บทที่ 414 ผู้หญิงซื่อบื้อ

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่ 414 ผู้หญิงซื่อบื้อ

ตั้งแต่เล็กจนโต สามารถพูดเลยว่าเคธี่เป็นคนที่เคยพบเจอกับสิ่งต่างๆ มากมาย ผู้คนต่างๆ โดยเฉพาะผู้ชายที่อายุพอๆ กับเธอ เยอะจนนับไม่ถ้วน แต่ว่าในสายตาของเธอดูแล้วต่างก็เป็นคนประเภทเดียวกันหมด

เป็นประเภทที่อีกาดำแบบนั้น ไม่ใช่พวกที่ใช้ทรัพย์สินของบ้านจนเป็นหนี้ก็เป็นพวกที่ไม่ปกติ ฉะนั้นผู้ชายแบบลี่จุนถิงนั้น เคธี่ไม่เคยพบเจอมาก่อนเลย

ประเภทที่มีความเย็นชาและความสูงส่งจากข้างในออกมา ทำให้ผู้คนไม่สามารถละเลยการมองได้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในที่ไกล ก็สามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันใกล้ชิด ทำให้ผู้คนรู้สึกได้อย่างลึกซึ้ง

รู้สึกว่าแววตาของเคธี่หยุดอยู่บนตัวของลี่จุนถิงตลอดเวลา ลี่จุนซินที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้กระแอมคอเตือน “นี่คือเพื่อนของฉัน พึ่งกลับมาจากเมืองนอก วันนี้ผ่านทางมาพอดี ก็เลยมาเธอขึ้นมาด้วย ไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”

“มีอะไรให้ว่ากัน” ลี่จุนถิงเดินมาไม่กี่ก้าว เย็นชามาก ราวกับภูเขาน้ำแข็งที่สูงใหญ่ ที่อยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ

เห็นลี่จุนถิงเดินมา เคธี่นั่งตัวตรงด้วยความตื้นตัน “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเคธี่ ดีใจที่ได้รู้จักคุณค่ะ”

ลี่จุนถิงพูดอื้มด้วยเสียงเบาไปประโยคหนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับว่าไม่มีการอยู่ของเคธี่

รู้สึกว่ามือของตัวเองว่างเปล่าอยู่ในอากาศ เคธี่มีความอึดอัดเล็กน้อยจึงเก็บมือเข้าไปในกระเป๋าของตัวเอง แล้วยิ้มโดยที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี จากนั้นก็กลับไปที่นั่งของตัวเอง

“อัยโย ผู้ชายก็ ท่าทีการพูดการจาดีหน่อยสิ ตอนนี้ที่นี่ไม่ใช่สนามรบของนาย อย่าเอาตัวเองไปเป็นผู้ประจำการอะไรพวกนั้น ยากนะกว่าที่พี่สาวแกฉันจะพาเพื่อนมา นายยังอยากจะให้คนอื่นได้มาดูดีๆ ใช่ไหม ดูว่ายังมีช่องโหว่อะไรที่ไม่ควร แล้วก็เชิดหน้าทิ้ง?” ลี่จุนซินพูดเตือน เธอกะพริบตา แสดงให้เขาเห็นว่าไม่ต้องทำให้ดูแย่ขนาดนี้

แน่นอนว่าเธอรู้ว่าน้องชายคนนี้ของเธอนอกเจียงหยุนเอ๋อแล้วผู้หญิงคนอื่นๆ ต่างก็เย็นชาด้วยทั้งหมด แต่ไม่ว่ายังไงแล้วคำพูดของโม่เสี่ยวฮุ่ยก็อยู่ที่นี่ ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องทำภาพลักษณ์ภายนอกออกมาให้ดี

“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ฉันว่าจุนถิงก็น่าจะไม่ได้ตั้งใจ” ยังไม่ได้รอให้ลี่จุนถิงพูด เคธี่ก็พูดแทนเขาก่อนแล้ว แววตาของเธอยิ่งมองไปมองมาตรงทางเขา

ถึงแม้จะพูดว่าหน้าตาของเคธี่จะไม่ได้งดงามอะไรมากนัก แต่ถ้าหากอยู่ในหมู่ผู้คนธรรมดาเธอเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดแน่นอน จมูกที่โด่ง หน้าตาที่สง่า ผิวพรรณที่เนียนนุ่ม สมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ

ฉะนั้นตั้งแต่เล็กจนโต ผู้ชายที่ตกหลุมรักเธอนั้นนับไม่ถ้วน ขอแค่เป็นผู้ชาย เห็นเธอแล้วถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถูกดึงดูด แต่ก็จะหันมามองไม่กี่ที แต่ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่ได้มองเธอเลยแม้แต่น้อย จุดนี้ ได้ดึงดูดความสนใจของเธอเป็นอย่างมาก

ราวกับว่าผู้ชายคนนี้แตกต่างจากผู้คนทั่วไปมาก……

มองดูผู้หญิงที่งดงามข้างหน้านี้ ลี่จุนถิงขมวดคิ้ว ราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่

แต่ว่าถึงแม้ว่าในไม่ช้าก็ดึงสติกลับมาได้ ค่อยปล่อยออก

“ฉันก็ว่าทำไมเธอถึงว่ามาที่นี่” ลี่จุนถิงยิ้มด้วยความเย็นชา

“ที่แท้ ผ่านทางมาก็แค่เรื่องปลอม ก็เพื่อที่จะส่งคนมานี่เอง”

“อย่าคิดนึกว่าพี่แกฉันจะเลวขนาดนี้ พูดแล้วก็แค่ผ่านมาเท่านั้น” ลี่จุนซินยิ้มด้วยความหนักใจแบบความรู้สึกที่ไม่สามารถทำอะไรได้

แน่นอนว่าลี่จุนซินไม่ชอบยุ่งเรื่องพวกนี้ น้องชายที่รักอิสระคนนี้ของเธออยากจะมีชีวิตยังไงก็มีชีวิตอย่างนั้น

แต่ว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยออกคำสั่งแล้ว ลี่จุนซินก็ไม่สามารถปฏิเสธได้

“ฉันว่าตอนนี้เวลาก็ไม่เช้าแล้ว นายยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหม มีเวลาออกไปกับพี่แกฉันหน่อยได้ไหม?” ลี่จุนซินมองไปทางนาฬิกา เงยหน้าขึ้นแล้วถาม

ลี่จุนถิงนอนพิงอยู่ตรงเก้าอี้ห้องทำงานด้วยความขี้เกียจ ขนตาที่ยาวสั่นไปทีหนึ่ง แล้วส่ายหัว

น้ำเสียงที่มีความแหบ ค่อยๆ เปิดปากพูดขึ้น “ไม่แล้ว เดี๋ยวยัยผู้หญิงซื่อบื้อจะส่งของมา ฉันก็ขอไม่อยู่ด้วยแล้ว เธอค่อยๆ ผ่อนคลายเองเถอะ”

“ผู้หญิงซื่อบื้อ?” เคธี่ยักคิ้ว ถามด้วยความสงสัย

“อื้ม เป็น…….”

ยังไม่ทันรอให้ลี่จุนถิงเปิดปากแนะนำ เจียงหยุนเอ๋อก็วิ่งมาจากข้างนอกด้วยความเร่งรีบ บนใบหน้ามีรอยยิ้มแฝงอยู่

“หากไม่ใช่เพราะถนนสายนั้นรถติด ฉันมาถึงตั้งนานแล้ว โมโหมากๆ เลย” เจียงหยุนเอ๋อพูดบ่นด้วยปากจู๋ เดินมาทางลี่จุนถิง

จากนั้นก็มีเสี่ยวเฉินที่หายใจไม่ทันตามมาข้างหลัง

ราวกับว่าได้ตีบรรยากาศในนี้แตกแล้ว เสี่ยวเฉินเปิดปากพูดด้วยความรู้สึกผิด “อันนั้น ประธานลี่ครับ ตอนแรกผมอยากจะบอกคุณก่อน แต่ว่าคุณหยุนเอ๋อบอกว่าไม่เป็นไร จะให้เซอร์ไพรส์คุณ จากนั้นผมก็ห้ามไม่อยู่……คุณหยุนเอ๋อก็พุ่งเข้ามาแล้วครับ”

ลี่จุนถิงมองดูเจียงหยุนเอ๋อ เปิดปากพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันรู้แล้ว นายลงไปก่อนเถอะ”

เสี่ยวเฉินพยักหน้า แล้วมองดูทุกคน จากนั้นก็ออกจากห้องทำงานไป

“ทำไมถึงเหนื่อยขนาดนี้ นั่งลงก่อนเถอะ” เห็นหน้าผากของเจียงหยุนเอ๋อมีเหงื่อหยดไหล ลี่จุนซินถามด้วยความเป็นห่วง

ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนแล้ว เจียงหยุนเอ๋อหันข้างไปมองลี่จุนซิน อึ้งไปเลย เปิดปากพูดว่า “พี่สาว? พี่ก็อยู่หรอคะ?”

“หนู…..เมื่อกี้ตอนที่หนูเข้ามาเห็นประตูห้องประชุมปิดอยู่ ฉะนั้นไม่รู้ว่าพี่ก็อยู่ที่นี่ หนูมารบกวนการทำงานของพวกพี่หรือเปล่าคะ? หรือว่าหนูออกไปก่อนไหม” เห็นลี่จุนซินอยู่ที่นี่ เจียงหยุนเอ๋อถามด้วยความรู้สึกเกรงใจ

โดยเฉพาะคำพูดประโยคเมื่อกี้ของเธอ เธอกลัวว่าจะถูกคนหัวเราะเย้ยจริงๆ …….

ไม่ว่ายังไงแล้วนอกจากเวลาที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันแล้ว เจียงหยุนเอ๋อไม่เคยพร่ำบ่นต่อผู้คนในตอนที่อยู่ข้างนอกมาก่อนเลย

“เปล่า การประชุมจบแล้ว เธอแค่มาพูดคุยเรื่องที่บ้านกับฉันเอง” ลี่จุนถิงทำสีหน้าเข้ม พูดด้วยความเร็วและไม่ช้า

เจียงหยุนเอ๋อหยักหน้าราวกับว่าเข้าใจ หันหลังแล้วทักทายกับลี่จุนซิน มองไปทางเคธี่ ถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านี้คือ?”

“เพื่อนของฉันที่กลับมาจากต่างประเทศ พึ่งกลับมา ฉะนั้นผ่านทางมาก็เลยพาเธอขึ้นมาด้วย” ลี่จุนซินขมวดคิ้ว แล้วพูด

เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า เผยรอยยิ้มที่หวานออกมา พูดด้วยความเป็นมิตรว่า “ในเมื่อเป็นเพื่อนของพี่สาว งั้นก็ขอยินดีต้อนรับคุณมาเที่ยวที่นี่นะคะ ถ้าหากว่าอยู่ในประเทศการเป็นอยู่มีความรู้สึกไม่สบาย สามารถพูดกับพวกเราได้ ให้จุนถิงหาที่ๆ สบายให้คุณ”

หลังจากพูดจบ เจียงหยุนเอ๋อก็วางขวดน้ำอุ่นในมือลง เติมน้ำให้ทั้งสอง แล้วค่อยๆ ยื่นไปยังบนมือของทั้งสอง

เคธี่รับน้ำมา พูดไปคำหนึ่งว่า “ขอบคุณ”

แต่ว่าคิ้วกลับขมวดขึ้นมา แววตายังค่อยๆ มืดมิดลง เผยประกายแสงที่มีความอันตรายออกมา

เธอแอบมองทั้งตัวของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้

ความรู้สึกแรกที่ผู้หญิงตรงหน้านี้ให้กับเธอก็คือใสซื่อและน่ารัก

ไม่เหมือนกับผู้หญิงทั่วไป ผู้หญิงตรงหน้านี้ดูแล้วไม่ได้เจ้าเล่ห์อะไร แต่กลับเหมือนน้องสาวข้างบ้านที่ใสซื่อ มีดวงตาที่กลม และรูปทรงไข่ ใบหน้าของเธอดูน่ารักมาก ที่สำคัญคือ บนตัวของเธอมีกลิ่นของแสงสว่างแบบหนึ่ง ขอแค่เข้าใกล้เธอ ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความอบอุ่น ดั่งลมพัดช่วยฤดูใบไม้ผลิ