บทที่ 379 กุ้ยซื่อสอนลูกสาว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 379 กุ้ยซื่อสอนลูกสาว

บทที่ 379 กุ้ยซื่อสอนลูกสาว

ฉินเย่จือมองไปที่กุ้ยตงเหมยด้วยดวงตาตาที่ล้ำลึกไม่มีที่สิ้นสุด แต่ความเย็นยะเยือกที่ระเบิดออกมาจากภายในทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง

ทันทีหลังจากนั้นก็มีเสียงชั่วร้ายราวกับปีศาจขึ้นมาจากขุมนรกกล่าวขึ้น “หุบปาก!”

กุ้ยตงเหมยที่กำลังจะกล่าวอะไรกลืนคำพูดเหล่านั้นกลับเข้าไปในท้องของนางทันที นางปิดปากฉับไวและมองไปที่ฉินเย่จือด้วยความหวาดกลัว กุ้ยซื่อและกุ้ยชุนเจียวก็ปิดริมฝีปากสนิทโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน ความเย็นยะเยือกในร่างกายของฉินเย่จือเมื่อสักครู่ พวกนางทั้งหมดสัมผัสมันได้ เขาต้องการที่จะฆ่าพวกนางจริง ๆ!

ในตอนที่พวกนางกำลังหวาดกลัวก็เห็นกู้เสี่ยวหวานยิ้มและกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูของฉินเย่จือ สีหน้าที่ดุร้ายของเขาหายไปและถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่น

กู้หนิงอันและคนอื่น ๆ เห็นว่าท่าทางของฉินเย่จือที่เย็นยะเยือกก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นในทันใด

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานกล่าวจบ ฉินเย่จือก็ยิ้มให้กู้เสี่ยวหวานเล็กน้อย เด็กหญิงเหลือบมองไปที่พวกนางด้วยความโกรธ แต่ทันใดนั้นพบว่าหนิงผิงกำลังปิดปากแอบหัวเราะ

พวกเขารู้สึกว่าฉินเย่จือมักจะเย็นชาและเย่อหยิ่งต่อหน้าคนนอก แต่ต่อหน้าพี่สาวของเขา เขาเป็นเหมือนกับผู้ชายที่อ่อนโยนราวกับหยก เมื่อเผชิญหน้ากับพี่สาว เขาจะมีรอยยิ้มและการเชื่อฟังอยู่บนใบหน้าของเขาเสมอ

เมื่อเห็นกู้หนิงผิงและคนอื่น ๆ หัวเราะเยาะ กู้เสี่ยวหวานจึงจ้องมองพวกเขาด้วยความโกรธ

“กุ้ยซื่อ ท่านจะขึ้นมาหรือไม่ ถ้าไม่ขึ้นมาพวกเราจะไปแล้วนะ!” ฉือโถวเหลือบมองกู้เสี่ยวหวาน และตะโกนกลับอย่างรีบร้อน

กุ้ยซื่อตอบรับอย่างรวดเร็ว “ไป ไป ไป!”

หลังจากที่นางกล่าวจบก็พยุงกุ้ยตงเหมยให้ลุกขึ้นและตะเกียกตะกายขึ้นรถอย่างระมัดระวัง หลังจากเหตุการณ์นี้กุ้ยตงเหมยก็เงียบมากขึ้น นางไม่ได้กล่าวอะไรเลยระหว่างทาง และก็ไม่กล้ามองฉินเย่จือเลยสักนิด

บรรยากาศในเกวียนจึงเงียบลงไปไม่น้อย มีเพียงกุ้ยชุนเจียวเท่านั้นที่มองดูกู้เสี่ยวหวานอย่างสงสัยเป็นครั้งคราว จากนั้นจึงเหลือบไปที่ฉินเย่จืออีกครั้ง และเมื่อเห็นการแสดงออกที่เย็นชาของฉินเย่จือที่ราวกับจะทำให้นางแข็งจนตาย นางก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นอีกต่อไป

ตราบใดที่กู้เสี่ยวหวานมองไปข้างหน้า นางก็มองเห็นสามหัวที่ดำสนิท

ระหว่างทางเงียบสงบ

ทันทีที่พวกเขามาถึงในเมือง กู้เสี่ยวหวานก็ปล่อยให้สามแม่ลูกลงจากเกวียน

ในตอนแรกกุ้ยตงเหมยไม่ต้องการลงไป แต่กู้เสี่ยวหวานมองนางด้วยสายตาเย็นชา กุ้ยตงเหมยบ่นพึมพำ และทำได้เพียงลงจากรถไปอย่างไม่เต็มใจ

เมื่อเห็นว่าเกวียนหายลับตาไปแล้ว นางก็ยืดคอมองตามไปอย่างตกอยู่ในภวังค์

กุ้ยซื่อโกรธกุ้ยตงเหมยจนเสียสติ เมื่อเห็นท่าทีที่โง่เขลาของกุ้ยตงเหมย นางก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาแล้วหยิกลงบนร่างของลูกสาว

กุ้ยตงเหมยสะดุ้งโหยงและร้องเสียงก็ดังราวกับหมูที่กำลังจะถูกเชือด

“ท่านแม่ ท่านกำลังทำอะไร!” กุ้ยตงเหมยตะโกนสุดเสียง ความอ่อนโยนเมื่อครั้งอยู่ต่อหน้าหน้ากับฉินเย่จือได้หายไปแล้ว

“เจ้าอยากตายหรืออย่างไร?” กุ้ยซื่อโกรธและชี้หน้ากุ้ยตงเหมย “เจ้าไม่เห็นหรือว่าเมื่อสักครู่ผู้ชายแซ่ฉินกำลังจะฆ่าพวกเรา ดวงตาคู่นั้นราวกับจะกินคน ข้าตกใจจะตายอยู่แล้ว”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กุ้ยตงเหมยก็ตัวสั่นด้วยความกลัวและพึมพำ

กุ้ยซื่อตื่นตระหนกและไม่ได้ยินสิ่งที่กุ้ยตงเหมยกล่าว เมื่อเห็นกุ้ยตงเหมยพึมพำอย่างไม่เต็มใจ นางจึงหยิกกุ้ยตงเหมยอีกครั้งและตะคอกใส่กุ้ยตงเหมยว่า “เจ้าเด็กบ้า เจ้าพึมพำอะไร! เจ้าบอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าเจ้าสนใจแซ่ฉินผู้นั้นใช่หรือไม่?”

กุ้ยตงเหมยเขินอายเล็กน้อย เมื่อกุ้ยตงเหมยเห็นกุ้ยซื่อกำลังจะแสดงความคิดของนาง จึงเรียก ‘แม่’ อย่างโกรธจัด จากนั้นก้มศีรษะลงถูผ้าเช็ดหน้าด้วยใบหน้าแดงก่ำ

เมื่อเห็นท่าทางของกุ้ยตงเหมย กุ้ยซื่อก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตะโกนว่า “ให้ตายเถอะ เจ้าชอบเจ้าไก่อ่อนนั่นจริง ๆ หรือ?” แววตาของนางยังคงไม่เชื่อ

กุ้ยตงเหมยพยักหน้าอย่างเขินอายเป็นคำตอบ

ดวงตาของกุ้ยซื่อจ้องไปที่กุ้ยตงเหมย เจ้า… เจ้า… เจ้าอยู่นาน แต่ไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้

กุ้ยชุนเจียวเห็นกุ้ยซื่อหายใจหายคอไม่ค่อยออก และกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับกุ้ยซื่อ นางจึงรีบก้าวไปข้างหน้าและลูบหน้าอกของกุ้ยซื่อ ขณะที่โน้มน้าว “ท่านแม่ อย่าโกรธเลย อย่าโกรธเลย น้องสาวแค่กำลังล้อเล่นอยู่!”

กุ้ยชุนเจียวพยายามทำให้ทุกอย่างราบรื่น แต่กุ้ยตงเหมยไม่คิดเช่นนั้น

“ท่านพี่ ข้าไม่ได้ล้อเล่น ข้าสนใจพี่ฉินจริง ๆ!” กุ้ยตงเหมยตะคอกเสียงดัง เมื่อเห็นว่าแม่และพี่สาวของนางไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่นางชอบฉินเย่จือ กุ้ยตงเหมยจึงขุ่นเคือง

“ชายแซ่ฉินเป็นเพียงไก่อ่อน เจ้าไม่เห็นหรือว่าเขาอาศัยอยู่ที่บ้านของกู้เสี่ยวหวาน เขาเป็นแค่ขอทานตัวเหม็น แค่เพียงหน้าตาดูดี ทำไมเจ้าถึงหมกมุ่นขนาดนี้!” ในที่สุดกุ้ยซื่อก็ถอนหายใจออกมา กุ้ยตงเหมยส่งเสียงร้อง ทำให้กุ้ยซื่อตกใจจนแทบจะเป็นลมและรีบตำหนิว่า “เจ้าเด็กบ้า มองใครไม่มอง กลับไปมองขอทานตัวเหม็น!”

“ฮือ ๆ… พี่ฉินไม่ใช่ขอทานตัวเหม็น!” กุ้ยตงเหม่ยร้องไห้ออกมาและโต้เถียงกับเหตุผลของกุ้ยซื่อ “พี่ฉินดูดีขนาดนั้น เขาจะกลายเป็นขอทานตัวเหม็นได้อย่างไร!”

“ตงเหมย เจ้าเด็กเวร เจ้าไม่ได้ยินคนในหมู่บ้านพูดกันหรือว่ากู้เสี่ยวหวานให้อาหารกับแซ่ฉินผู้นั้น และเจ้าไก่อ่อนนั่นก็ไปอยู่ที่บ้านของกู้เสี่ยวหวานเสียแล้ว แค่เพียงหน้าตาดี แต่กลับเอาแต่หลอกกินอาหารในบ้านของกู้เสี่ยวหวานไปวัน ๆ ไม่รู้ว่าคนผู้นี้มีความคิดสกปรกอะไรอยู่บ้าง เจ้ารอดูเถอะ ในอนาคตครอบครัวของนางจะต้องเกิดเรื่องที่ทำให้นางเสียน้ำตาเป็นแน่!” กุ้ยซื่อกล่าวอย่างชั่วร้าย

แซ่ฉินผู้นี้ ไม่รู้ว่าเขามาจากไหน แต่ไม่เพียงจะดึงดูดกู้เสี่ยวหวานเท่านั้น แต่ยังมาดึงดูดลูกสาวของนางด้วย ช่างไร้สาระ ช่างไร้สาระจริง ๆ

กุ้ยซื่อหายใจอย่างแรงจนเจ็บหน้าอก ถ้านางรู้สิ่งนี้แต่แรก นางจะไม่พากุ้ยตงเหมยมาในเมืองเลย ตอนนี้เสียงคร่ำครวญของกุ้ยตงเหมย ไม่รู้ว่าผู้คนรอบ ๆ ได้ยินมากแค่ไหน ผู้คนทั้งหมดมองมาทางพวกนางอย่างสงสัย บางคนก็มีความกล้าและจงใจเดินมาใกล้พวกนาง

“มองอะไรกัน ไม่เคยเห็นแม่สอนลูกสาวหรืออย่างไร!” กุ้ยซื่อตะโกน คนที่เดินผ่านไปมาไม่เคยเห็นผู้หญิงที่หยาบคายเช่นนี้มาก่อน ทุกคนจึงส่ายศีรษะแล้วเดินห่างออกไป

“ท่านแม่ ข้าไม่อนุญาตให้ท่านว่าพี่ฉินเช่นนี้!” กุ้ยตงเหมยเงยหน้าขึ้นและจ้องมองที่กุ้ยซื่ออย่างโกรธเคือง

เมื่อเห็นลูกสาวเองมองตนเองอย่างโกรธเคือง หัวใจของกุ้ยซื่อก็แทบหยุดเต้น และนางก็เกือบตายด้วยความโกรธ “เจ้าเด็กเวร เจ้ากำลังจ้องมองแม่ของเจ้าเช่นนี้เพราะเจ้าไก่อ่อนนั่นหรือ เจ้าเด็กเวร เจ้าเด็กเวร เจ้าเด็กเวร!”