บทที่ 410 เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?
บทที่ 410 เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?
เมื่อกลับมามองที่ฉู่ฮงไฉอีกครั้ง การแสดงออกของชิวฮัวเล่ยก็กลับมาเป็นปกติอย่างแนบเนียน นางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเกรงว่านายน้อยคนที่สองของตระกูลฉู่จะเข้าใจผิด ข้าไม่มีคนรัก เพลงที่ข้าเล่นเป็นการตีความจากเรื่องราวพื้นบ้าน”
แม้จะรู้ว่าชิวฮัวเล่ยนั้นบริสุทธิ์และปราศจากมลทิน แต่บรรดาคนที่คลั่งไคล้นางหลายคนยังคงซ่อนความกลัวไว้ในใจ
ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินนางพูดย้ำว่านางไม่มีคนรัก พวกเขาต่างก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ผู้ชายก็เป็นอย่างนี้ พวกเขาจะสบายใจได้ หากไม่มีใครในหมู่พวกเขาได้สิ่งที่พวกเขาเองต้องการมาครอบครอง อย่างไรก็ตาม หากมีคนใดคนหนึ่งได้รับสิ่งนั้นไป มันก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะจัดการกับความรู้สึกริษยาได้
“ไม่แปลกใจเลย!” ฉู่ฮงไฉพูดเหมือนคนที่เห็นแสงสว่างในทันใด
คนรอบข้างอื่น ๆ หมดความอดทน “เสร็จหรือยัง? คนอื่นรออยู่!”
“เดี๋ยวก่อนสิ! จะเร่งอะไรนักหนา!”
เฉินเซวียนพึมพำขึ้นมาเช่นกัน “ถ้าเจ้าปวดตด เจ้าก็ปล่อยมันออกมาให้จบ ๆ ไป เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดจากำกวมให้เสียเวลาคนอื่นเขา!”
ลมหายใจของฉู่ฮงไฉหยุดลงชั่วขณะ ความโกรธปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ในทางกลับกัน ชิวฮัวเล่ยกลับแสดงสีไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ในคำพูดของฉู่ฮงไฉ และถามว่า “ทำไมท่านถึงพูดว่า ‘ไม่แปลกใจ’ ล่ะ?”
รอยยิ้มกระจายไปทั่วใบหน้าของฉู่ฮงไฉ จากนั้นเขาก็ตอบกลับไปว่า “ข้าแค่ไม่แปลกใจเลยที่ข้ารู้สึกขัดแย้งในใจ ในขณะที่ข้าฟังเพลงของแม่นางชิวก่อนหน้านี้ ข้าแน่ใจว่าเป็นเพราะอายุอันเยาว์วัยของแม่นางชิว ท่านคงไม่เคยสัมผัสกับความรักที่ยากจะลืมเลือนเป็นการส่วนตัว ดังนั้นมันจึงไม่มีทางที่ท่านจะสร้างความรู้สึกบีบคั้นไปจนถึงจิตวิญญาณออกมาได้”
“อย่างไรก็ตามด้วยทักษะพิณอันยอดเยี่ยมของแม่นางชิว ข้าเองก็กังวลเช่นกันว่าข้าจะพูดไร้สาระ เหมือนกับนักวิจารณ์ที่เอาแต่หาเรื่องจับผิดงานของผู้อื่นตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่ตัวเองขาดความเข้าใจในงานนั้นอย่างแท้จริง”
ผู้ชายหลายคนรอบตัวเขาพยักหน้า ชายคนนี้ค่อนข้างฉลาดพูดจริง ๆ
ในความเป็นจริง ทุกคนสามารถเข้าใจเหตุผลนี้ แม้ว่าชิวฮัวเล่ยจะเป็นคณิกา แต่นางไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับความรักที่แท้จริง นางจึงทำได้เพียงอาศัยจินตนาการในการแสดงอารมณ์ที่มีอยู่ในรูปแบบบทเพลงเท่านั้น ดังนั้นพวกมันจึงไม่สามารถถือเป็นอารมณ์ที่แท้จริงได้
อย่างไรก็ตาม การแสดงของนางก็กินใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากจะเผยความคิดนี้ของตัวเองออกมาดัง ๆ เพราะพวกเขารู้สึกว่าการพูดออกไปจะเป็นการดูหมิ่นหญิงสาว
ลมหายใจของฉู่ฮงไฉขาดห้วงไป เขาเตรียมตัวสำหรับช่วงเวลานี้มาเป็นเวลานาน
ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อทิ้งความประทับใจที่ลึกซึ้งต่อเทพธิดาของเขาไว้เบื้องหลัง
คำเยินยอที่คนอื่นใช้นั้นถูกด้อยค่าอย่างสิ้นเชิง บรรดาผู้ที่ชื่นชมและพยายามชี้ให้เห็นข้อบกพร่องที่มาจากความรู้สึกปลอม ๆ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้มากขึ้น
มีเพียงตัวเขาเองที่ชี้ให้เห็นปัญหาที่มีอยู่จริงเท่านั้นที่อาจได้รับความชื่นชมจากนาง
ตามที่ทุกคนคาดไว้ การแสดงออกของชิวฮัวเล่ยเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน หลังจากเงียบไปนาน นางก็ถอนหายใจยาว “ข้าหวังว่านายน้อยที่สองของตระกูลฉู่จะมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งต่อบทเพลงของข้า อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าท่านจะไม่เข้าใจการเล่นของข้าเลย”
เมื่อเห็นความผิดหวังของชิวฮัวเล่ย ชายอื่นที่อยู่รอบตัวฉู่ฮงไฉ ซึ่งในตอนแรกต่างพากันใจเสีย ก็กลับกลายเป็นดีใจมาก และเริ่มซ้ำเติมเขาในทันที
“ใช่! ทำไมเจ้าไม่ลองคิดดูว่าแม่นางชิวเป็นใคร? แน่นอนว่านางสามารถใส่อารมณ์ที่แท้จริงลงไปในบทเพลงได้อยู่แล้ว!”
“โธ่ นึกว่าเจ้าจะเป็นคนดี เจ้ามันก็แค่พวกชอบใช้กลสกปรก! เจ้าจะได้รับผลกรรมอย่างแน่นอน!”
“เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร? กล้าดียังไงมาวิจารณ์แม่นางชิวแบบนี้!”
…
ฉู่ฮงไฉไม่สนใจคนอื่นที่สามัคคีกันซ้ำเติมเขา ตอนนี้การแสดงออกที่ผิดหวังของชิวฮัวเล่ยเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความทุกข์
ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าคนอื่นจะหยาบคายแค่ไหน นางก็ยังคงมีสีหน้าที่พึงพอใจอยู่เสมอ ทำไมเขาถึงเป็นคนเดียวที่ได้รับการปฏิบัติจากนางอย่างโหดร้าย?
จบสิ้นแล้ว ข้าพยายามทำไปเพื่ออะไร…
คำพูดเมื่อครู่นี้สะท้อนก้องอยู่ในใจของเขาในขณะที่วิญญาณเหมือนจะค่อย ๆ หลุดออกจากร่างกาย เขาเห็นฉู่อวี้เฉิงขยับปาก แต่เขาไม่ได้ยินอะไรเลย
ซูอันรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องที่ไม่คาดคิดนี้ แม้ว่าคำพูดของฉู่ฮงไฉจะตรงไปตรงมาจนเกินไป แต่ก็ยังมีเหตุผล ชิวฮัวเล่ยเป็นนางคณิกามาหลายปีแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่นางจะลืมตัวต่อว่าแขกของหอสุขนิรันดร์เช่นนี้
“แมวเหมียว ทำไมเรื่องแค่นี้ แม่นางชิวของเจ้าถึงอารมณ์เสียขนาดนี้?” ซูอันถามหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ เขาอย่างสงสัย พลางขยี้หูของนางโดยไม่รู้ตัว
เล้งส่วงเยว่หน้าแดงขึ้นทันที “ข้า…ไม่รู้…อ่า…”
ซูอันขยี้หูของนางแรงขึ้นกว่าเดิม ทำให้ทั้งร่างของแมวสาวสั่นอย่างต่อเนื่อง นางพูดตะกุกตะกัก “บ…บางที…บางที…มันอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น…”
ตัดกลับมาที่ชิวฮัวเล่ย อยู่ ๆ สายตาของนางได้เบนไปที่ชั้นสองอีกแล้ว “นายน้อยเซี่ยมาถึงนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไร ข้าต้องการฟังความคิดเห็นของนายน้อยเซี่ยบ้าง…”
เฉินเซวียนตกตะลึงทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “นายน้อยเซี่ย? นายน้อยเซี่ยคนไหน?”
“นายน้อยเซี่ยแห่งเมืองจันทร์กระจ่างจะมีกี่คนล่ะ? แน่นอนว่านางหมายถึง เซี่ยซิว!” คนใกล้ตัวเขาเยาะเย้ย เจ้าถูกไอ้ปลาไหลนั่นหลอกตั้งนานยังไม่รู้ตัวอีก!
เฉินเซวียนระเบิดความโกรธทันที เขาจ้องเขม็งไปที่ซูอัน “ไอ้ลูกหมา! แกกล้ามากนะที่มาหลอกข้า!”
“ถ้าข้าหลอกเจ้าแล้วจะทำไมล่ะ? เจ้าจะงับขาข้าเหรอ?” ซูอันนั่งสบาย ๆ ในที่นั่งของเขา วงแขนเกี่ยวพันรอบตัวเล้งส่วงเยว่ท่าทางไม่สะทกสะท้าน
เฉินเซวียนโกรธจัดในทันที เขาชักดาบออกจากฝัก เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน
—
ท่านยั่วยุเฉินเซวียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 444!
—
ในใจของฉู่อวี้เฉิงรู้สึกชื่นชมซูอันขึ้นมา ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจจริง ๆ ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าอีกฝ่ายเป็นลูกเขยที่ไร้ประโยชน์ของตระกูล เขาไม่คิดว่าซูอันจะเป็นคนใจกล้าขนาดนี้!
คนแบบนี้ล่ะข้าชอบ!
เมื่อครู่นี้ชายผมแดงทำให้พวกเขาเสียหน้า ดังนั้นเขาจึงปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้ใบหน้าของไอ้สารเลวนั่นถูกใครสักคนปาขี้ใส่ให้เละเทะมากที่สุด
เขาพยายามลากฉู่ฮงไฉออกมาด้วยความกังวลว่าเฉินเซวียนจะโกรธจัดจนทำอะไรขึ้นมาก็ได้
น่าเสียดายที่ฉู่ฮงไฉยังอยู่ในความงุนงง เขาได้ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นฉู่อวี้เฉิงจึงถูกทิ้งให้คอยช่วยซูอันเพียงคนเดียว
หลังจากลังเลอยู่บ้าง หวางหยวนหลงก็ก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อช่วยซูอันเช่นกัน
ซูอันค่อนข้างแปลกใจ เขาไม่ได้คาดหวังว่าพวกที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดเหล่านี้จะมีน้ำใจช่วยเหลือในเวลาสำคัญเช่นนี้
เฉินเซวียนหัวเราะเยาะ “เจ้ารู้สึกใจชื้นเพราะตอนนี้มีคนอยู่เป็นเพื่อนเจ้ามากขึ้นหรือเปล่า?”
หลังจากพูดอย่างนั้น ลูกน้องของเขาทั้งหมดลุกขึ้นยืน และฝ่ายของเขาก็ได้เปรียบในด้านจำนวนคนทันที
เมื่อเห็นว่าความขัดแย้งใกล้จะถึงจุดแตกหัก ชิวฮัวเล่ยก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ข้าขอวิงวอนให้ทุกท่านฟังข้าครั้งนี้อีกสักครั้งได้ไหม? ท่านทั้งหลายได้โปรดอย่าก่อความวุ่นวายในหอสุขนิรันดร์ได้หรือเปล่า?”
แม้แต่จิตใจที่เยือกเย็นที่สุดก็ยังต้องละลายไปกับเสียงอ้อนวอนอันไพเราะของนาง
เฉินเซวียนไม่พอใจ แต่ก็ยอมเก็บดาบเข้าฝัก “ข้าจะยังไม่เอาชีวิตเจ้าในตอนนี้ เพราะเห็นแก่แม่นางชิว ข้าจะจัดการเจ้าเมื่อเราออกจากหอสุขนิรันดร์ไปแล้ว!”
ซูอันขึ้นเสียงของเขาทันที “เจ้ากล้าดียังไงมาพูดว่าจะจัดการข้า เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?”
เฉินเซวียนตกตะลึงกับความหน้าด้านของซูอัน ที่ถูกจับโกหกได้กลับยิ่งอวดดีกว่าเดิม! อย่าบอกนะว่าไอ้นี่เป็นทายาทของตระกูลใหญ่จริง ๆ
“แล้วเจ้าเป็นใครกันแน่?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ ซูอันก็หัวเราะคิกคัก “จะดีกว่าถ้าเจ้าไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะไม่ต้องเจอข้าอีกเมื่อเราออกจากหอสุขนิรันดร์”
เกิดความเงียบสงัดชั่วขณะ จากนั้นทุกคนต่างพร้อมใจกันหัวเราะ ผู้ชายคนนี้มีไหวพริบจริง ๆ
เฉินเซวียนอึ้งพูดไม่ออก
—
ท่านยั่วยุเฉินเซวียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!
—
วันนี้เขาโดนไอ้เวรนี่กวนประสาททั้งวันเขาจะทนต่อไปได้ยังไง? เขาคว้าดาบของเขาอีกครั้งและทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ซูอัน