บทที่ 411 ล้วนแต่เป็นสมบัติที่มีมูลค่ามหาศาล

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 411 ล้วนแต่เป็นสมบัติที่มีมูลค่ามหาศาล

ไม่ถูก!

คุณหนูชอบอ๋องเย่มาตลอด แต่อ๋องเย่กลับดีกับเทพธิดามาก ดังนั้นคุณหนูอยากจะจัดการกับเทพธิดา เหมือนกับที่จัดการกับหลานจิ่นเอ๋อ

“ก็ต้องแค่ลองหยั่งเชิงเบื้องลึกของเทพธิดาอยู่แล้ว”

คิดไม่ถึงว่า เทพธิดาจะจัดการได้ยากกว่าหลานจิ่นเอ๋อมาก

ก็ถูก สามารถเดินทางไปได้ทั่วทุกสารทิศของทุกประเทศ คนที่ทำให้ผู้คนในใต้หล้าขนานนามว่าเทพธิดา จะจัดการได้ง่ายได้อย่างไร?

จัดการหลานจิ่นเอ๋อ นางแค่ทำให้ฮ่องเต้รู้ผ่านพ่อของนางว่าหลานจิ่นเอ๋อชอบองค์ชายสี่ และหลานจิ่นเอ๋อก็เป็นคนที่จงรักภักดีต่อฮ่องเต้ ฮ่องเต้ก็ต้องปรารถนาที่จะให้มันเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นจึงพระราชทานการแต่งงานให้ บีบบังคับจนหลานจิ่นเอ๋อกลายเป็นสุนัขจนตรอก(เมื่อหมดทางถอยก็ทำได้ทุกอย่าง)……

แต่จัดการกับเทพธิดา

คนคนนี้ล้ำลึกไม่อาจคาดเดาได้ นางจะต้องวางแผนให้ดี

ถังมู่หวั่นยืนอยู่ข้างโต๊ะและคิดวางแผน สาวใช้ประจำตัวเสี่ยวเหลียนรออยู่ด้านข้างเงียบๆ หารู้ไม่ว่าที่ด้านนอกหน้าต่างมีเงาคนคนหนึ่งแวบผ่านไป……

——

เวลาประมูลของร้านประมูลเสินตูใกล้จะถึงแล้ว ห้องโถงชั้นหนึ่งก็เริ่มวุ่นวายขึ้นมา ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมาด้วยความดีใจ:

”อ๋องเย่มาแล้ว!”

ทันใดนั้นเองสายตาของทุกคน ต่างก็มองไปทางหน้าประตูใหญ่

เย่แจ๋หยิ่งสวมชุดคลุมหรูสีดำขอบทองเดินเข้ามาอย่างเอื่อยเฉื่อย บรรยากาศที่คนแปลกหน้าห้ามเข้าใกล้แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาอย่างเป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกทรงพลังกับคนอย่างหนึ่ง เหมือนดั่งการมาของราชา

ภายใต้สายตาที่รายล้อมของทุกคน เย่แจ๋หยิ่งเดินไปที่บันได

ด้านหลังของเขาคือคุณชายเหลียงเฉินที่ใบหน้ายิ้มแย้ม แน่นอนว่าในรอยยิ้มของเขาก็แฝงไปด้วยความอึดอัดใจเล็กน้อย

ถึงอย่างไรก็เดินอยู่ข้างกายอ๋องเย่ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ถึงแม้จะเป็นได้แค่ตัวประกอบ(ที่เสริมให้เด่น)เท่านั้น แต่ก็ต้องการความกล้าหาญอย่างมากเช่นกัน

อย่างไรเสีย!

ถึงโม่เหลียงเฉินจะคิดว่าตัวเองหล่อมากแค่ไหน แต่แค่อยู่ข้างๆเย่แจ๋หยิ่ง เขาก็ต้องทำหน้าที่เป็นใบไม้สีเขียว(เปรียบเป็นตัวประกอบ)

แต่ว่า อย่างไรเขาก็ชินกับมันแล้ว

วันนี้ก็ยิ่งตามเย่แจ๋หยิ่งมาร้านประมูลเสินตูอย่างหน้าด้านไม่มียางอาย เพราะรู้สึกว่าวันนี้จะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น……

หลังจากที่เย่แจ๋หยิ่งเข้ามาแล้ว อุณหภูมิในห้องเย็นลงไปมากทันที ภายใต้สายตาของทุกคน เขาเดินช้าๆไปถึงตรงกลางบันได กลับหยุดฝีเท้าลงกะทันหัน

ชั่วพริบตาเดียวสายตาเย็นชาผิดปกติก็มองไปทางห้องส่วนตัวชั้นสองที่หลานเยาเยาอยู่ ในห้องส่วนตัวห้องนั้น บังไว้ด้วยผ้าม่านบางเบาแต่กลับยังคงเห็นเงาร่างสีแดงลางๆ

เวลานี้ จู่ๆสายตาของเขาก็อ่อนโยนลงไปมาก

คุณชายเหลียงเฉินที่อยู่ด้านหลังเย่แจ๋หยิ่ง ก็มองไปตามสายตาของเขาไป ถึงแม้จะมองไม่เห็นคนที่อยู่อยู่ในห้องส่วนตัว แต่เขาก็ยังกะพริบตาให้หน้าต่างบานนั้น เพื่อแสดงความเป็นมิตร

หลานเยาเยาก็ต้องรู้สึกถึงสายตาของพวกเขาอยู่แล้ว เพราะตอนนี้นางยืนอยู่ตรงหน้าต่าง มองพวกเขาผ่านผ้าม่าน

แค่วินาทีเดียวเท่านั้น

สายตาของเย่แจ๋หยิ่งก็เคลื่อนย้ายออกไป เดินไปทางห้องส่วนตัวที่เป็นของเขาที่ชั้นสอง

และหลานเยาเยาก็ถอนสายตากลับไปเช่นกัน นั่งอยู่บนเก้าอี้เงียบๆ บุคคลสำคัญอย่างเย่แจ๋หยิ่งมาถึง ก็แสดงว่าเวลาของการประมูลจะเริ่มในทันทีแล้ว

ด้วยความรวดเร็ว!

ภายใต้การเฝ้ามองอย่างตั้งใจของทุกคน ใบหน้าของท่านหานที่มีเลือดฝาดเงางามเดินขึ้นไปบนเวทีประมูล กล่าวถึงสิ่งที่จะประมูลในวันนี้

ทั้งหมดมีสี่รายการ ล้วนแต่เป็นสิ่งของที่มีมูลค่ามากและยังหาได้ยากอีกด้วย

และกระเป๋าพยาบาลอัตโนมัติจะถูกนำออกมาประมูลเป็นชิ้นสุดท้าย

กระเป๋าพยาบาลอัตโนมัติอันนี้ เคยสร้างความฮือฮามาแล้วเมื่อสามปีก่อน ตอนนี้กระเป๋าพยาบาลปรากฏต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง ในขณะที่พวกเขาตื่นเต้น พวกเขาก็อยากรู้มากเช่นกัน กระเป๋าพยาบาลอัตโนมัติอันนี้สุดท้ายจะไปอยู่ในมือของใคร?

สิ่งของสามรายการก่อนหน้า ล้วนแต่ถูกประมูลไปในราคาที่สูงโดยลูกผู้ดีมีเงินไม่ทำการทำงานที่มีทั้งเงินและอำนาจ

ตอนที่กระเป๋าพยาบาลอัตโนมัติที่เป็นสิ่งของประมูลรายการสุดท้ายที่เป็นออกมา ก็กลายเป็นที่หมายปองในทันที ทำให้ทุกคนในห้องโถงต่างพากันแข่งขันแย่งกันประมูล

และห้องส่วนตัวชั้นสองมีทั้งหมดแปดห้อง ถูกสร้างขึ้นโดยล้อมรอบขอบด้านนอก ตรงกลางทั้งหมดปล่อยว่างเอาไว้ จุดประสงค์เพื่อให้แขกสำคัญในห้องส่วนตัวชั้นสอง สามารถมองเห็นสถานการณ์ของห้องโถงได้จากหน้าต่าง

เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วครู่

“สามล้านห้าแสนตำลึง!”

“สี่ล้านตำลึง!”

“สี่ล้านห้าแสนตำลึง!”

“……”

ราคาที่คนในห้องโถงเสนอราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ นี่เมื่อเทียบกับเมื่อสามปีที่แล้ว การแข่งขันดุเดือดมากขึ้นอย่างมาก

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ราคาพุ่งขึ้นไปถึงหกล้านตำลึงโดยตรง เสียงของผู้ที่ประมูลคนนั้นดังและชัดเจน ใจป้ำกล้าได้กล้าเสียสุดๆ

หลานเยาเยาเพิ่งจะฟังถึงตรงนี้ จากนั้นก็ได้ยินอีกคนหนึ่งตะโกนออกมาว่า

“หกล้านห้าแสนตำลึง!”

และเวลานี้ คนที่อยู่ในห้องส่วนตัวชั้นสองที่ยังไม่เคยประมูล ก็เริ่มประมูลขึ้นมาแล้ว

คนที่อยู่ในห้องส่วนตัวชั้นสองโดยพื้นฐานแล้วล้วนแต่มีเงินและมีอำนาจ เป็นคนร่ำรวยมั่งคั่งทั้งนั้น เมื่อพวกเขาเอ่ยปากเสนอราคา ก็เลียนแบบท่าทางของอ๋องเย่เมื่อสามปีก่อน

คือการเอาสมบัติที่มีมูลค่ามหาศาลออกมา แลกเปลี่ยนสมบัติที่มีมูลค่ามหาศาล

“หยกอุ่นเจ็ดสีสองชิ้น!”

หยกอุ่นเจ็ดสีแต่เดิมก็เป็นสิ่งของที่หาได้ยากในโลกอยู่แล้ว มีชิ้นเดียวก็ถือว่าดีมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีสองชิ้น

“เจดีย์จากต่างประเทศหนึ่งองค์!”

หลานเยาเยาเห็นเจดีย์จากต่างประเทศองค์นั้นโปร่งใส เปล่งแสงจางๆออกมาเล็กน้อย เช่นเดียวกับเจดีย์ล้ำค่าของถักทะลีทีอ๋อง สามารถวางไว้บนฝ่ามือ จะยิ่งเพิ่มความประณีตและโปร่งแสงมากขึ้น

แค่เห็นก็รู้เลยว่าเป็นสมบัติที่มีมูลค่ามหาศาล

“ลูกประคำพันปีเจ็ดเม็ด!”

“กระบี่ไร้เทียมทานหนึ่งเล่ม!”

“……”

ได้ยินแค่ชื่อที่มีระดับชั้นยอดและมีรสนิยม ก็รู้ได้เลยว่ามูลค่าต้องไม่ธรรมดา อย่าว่าแต่มูลค่ามหาศาลเลย บางอย่างเดิมก็คือของล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้

นี่ไม่ได้ดีมากหรอกหรือ?

หลานเยาเยาอาศัยจังหวะที่คนอื่นกำลังแย่งชิงเสนอราคากันอยู่ นางรีบไปตรวจสอบสิ่งของในช่องว่างที่ระบบการรักษาอย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งของที่ค่าพอที่จะสามารถเอาออกมาได้?

และไม่สามารถใช้สิ่งของที่ใช้ในการรักษาได้ ถึงอย่างไรสิ่งของที่เป็นของยุคปัจจุบันไม่สามารถนำออกมาได้ บางทีในห้องโถงใหญ่อาจจะมีคนของราชครูเทียนเวิงปะปนสอดแนมสถานการณ์อยู่ก็ไม่แน่!

แต่ว่า!

ที่น่าแปลกก็คือ สีหน้าของท่านหานที่ยืนอยู่บนเวทีประมูลกลับเปลี่ยนไปมาคาดเดาไม่ได้เลย

ทุกชิ้นล้วนแต่เป็นสมบัติที่มีมูลค่ามหาศาล แล้วจะเปรียบเทียบได้อย่างไรว่าอันไหนมีมูลค่ามากกว่า?

ไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบกันได้เลย!

ท่านหานจึงได้แต่มองไปทางห้องส่วนตัวชั้นสองที่อ๋องเย่อยู่ ตอนนี้เขาทำได้แค่ขอความเห็นจากอ๋องเย่เท่านั้นแล้ว

“อ๋องเย่ ชั้นสองมีแขกคนสำคัญหกท่าน ล้วนแต่นำสมบัติที่มีมูลค่ามหาศาลออกมาทั้งนั้น ข้าไร้ความสามารถ ชั่วขณะหนึ่งไม่สามารถเปรียบเทียบได้ว่าสมบัติชิ้นไหนมีค่ามากกว่ากัน

หากว่าท่านอ๋องรู้สึกว่าสมบัติชิ้นไหนดีกว่า ยินดีจะใช้กระเป๋าพยาบาลอัตโนมัติแลกเปลี่ยน เช่นนั้นสินค้าประมูลชิ้นนี้ก็เป็นอันตกลงซื้อขายกันสำเร็จ”

แต่ทว่า!

เสียงของท่านหานเงียบไปพักใหญ่แล้ว กลับไม่มีเสียงตอบรับจากข้างใน ทุกคนต่างเข้าใจกันว่า สมบัติที่มีมูลค่ามหาศาลพวกนี้ไม่เข้าตาอ๋องเย่

คิดไม่ถึงว่า……

ผ้าม่านหน้าต่างบานเตี้ยในห้องส่วนตัวค่อยๆเปิดออกมา

ใบหน้าที่ราวกับเทพบุตรถูกเนรเทศมาจากสรวงสวรรค์ของอ๋องเย่ปรากฏต่อหน้าทุกคน เขายืนอยู่ตรงหน้าต่างราวกับเทพเทวา สายตามองไปรอบๆห้องส่วนตัวของชั้นสอง ในที่สุดสายตาก็หยุดเอาไว้

เขายื่นแขนยาวออกไปชี้ไปยังหนึ่งในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง

ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหล!

“นี่……นี่มันเรื่องอะไรกัน? ความสามารถในการจดจำของข้าดีมาก ข้าจำได้ว่า…….ดูเหมือนห้องส่วนตัวห้องนั้นยังไม่เคยเสนอราคานะ!”

“อ๋องเย่น่าจะไม่ทันได้สังเกต ให้ท่านหานเตือนหน่อยดีไหม”

“คนที่อยู่ในห้องส่วนตัวห้องนั้นเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงยังไม่เสนอราคา? หรือว่าในมือมีสมบัติที่จะนำออกมาเป็นชิ้นสุดท้าย เตรียมจะทำให้คนตกตะลึง”

ท่านหานที่ยืนอยู่บนเวทีประมูล ดูอึดอัดใจเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด เขาโบกมือทั้งคู่ไปที่คนดู เพื่อเป็นการแสดงว่าให้พวกเขาเงียบเสียงลง

ยังดี ที่ท่านหานมีชื่อเสียงเกียรติยศสูงส่ง เมื่อเขาโบกมือ ทุกคนก็หยุดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ลงทันที จากนั้นแต่ละคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอย

สายตาทั้งหมดต่างมองไปทางท่านหาน…..