้นข้าจึงยังคงรู้เรื่องเกี่ยวกับดินแดนต่าง ๆ มากมาย ถ้าผู้หญิงของข้ามีความต้องการอะไร ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยเจ้า ข้าแน่ใจว่าขบวนพ่อค้าของข้าสามารถค้นหาสิ่งที่เจ้าแสวงหาได้โดยเร็วกว่าใครคนอื่น”
หลังจากหยุดชั่วครู่ เขามองไปที่เฉินเซวียนและกล่าวต่อ “จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าคน ๆ หนึ่งจะแข็งแกร่งเพียงใด พลังของพวกเขาก็มีจำกัด มันจะไปเทียบกับพลังของคนหมู่มากได้ยังไง?”
เขารู้ว่าจุดแข็งของตัวเองอยู่ที่ไหน แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขาจะด้อยกว่าเฉินเซวียนมาก แต่เขาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลหวาง เมื่อพูดถึงเรื่องความมั่งคั่ง คนเถื่อนคนนี้ไม่คู่ควรแม้แต่จะเช็ดสิ่งสกปรกออกจากรองเท้าของเขา
เฉินเซวียนรู้ดีว่าหวานหยวนหลงหมายถึงอะไร ก็พูดเยาะเย้ย “ก็แค่ขยะอีกชิ้นที่พึ่งพาครอบครัวของตัวเอง แม้แต่คำพูดของเจ้าก็ยังลอกเลียนคนอื่นมา”
เขาบอกเป็นนัยชัดเจนว่าหวางหยวนหลงกำลังเลียนแบบวิธีการพูดของเขา
“เจ้าพูดบ้าอะไรของเจ้า!?” หวางหยวนหลงโกรธจัด
“หืม? ทำไม? เจ้าต้องการที่จะต่อสู้ต่องั้นเหรอ? เข้ามาเลย!” เฉินเซวียนลุกขึ้นยืน และเชื้อเชิญชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
การแสดงออกของหวางหยวนหลงเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำยั่วยุของอีกฝ่าย ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยชนะแม้แต่ตอนที่สามรุมหนึ่ง และตัวเขาเองก็ถูกทำให้หมดสภาพไปสักพักจากการเตะเพียงครั้งเดียว ดังนั้นเขาจะกล้าต่อสู้กับคน ๆ นี้อีกครั้งได้ยังไง?
อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางที่เขาจะยอมรับว่าเขากลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงงาม เขาชะงักและไม่รู้จะทำอะไรต่อไป
โชคดีที่ชิวฮัวเล่ยช่วยเขาให้พ้นจากสถานการณ์เลวร้าย “ท่านเซวียน โปรดอย่าทำเช่นนี้ ถ้าท่านอารมณ์เสียเพราะข้า นั่นจะเป็นบาปที่ชิวเอ๋อร์แก้ไขไม่ได้จริง ๆ”
หลังจากที่ชิวฮัวเล่ยโทษตัวเอง น้ำตาของนางก็เอ่อล้นจนเต็มตา ส่งผลให้เสียงของชายที่หัวใจแตกสลายนับไม่ถ้วนสะท้อนไปทั่วห้องโถง ทุกคนหันไปจ้องมองคนเลวทั้งสอง
พวกเขากล้าดียังไงมาทำร้ายความรู้สึกของแม่นางชิว!
แม้แต่เฉินเซวียน คนที่เคยเลียเลือดจากดาบของตัวเองก็ยังรู้สึกผิดก็รีบขอโทษ และสัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาอีกต่อไป
เมื่อเป็นอย่างนี้ ชิวฮัวเล่ยก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มของนางเปล่งประกายดุจความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิที่ละลายน้ำแข็งและหิมะออกไปก่อนที่จะหล่อเลี้ยงให้ทุ่งดอกไม้บานสะพรั่ง หัวใจของผู้ชายทุกคนเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง พวกเขารู้ว่าตัวเองจะไม่มีวันลืมรอยยิ้มนี้
เพ่ยเหมียนหมานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “นางช่างงดงามจริง ๆ… แม้แต่ผู้หญิงก็ยากที่จะต้านทานเสน่ห์ของนางได้…”
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ห้องโถงก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ผู้ชายทั้งหมดดูเหมือนจะฟื้นความมั่นใจราวกับว่าพวกเขาได้รับชีวิตใหม่ด้วยรอยยิ้มนั่น
เฉินเซวียนและหวางหยวนหลงได้เป็นแบบอย่างของวิธีการพูดสำหรับพวกเขา และตอนนี้พวกเขาทั้งหมดเริ่มพูดขึ้นโดยให้ความเห็นเกี่ยวกับการเล่นพิณก่อนหน้านี้ของชิวฮัวเล่ย
เพื่อทำให้นางประทับใจ พวกเขาทั้งหมดจึงเริ่มทุ่มสุดตัว
พวกเขาบางคนอวดความสามารถทางวรรณกรรม ยกย่องการแสดงของนางราวกับว่าไม่มีสิ่งใดในสวรรค์เบื้องบนหรือโลกเบื้องล่างสามารถเปรียบเทียบได้ และบอกหนึ่งหรือสองความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ข้อบกพร่อง’ ของนาง
ขณะที่ฟังการพูดคุยของพวกเขา ซูอันก็มึนงงมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่เคยคิดว่าโลกนี้จะมีคำคุณศัพท์ที่มีความหมายถึงความงามมากมายขนาดนี้
บางคนอวดภูมิหลังของครอบครัว เรื่องนี้ทำให้ซูอันรู้สึกประหลาดใจกับจำนวนลูกหลานของตระกูลพ่อค้าผู้มั่งคั่งในเมืองจันทร์กระจ่าง ในตอนแรกชายหนุ่มคิดว่ามันไร้สาระ แต่เมื่อคิดไปคิดมา อย่างน้อยที่สุดเขาก็พอเข้าใจมากขึ้นว่าสังคมของโลกใบนี้ขับเคลื่อนจากอะไรบ้าง
บางคนแสดงความแข็งแกร่งและศักยภาพของตัวเอง และยังมีนักศึกษาของสถาบันจันทร์กระจ่างที่เป็นผู้บ่มเพาะระดับห้าอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับผู้บ่มเพาะระดับที่หกอย่างเฉินเซวียน ความแข็งแกร่งของนักศึกษาผู้นั้นก็ไม่นับว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจเท่าไหร่
…
ซูอันยังคงดูฉากนี้ต่อไปพลางเคี้ยวเมล็ดแตงอย่างเกียจคร้าน ตอนนี้เองที่ชายหนุ่มจำได้ว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นอาจารย์คนหนึ่งของสถาบันจันทร์กระจ่าง
อืม…ข้าจะจำนักศึกษาคนนั้นไว้ เขาไม่ได้ทักทายตอนที่เห็นข้า! ข้าจะทำให้เขาลำบากในชั้นเรียนครั้งต่อไปอย่างแน่นอน
ชิวฮัวเล่ยตอบกลับเหล่าชายที่คลั่งไคล้นางทุกคนด้วยรอยยิ้มหวานและดูจริงใจ ซึ่งมันทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าถูกลมฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นโอบล้อม
ซูอันรู้สึกชื่นชมนางเป็นอย่างมาก ทักษะการสื่อสารของผู้หญิงคนนี้ยอดเยี่ยมมาก
แต่ทำไมแฟนคลับที่คลั่งไคล้นางอย่างฉู่ฮงไฉถึงยังไม่พูดอะไรเลย?
แต่ในขณะที่เขายังคงพยายามไขปริศนาที่คาใจนี้ เขาก็สังเกตเห็นว่า ฉู่อวี้เฉิงนำฉู่ฮงไฉไปที่ด้านหน้าเพื่อดูเทพธิดาของพวกเขาอย่างใกล้ชิด พวกเขาเข้าใกล้นางมากจนสามารถสัมผัสถึงกลิ่นหอมของนางได้
ฉู่ฮงไฉเกือบจะละลายไปด้วยความคลั่งไคล้
โชคดีที่เขายังจำได้ว่าเขามาเพื่ออะไร และถามอย่างเร่งรีบ “ข้าสงสัยว่าแม่นางชิวคิดถึงใครขณะเล่นเพลงนั้น ใครเล่าจะมีโชคลาภจากการได้รับความโปรดปรานจากแม่นางชิว?”
เมื่อสังเกตเห็นว่าคนถามคือนายน้อยของตระกูลฉู่สายรอง ชิวฮัวเล่ย มองสำรวจพื้นที่รอบตัวอีกฝ่าย แต่นางกลับไม่เห็นสิ่งที่นางกำลังมองหา
นางจ้องมองต่อไปอีกแล้วก็สังเกตเห็นว่า ซูอันกำลังพูดและหัวเราะกับ เล้งส่วงเยว่ที่อีกด้านหนึ่งของห้องโถงโดยไม่สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นทางด้านนี้
นางรู้สึกสับสน
นี่ข้ายังเปิดเผยตัวเองไม่พอเหรอ? หรือมาตรฐานของเขาสูงเกินไป? ข้าสู้นางหญิงเผ่าแมวนั่นไม่ได้หรือไง?
—
ท่านยั่วยุชิวฮัวเล่ยสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 128!
—
การไหลเข้ามาของคะแนนความโกรธแค้นนี้ทำให้ซูอันสับสน ครั้งก่อนอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่การที่มันจะเกิดขึ้นสองครั้งติดต่อกันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกใช่ไหม?
ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมุ่งเป้ามาที่เขา?
มันอาจจะเป็น…
เพราะข้าหล่อเกินไปและนางอดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหลเพราะอยากกินข้า?