บทที่ 419 ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่กับอู่จั้วตัวน้อย

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 419 ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่กับอู่จั้วตัวน้อย

ฝางเหมี่ยวกลับไปที่ศาลต้าหลี่พร้อมกับนำเครื่องมือชันสูตรศพไปยังสถานที่เกิดเหตุ เมื่อระบุตัวตนของเหยื่อได้แล้วจึงรู้ว่าเขาเป็นบุตรชายคนรองของนายท่านจาง ถูกพบว่าจมอยู่ในแม่น้ำตอนเช้าตรู่ นี่เป็นข้อมูลที่นางได้รับมาในระหว่างการเดินทาง

ฝางเหมี่ยวมาที่บ้านของนายท่านจาง เนื่องจากการจากไปของนายน้อยเป็นไปอย่างกระทันหัน บรรยากาศในจวนสกุลจางจึงเต็มไปด้วยความเศร้าสลดหดหู่ นางเดินเข้าไปในห้องโถงที่ตั้งศพเอาไว้ เห็นชายร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งยืนอยู่ เขาหน้าตาหล่อเหลาแต่สีหน้าเย็นชาเคร่งเครียด

ฝางเหมี่ยวชำเลืองมองเขาจากนั้นจึงได้หลบสายตาเอ่ยทักด้วยความเคารพว่า

“ใต้เท้ากู้”

“มาแล้ว ก็เข้าไปดูเถอะ” กู้หวนเนี่ยนเอ่ยตอบ

นางตามใต้เท้ากู้เข้าไปข้างใน โดยปกติแล้วฝางเหมี่ยวไม่ใช่หญิงสาวที่มีหน้าตาโดดเด่นมากนัก แต่ยามที่นางได้ลงมือทำงาน นางกลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนกัน การเคลื่อนไหวดูคล่องแคล่ว จริงจัง สะอาดเรียบร้อยเป็นระเบียบ

“ศพถูกพบเมื่อไหร่หรือ?” ฝางเหมี่ยวเอ่ยถามกับเจ้าหน้าที่ ที่ยืนบันทึกรายงานอยู่ข้างๆ ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาข้อมูลในกระดาษ ใต้เท้ากู้ก็เปิดปากตอบนาง

“เมื่อเช้านี้ มีคนสัญจรไปมาพบเข้าโดยบังเอิญ”

“ศพถูกนำขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่?

“ในยามซื่อ[1]” กู้หวนเนี่ยนตอบ

“หากดูจากอาการบวมน้ำของศพแล้ว คาดว่าชายคนนี้เสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่าสิบแปดถึงยี่สิบยามแล้ว น่าจะเป็นช่วงเวลาเย็นของเมื่อวานนี้” ฝางเหมี่ยวสันนิษฐาน

เจ้าหน้าที่รับจดบันทึกข้อมูลตามที่นางเอ่ยออกมา หญิงสาวตรวจสอบใบหน้า หน้าอก มือเล็บและส่วนอื่นๆ ของศพอย่างละเอียด

“สีผิวออกเหลืองไม่ขาวมากนัก”

“ฝ่ามือเหยียดตึง ผมเผ้ายุ่งเหยิง”

“ไม่มีน้ำไหลออกมาจากทวารทั้งห้า ไม่มีทรายในซอกเล็บ”

“เขาถูกฆ่าตายก่อนที่จะโยนทิ้งลงในแม่น้ำ” ฝางเหมี่ยวกล่าว นางตรวจสอบต่อไป

“ที่บริเวณศีรษะมีรอยบวมเกิดจากการถูกตีด้วยของแข็ง อาวุธที่ใช้สังหารไม่มีคม พบเศษหินในบริเวณบาดแผล คาดว่าสิ่งที่ปลิดชีพเขาน่าจะเป็นก้อนหิน” นางสรุป

กู้หวนเนี่ยนหลับตาลง คิดถึงคำอธิบายของฝางเหมี่ยว ภาพๆ หนึ่งก็ปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของเขาขึ้นมา ชายคนนี้กำลังเดินอยู่บนถนนทันใดนั้นคนเอาก้อนหินทุบที่ศีรษะของเขาจนล้มลงเสียชีวิต

“เล็บของเขาสะอาดมากไม่มีร่องรอยการต่อสู้ใดๆ ใต้เท้า ข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้สองทางคือหนึ่ง ผู้ตายดื่มสุราก่อนเสียชีวิตเขาจึงไม่ปฏิกิริยาตอบสนองที่ช้าและไม่ดิ้นรน”

กู้หวนเนี่ยนพูดกับเจ้าหน้าที่ตรงบริเวณประตู

“ไปนำของผู้ตายจากฮวาซี่แล้วไล่ถามตามริมแม่น้ำว่ามีใครพบเห็นเขาเมื่อเย็นวานนี้หรือไม่”

“เจ้าไปสืบความสัมพันธ์ของคนที่ผู้ตายไปพบเมื่อวันก่อนมา”

“เจ้าไปนำอ่างน้ำมาใบหนึ่ง”

กู้หวนเนี่ยนสั่งงานทีละคน

“ขอรับใต้เท้า”

เจ้าหน้าที่เริ่มออกสืบทันที จากนั้นไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่นำอ่างน้ำเข้ามาให้ ฝางเหมี่ยวตกตะลึงชั่วขณะ นี่ของนางหรือ? หัวใจของหญิงสาวเริ่มเต้นแรงมาก นางชำเลืองมองกู้หวนเนี่ยน เมื่อเห็นท่าทีของเขายังคงเย็นชา นางจึงได้สติหันกลับมาล้างมือในอ่าง ฝางเหมี่ยวล้างมืออย่างพิถีพิถัน ไม่นานนักผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งก็ถูกยื่นมาให้ นิ้วมือของคนผู้นั้นเรียวยาวมีข้อต่อเห็นเด่นชัด ใบหูของฝางเหมี่ยวแดงระเรื่อ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเป็นกู้หวนเนี่ยน

“ใต้เท้าไม่จำเป็นเจ้าค่ะ ผ้าเช็ดหน้าของท่านจะสกปรก” นางพูดเบาๆ

“รับไป” น้ำเสียงของกู้หวนเนี่ยนหนักแน่น นางไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับมา

“ออกไปข้างนอกกันเถอะ”

“เจ้าค่ะ”

ทั้งสองเดินออกไปที่ประตู มีสตรีผู้หนึ่งถูกประคองมาโดยสาวใช้สองคน ดวงตาของนางบวมแดงจากการร้องไห้ ผมเผ้ายุ่งเหยิงของนางยุ่งเหยิงใบหน้าซีดเซียว

“ใต้เท้าเจ้าคะ เหตุใดลูกชายข้าจึงกลายเป็นเช่นนี้ มันเป็นอุบัติเหตุหรือมีใครทำร้ายเขา” นางถามด้วยเสียงสั่นเครือ

“เขาถูกใครบางคนฆ่าตาย”

“ใต้เท้า ได้โปรด…คืนความยุติธรรมให้บุตรชายข้าด้วย ได้โปรดสืบหาตัวคนร้ายด้วยเจ้าค่ะ!”

“ลูกชายที่น่าสงสารของข้า ใครช่างทำกับเจ้าได้ลงคอเช่นนี้!” ในขณะที่พูดใบหน้าของนางนองไปด้วยน้ำตา และมีแต่ความโศกเศร้า

“ฮูหยิน ไม่ต้องกังวล ข้าจะหาตัวคนร้ายให้ได้อย่างแน่นอน” กู้หวนเนี่ยนกล่าว

“ขอบคุณเจ้าค่ะใต้เท้า ขอบคุณมากเจ้าค่ะ” หญิงคนนั้นคุกเข่าและคำนับให้กู้หวนเนี่ยน ฝางเหมี่ยวรีบเข้าไปช่วยพยุงนางทันที

“ฮูหยิน ขอแสดงความเสียใจด้วยเจ้าคะ” ฝางเหมี่ยวกล่าว นางหันมามองหญิงสาวทั้งน้ำตา

“แม่นาง ข้าเองก็ต้องขอบคุณเจ้า”

หัวใจของฝางเหมี่ยวรับรู้และเกิดความรู้สึกตื้นตันในหัวใจ

“ฮูหยินพักผ่อนเถอะ บุตรชายของท่านที่อยู่บนสวรรค์ เขาหวังให้ท่านสุขสบายดี” ฝางเหมี่ยวปลอบโยนนาง ก่อนที่สาวใช้จะมาประคองให้นางไปพักผ่อน

กู้หวนเนี่ยนและฝางเหมี่ยวเดินไปที่ประตูด้วยกัน ชายหนุ่มหันไปมองฝางเหมี่ยว

“เหตุใดเจ้าถึงมาเป็นอู่จั้วล่ะ?” อาชีพอู่จั้วเป็นงานหนัก ขนาดบุรุษส่วนใหญ่ยังไม่กล้าที่จะทำเลย นับประสาอะไรกับสตรีเช่นนาง

“ตอนนั้นแม่ข้าป่วยหนัก ข้าไม่มีความรู้อะไร แต่จำเป็นจะต้องทำมาหากิน”

ฝางเหมี่ยวกล่าว เงินเดือนของอู่จั้วค่อนข้างสูงกว่าเงินเดือนอาชีพอื่น นางรู้สึกขอบคุณใต้เท้ากู้เป็นอย่างมาก เป็นเพราะตำแหน่งอู่จั้วนี้ไม่เคยรับผู้หญิงเข้าทำงานมาก่อน

นางเคยไปสมัครงานที่กรมอาญา และกองตรวจการแต่ก็ถูกไล่ออกมา มีเพียงศาลต้าหลี่เท่านั้นที่ต้อนรับ ใต้เท้ากู้เป็นคนมอบโอกาสให้แก่นาง

“เป็นเพราะเหตุนี้หรือ?” กู้หวนเนี่ยนขมวดคิ้ว

“ไม่ใช่เสียทั้งหมดเจ้าค่ะ ความจริงแล้วข้าอยากเป็นอู่จั้วมาตลอด บิดาของข้าเองก็เป็นอู่จั้วเช่นกัน เขาทิ้งตำราไว้หลายเล่ม ข้าเรียนรู้เรื่องนี้จนซึมซับมาตั้งแต่ยังเด็ก

“เหตุใดถึงชอบล่ะ?” เขาถามอย่างสงสัย

ใช่ เหตุใดนางจึงชอบ?

อาชีพอู่จั้วนั้นหากมองจากมุมคนภายนอกแล้วทั้งสกปรก น่ารังเกียจและอัปมงคล ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ยิ่งเป็นผู้หญิง คนอื่นยิ่งตีตัวห่างเอาแต่ซุบซิบนินทา แต่นางเข้าใจดีว่าการเป็นอู่จั้วนั้นมีประโยชน์อย่างไร

“ข้าสามารถพูดแทนคนตายได้ ให้ความยุติธรรมแก่คนเหล่านั้นและปลอบประโลมจิตใจของผู้ที่อยู่ข้างหลังได้”

ฝางเหมี่ยวกล่าว ใบหน้าของนางเป็นประกายสดใส หากไม่มีการชันสูตรจากอู่จั้ว ก็จะไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้ บางรายทางการจะลงสาเหตุว่าเป็นเพราะอุบัติเหตุ แต่ความเป็นจริงคนร้ายกลับลอยนวล มันไม่ยุติธรรมกับคนที่ตายไปแม้แต่น้อย

ดวงตาของกู้หวนเนี่ยนเปล่งประกาย สีหน้าของเขามีการเปลี่ยนแปลง …ให้ความยุติธรรมกับคนตายและปลอบประโลมคนเป็นหรือ?

เมื่อก่อนตอนที่เขาเรียนกับอาจารย์ ท่านก็พูดอะไรที่คล้ายๆ กันเช่นนี้ แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าสตรีตัวเล็กๆ เช่นนางก็คิดแบบเดียวกันกับอาจารย์ของเขา

กู้หวนเนี่ยนมองฝางเหมี่ยว นางเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่มีความมุ่งมั่น ให้ความรู้สึกเหมือนกับยามที่เขามองน้องสาว

ถังหลี่เคยพูดเอาไว้ว่ายามที่คนมีศรัทธาเขาจะแข็งแกร่งขึ้นเอง

“เช่นนั้นก็อย่าสนใจคำพูดคนอื่นเลย” กู้หวนเนี่ยนทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อนเดินต่อไปฝางเหมี่ยวยืนนิ่งอึ้ง เมื่อครู่นี้เขาปลอบโยนนางหรือ?

[1] ยามซื่อ คือ 09.00 – 10.59 น.