ตอนที่ 265 นักวางแผนที่ดีในที่สุดก็… (1)
“เปี้ยนจวง…”
หลังจากตัดการสื่อสารกับอ๋าวอี่แล้ว หลี่ฉางโซ่วก็เอ่ยชื่อที่ไม่คุ้นเคยนี้ออกมาซ้ำๆ
เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ผู้ฝึกบำเพ็ญหนุ่มที่สารภาพกับเข่อเล่อเอ๋อร์ที่ปลายขอบโลกในวันนั้น … และยังไล่ตามไปที่วังมังกรจริงๆ …
เดิมทีอ๋าวอี่เป็นเพียงปรมาจารย์หนุ่มน้อยที่ติดถูกจับติดอยู่ใน “โศกนาฏกรรมแห่งความรักอย่างกะทันหัน” ซึ่งโดยปกติแล้ว เพียงโบกมือเดียว อ๋าวอี่ก็ย่อมกำจัดมันไปได้อย่างง่ายดาย
ทว่าปัญหาในยามนี้คือ เปี้ยนจวงผู้นี้ได้รับเทียบเชิญให้ไปงานอภิเษกของอ๋าวอี่
ผู้ใดก็ตามที่ได้รับเทียบเชิญให้เข้าร่วมงานอภิเษกของอ๋าวอี่ในวังมังกรย่อมจะเป็นแขกคนสำคัญของวังมังกร
ความภาคภูมิใจของเผ่ามังกรในยามนี้ยังคงอยู่เพราะ ‘ความพอใจในตนเอง’ และความรู้สึกเหนือกว่า แล้วพวกเขาจะปล่อยให้แขกของพวกเขาจากไปได้อย่างไร?
ในเวลานี้ เปี้ยนจวงกำลังเฝ้าอยู่หน้าประตูวังมังกรทะเลบูรพา เขายืนนิ่งทั้งวันทั้งคืนเพื่อรอคอยคนรักในฝันของเขา เข่อเล่อเอ๋อร์มาปรากฏตัว…
เนื่องจากความหลงใหลของเปี้ยนจวง นาม ‘เข่อเล่อเอ๋อร์’ จึงเป็นที่รู้จักในหมู่เผ่ามังกรและเผ่าทะเลอย่างรวดเร็ว
ด้วยเหตุนี้ อ๋าวอี่จึงเป็นกังวลอย่างมากและไม่กล้าไปที่ประตูวังมังกรทะเลบูรพา เพราะกลัวว่าเปี้ยนจวงจะจดจำเขาได้
หากเจียงซื่อเอ๋อร์ไม่หยุดเขา อ๋าวอี่จะแอบจัดคนไปตีเปี้ยนจวงให้หมดสติและหาสถานที่ที่จะกักขังเขาเอาไว้นานกว่าสิบปี แล้วจะรอจนกว่างานอภิเษกครั้งใหญ่จะเสร็จสิ้นก่อนจะตัดสินใจว่าจะจัดการกับเขาอย่างไร…
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ตอนนี้เราควรทำอย่างไรขอรับ?”
ควรทำอย่างไร…
เขาจะทำอันใดได้อีก? เขาเพิกเฉยได้เพียงในเวลานี้เท่านั้น
มองจากรูปการณ์ในยามนี้ เปี้ยนจวงเป็นเพียงคนที่ไม่มีความสำคัญอะไร และเขารู้ว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่องานอภิเษกของอ๋าวอี่อย่างแน่นอน
หลี่ฉางโซ่วปลอบโยนรองเจ้าสำนักของเขา อ๋าวอี่ว่าไม่ให้กังวลมากเกินไป
มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างก่อนและหลังสวมเสื้อผ้าสตรีของอ๋าวอี่
ในเวลาเดียวกัน หลี่ฉางโซ่วได้เตือนอ๋าวอี่อีกครั้งว่าในระหว่างงานอภิเษกของเขา อาจมีศัตรูที่ทรงพลังบุกโจมตีเผ่ามังกร จึงอยากให้พวกเขาเตรียมรับมือเพื่อจัดการตอบโต้ล่วงหน้า
ความจริงแล้ว ต่อให้หลี่ฉางโซ่วไม่เตือน เผ่ามังกรก็ย่อมต้องระมัดระวังอยู่แล้ว
ทว่าเพื่อความปลอดภัย หลี่ฉางโซ่วจึงไม่รู้สึกเป็นปัญหาเมื่อย้ำเตือนอ๋าวอี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เราค่อยมาจัดการกับเปี้ยนจวงผู้นี้กันในภายหลัง” หลี่ฉางโซ่วกล่าวพลางถอนหายใจเบาๆ และปัดแขนเสื้อของเขา จากนั้นก็เริ่มจัดการ “เรื่องสำคัญ” ที่จะเกิดขึ้นในอีกสิบสองปีต่อมาอย่างเป็นทางการ!
ตอนนี้ เขาเป็นทางแยกระหว่างศาลสวรรค์ สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และเผ่ามังกร
สำนักบำเพ็ญประจิมกำลังวางแผนร้ายในงานอภิเษกของอ๋าวอี่ สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินจะดำเนินการหลังจากนี้ และศาลสวรรค์ก็เพียงห่วงผลประโยชน์เท่านั้น
หลี่ฉางโซ่วมีหลายอย่างที่ต้องทำ และย่อมจะยุ่งมากเป็นพิเศษในเวลาอีกสิบเอ็ดปีกับเก้าเดือนข้างหน้า
เขาไปที่ห้องลับใต้ดินและหยิบหนังแกะแผ่นหนึ่งออกมาก่อนจะเริ่มเขียนสิ่งที่เขาต้องการจะทำตามลำดับความสำคัญก่อนหลังลงไป…
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การปรับปรุงความแข็งแกร่งของทหารถั่วเป็นรายคน และแน่นอนว่า ย่อมเป็นการดีที่สุดที่จะทำงานนั้นให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
นอกจากนั้น การสร้างกองทัพตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘มังกร’ และการเตรียมยาพิษให้เพียงพอก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน
สองเรื่องนี้จะใช้พลังงานส่วนใหญ่ของเขา
ในฐานะสมาชิกหลักของคณะเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองของศาลสวรรค์ เทพเฒ่าจันทราและแม่ทัพตงมู่จะไปที่วิหารเทพทะเลเพื่อหารือในรายละเอียดเฉพาะกับหลี่ฉางโซ่วเป็นครั้งคราว
ทางด้านของอ๋าวอี่นั้น เขาได้พบปัญหาทั้งขนาดเล็กและใหญ่ต่างๆ ในทุกๆ สามเดือน
ตามคำแนะนำของหลี่ฉางโซ่ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่เพียงใด อ๋าวอี่จะสื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและสอบถามกับเขาด้วยการใช้เจตจำนงวิญญาณ
ส่วนท่านอาจารย์ลุงจ้าวก็ช่างกระตือรือร้นจริงๆ…
ในช่วงเวลานั้น เขามักจะไปดื่มชาที่วิหารเทพทะเลบ่อยๆ และก่อนจะจากไป เขาก็เตือนหลี่ฉางโซ่วว่า ในยามคับขัน อย่าลืมขอความช่วยเหลือจากเขา
ความจริงแล้ว จ้าวกงหมิงกลัวว่า เขาจะเข้าปิดด่านเพื่อบรรลุเต๋าและต้องเลื่อนเรื่องสำคัญออกไปจนทำให้เกิดความล่าช้าอย่างมาก ในช่วงสิบสองปีนี้ เขาจะไม่กลับไปที่ภูเขาเอ๋อเหมยอีกต่อไปแต่จะเตร่ไปรอบๆ เกาะอมตะที่มีชื่อเสียงไม่กี่แห่งในสำนักแทน
เมื่ออ๋าวอี่อภิเษก ผู้ฝึกบำเพ็ญทั้งหมดจากเกาะเต่าทองจะมาแสดงความยินดีกับเขาด้วย นั่นคือ พลังการต่อสู้ที่สามารถใช้คาดการณ์ในการวางแผนต่อต้านได้… และหลี่ฉางโซ่วยังยุ่งวุ่นวายมากกว่านั้น สำนักบำเพ็ญประจิมพยายามจะสร้างความขัดแย้งกัน พวกเขาได้จัดเตรียมมังกรชายขอบ[1]ไว้บางส่วนเพื่อมาเยี่ยมชมและสร้างปัญหาที่สำนักเทพทะเลในทุกๆ สองสามวัน จนทำให้หลี่ฉางโซ่วพูดไม่ออกในเรื่องนั้น หลี่ฉางโซ่วทำได้เพียงเล่นร่วมตามน้ำไปกับมันเท่านั้น เขาวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อให้สำนักบำเพ็ญประจิมสบายใจและกล้าลงมือโจมตีเผ่ามังกร…
นอกเหนือจากเรื่องสำคัญเช่นการนำเผ่ามังกรเข้าสู่ศาลสวรรค์แล้ว หลี่ฉางโซ่วยังต้องใส่ใจในเรื่องความรักที่ก่อตัวขึ้นใหม่เป็นครั้งที่สองของสองเซียนอาวุโส
ในครั้งนี้ หลังจากที่กลับมา ปรมาจารย์ใหญ่ตัวน้อยที่ดุดันและชั่วร้ายก็ได้อยู่ในสำนักเป็นเวลาครึ่งปี และได้พบกับปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งหกสิบสองครั้ง
ทั้งสองได้พบกันทุกๆ สามวัน และเนื้อหาสาระในยามพบกันก็เหมือนเดิมเสมอ
พวกเขาเดินเล่น พูดคุย เป่าขลุ่ยและเล่าเรื่องที่มีมุกตลกๆ ฝืดๆ สองสามเรื่อง…
ทิวทัศน์บนภูเขานั้นเหมือนกัน แต่ในสายตาของทั้งคู่ต่างก็รู้สึกแปลกใหม่ ดูสนใจและอยากรู้จักกันและกันมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากผ่านไปครึ่งปี ปรมาจารย์ใหญ่ตัวน้อยก็ได้ “ลักพาตัว” ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งออกจากสำนักตู้เซียน ทำให้หลี่ฉางโซ่วมีเหงื่อเย็นไหลออกมา
ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการสังเกตการณ์ในช่วงทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน และนั่นคือ แรงจูงใจหลักที่ทำให้หลี่ฉางโซ่วช่วยเหลือพวกเขา!
โชคดีที่เจียงหลินเอ๋อร์ไปอำลาบรรดาสหายของนางนอกสำนักเพื่อบอกพวกเขาว่า นางจะใช้ชีวิตและฝึกบำเพ็ญอยู่ในสำนักตู้เซียนต่อไปในภายหน้า
ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งเป็นผู้ที่แนะนำเพื่อขอไปกับเจียงหลินเอ๋อร์เพราะกลัวว่า เจียงหลินเอ๋อร์จะประสบปัญหา …
เจียงหลินเอ๋อร์เป็นคนตรงไปตรงมา นางมีมโนธรรมที่ชัดเจน เปิดเผยและซื่อสัตย์ จึงเป็นธรรมดาที่นางย่อมไม่กลัวว่าปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งจะได้พบกับเหล่าสหายของนางที่มีดีร้ายปะปนกัน
นางตอบตกลงอย่างง่ายดายทันที และในวันต่อมา นางก็พาปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งไปยังมหาตรีสหัสโลกธาตุภายนอกดินแดนเทวะทั้งห้า…
การเดินทางนั้นใช้เวลาสามปี
สามปีต่อมา ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งและเจียงหลินเอ๋อร์ก็กลับมาจับมือกันกลมเกลียวกัน และความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าจะไม่ได้จับมือกันต่อหน้าคนอื่น แต่พวกเขาก็จะมองสบตากันด้วยความรัก คนหนึ่งเคร่งขรึมน้อยลง ในขณะที่อีกคนหนึ่งก็หยิ่งผยองน้อยลงเช่นกัน
มันลำบากมากที่เซียนจะหาคู่ครองได้
เดิมทีหลี่ฉางโซวเคยคิดว่า ภายในสามปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งและปรมาจารย์ใหญ่เจียงหลินเอ๋อร์จะกลับมาพร้อมกับลูกสักคน…
ทว่าก็ควรจะชื่นชมยินดีที่ทั้งปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งและเจียงหลินเอ๋อร์ได้หวนคืนสู่ความรู้สึกที่พวกเขามีต่อกันและกันในเวลานั้น
เจียงหลินเอ๋อร์ไม่อยากฉุดปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งลงมาเมื่อเขากำลังเผชิญกับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน นางจึงมักจะเกลี้ยกล่อมให้ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งเข้าปิดด่านบำเพ็ญเพียรอย่างหนัก
ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งจึงเริ่มเปลี่ยนจากการไปเยี่ยมเยือนกันในทุกๆ สามวันเป็น…ห้าครั้งต่อเดือน
เมื่อเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างปรมาจารย์ใหญ่ตัวน้อยและปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งดีขึ้นเรื่อยๆ หลี่ฉางโซ่วจึงละความพยายามจากเดิมลงเล็กน้อยเป็นการชั่วคราว…
บัดนี้ เขาทุ่มเทพลังงานทั้งหมดเพื่อเตรียมการให้เผ่ามังกรอย่างเต็มที่!
จนถึงยามนี้ เขายุ่งมาเก้าปีเต็มแล้ว เวลาหลายปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่เหลือร่องรอยใดๆ ทิ้งไว้ข้างหลัง
การเตรียมการในด้านต่างๆ ของหลี่ฉางโซ่วกำลังจะสิ้นสุดลง และระบบยุทธวิธีทั้งสามระบบ ก็พร้อมทำงานอย่างเต็มที่แล้ว ภัยพิบัติของเผ่ามังกรในครั้งนี้ แตกต่างจากภัยพิบัติของสำนักตู้เซียนเมื่อครั้งล่าสุดอย่างสิ้นเชิง คราวนี้ เป็นเหล่าสำนักใหญ่ที่กำลังวางแผนต่อสู้กันเอง
ขณะนี้ มันราวกับว่าร่างกายของหลี่ฉางโซ่วอยู่ในกระแสน้ำวน หากเขาอยากควบคุมสถานการณ์ เขาก็เพียงแค่ทำทุกอย่างที่ทำได้เท่านั้น และพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดการ วางแผน และใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ต่างๆ ให้ดีที่สุด…
เขารู้ดีว่าการที่เขาจะสามารถสนับสนุนปรมาจารย์ไท่ชิงได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่า เขาสามารถเตรียมการสำหรับเผ่ามังกรได้หรือไม่
เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามปีแล้วที่จะถึงวันงานอภิเษกของอ๋าวอี่
…………………………………………………………………………
[1] คนที่แปลกแยกจากสังคม คนด้อยโอกาส หรือคนที่มีสายเลือดไม่แท้ สายเลือดผสม มักถูกผู้คนเหยียดหยาม