มือทั้งสองข้างของนัทธีกำไว้แน่น ตาทั้งคู่แดงก่ำ ด้านในมีประกายน้ำเล็กน้อย

มารุตมาอยู่ข้างเขา มองเห็นสภาพเขา ในใจก็รู้สึกตกใจอย่างมาก

ประธานเขา……ร้องไห้!

ก็ใช่ คุณผู้หญิงถูกนิรุตติ์จับไปตกหน้าผาด้วยกัน เกรงว่าอาจจะไม่รอดด้วย ประธานจะร้องไห้ก็ไม่แปลก

พอคิดดังนี้ มารุตก็ค่อนข้างรู้สึกแย่ และค่อนข้างเห็นใจนัทธี

เขาไม่รู้จะโน้มน้าวนัทธีอย่างไร และก็ไม่อาจพูดได้ จึงยืนอยู่ข้างนัทธีเงียบๆอย่างนั้น

และไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ทีมค้นหาและช่วยเหลือก็มา

นัทธีให้พวกเขาลงหน้าผาไปตามหา

แต่หน้าผาสูงเกินไป กระโดดร่มลงไปก็จะเสี่ยงอย่างมาก ที่ร่มชูชีพจะไปติดยอดไม้อย่างง่ายดาย

ดังนั้นสุดท้ายแล้วทีมค้นหาและช่วยเหลือจึงหยุดความคิดที่จะช่วยเหลือโดยการลงเขาไปโดยตรง แต่ค่อยๆปีนลงเขาไปหา แบบนี้ก็จะได้หาอย่างละเอียดมากขึ้น

นัทธีก็เปลี่ยนเป็นชุดปีนเขา ตามทีมค้นหาและช่วยเหลือลงหน้าผาไปหาเธอ มารุตห้ามยังไงก็ห้ามไม่อยู่

สุดท้าย จึงได้แต่ลงเขาตามไปด้วย

ในฐานะผู้ช่วยพิเศษ เขาไม่อาจปล่อยให้นัทธีไปคนเดียวได้ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็คงแย่

หน้าผาสูงมาก ตอนที่นัทธีลงไปถึงตีนเขา ก็ผ่านไปสองสามชั่วโมงแล้ว ทุกคนต่างเหนื่อยหมดแรง นั่งพักผ่อนกันที่พื้น

มารุตเปิดขวดน้ำยื่นให้นัทธี“ประธาน ดื่มน้ำหน่อยสิครับ”

นัทธีไม่ได้รับ หลังจากหายใจเข้า ก็เดินไปข้างหน้าต่อ

มารุตถอนหายใจ หมดหนทาง จึงรีบตามขึ้นไป

คนอื่นเห็นพวกเขาไม่คิดพักผ่อน ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ตามไปค้นหาด้วยกัน

อย่างไรก็ตามหาจนท้องฟ้ามืดแล้ว ก็หาร่างของวารุณีและนิรุตติ์ไม่เจอ แม้แต่ร่องรอยที่พวกเขาตกไปก็ไม่พบ

ซึ่งสำหรับนัทธีแล้ว ตอนนี้ถือเป็นข่าวดี ยังไงก็ยังไม่เจอศพของทั้งสองคน ซึ่งหมายความว่าทั้งสองคนน่าจะยังไม่ตาย

“ประธานครับ ฟ้ามืดแล้ว เดี๋ยวฝนต้องตกแน่ พวกเรากลับไปก่อนดีกว่า”มารุตมาที่ด้านหลังนัทธีอย่างเหนื่อยหอบ ยกข้อมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก พูดกับนัทธี

นัทธีเหนื่อยมากเหมือนกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ และยังมีบาดแผลที่ถูกต้นไม้ที่มีหนามบาด ดูแล้วน่าอนาถอย่างมาก

เขาส่ายหน้า“หาต่อไป!”

“แต่ว่า……”มารุตยังอยากจะพูดอะไร

นัทธีมองเขาด้วยสายตาเย็นชา“ผมบอกแล้วไง หาต่อไป!”

“ครับ!”มารุตก้มหน้าลง ตอบกลับ

เขามองออกว่า ประธานบ้าระห่ำไปแล้ว

หาคุณผู้หญิงไม่เจอ ไม่พักแน่นอน

ช่างเถอะ หาต่อไปละกัน

มารุตส่ายหน้า เรียกให้คนของทีมค้นหาและช่วยเหลือด้านหลังค้นหาต่อไป

ตอนนี้เอง โทรศัพท์ดาวเทียมที่เอวเขาก็ดังขึ้นมา

มารุตหยิบออกมาดู“ประธาน สายของคุณปาจรีย์ครับ คุณจะรับไหม?”

นัทธีทำเหมือนไม่ได้ยิน ยันไม้ค้ำท่อปีนขึ้นบนหินก้อนใหญ่

มารุตทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รับเอง“ฮัลโหล คุณปาจรีย์”

“ผู้ช่วยมารุต ทั้งวันแล้ว ช่วยวารุณีได้ยังคะ?”ปาจรีย์ถามอย่างรีบร้อน

มารุตมองนัทธีแวบหนึ่ง ส่ายหน้า“ยังครับ”

เขาไม่ได้บอกปาจรีย์กับเด็กทั้งสองคน เรื่องที่คุณผู้หญิงตกหน้าผาไป

ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องเป็นเหมือนประธาน ทำให้คนเป็นห่วงแน่

“ทำไมถึงยังล่ะ ไม่ใช่ว่าพวกคุณหาซ่องโจรที่ลักพาตัวเจอแล้วเหรอ?”ปาจรีย์กระทืบเท้าอย่างร้อนใจ

มารุตตอบกลับอย่างคลุมเครือ:“หาเจอแล้ว แต่เกิดอุบัติเหตุบางอย่าง”

“อุบัติเหตุอะไร?เกิดอะไรขึ้นกับวารุณี?”ปาจรีย์เดาออกมาด้วยตาที่เบิกโต

มารุตฝืนยิ้มออกไป“เปล่า คุณอย่าคิดมาก พวกเรายังต้องช่วยหาต่อไปอีก แค่นี้ก่อนนะครับ”

“ฮัลโหล……ฮัลโหล?”ปาจรีย์ยังอยากจะรู้ถึงสถานการณ์อีก สุดท้ายสายก็ตัดไปเลย

ทำอะไรไม่ได้ เธอจึงได้แต่ขย้ำผมอย่างหงุดหงิด คิดว่ารออีกสองชั่วโมงค่อยถามสถานการณ์

มารุตวางโทรศัพท์ดาวเทียมลง รีบตามนัทธีไป แล้วบอกเนื้อเรื่องที่โทรศัพท์เมื่อกี๊กับเขา

นัทธีไม่ได้ตอบสนองอะไรมาก

สำหรับเขาแล้ว ตอนนี้อะไรก็สู้ไม่ได้กับหาวารุณีเจอ

เปรี้ยง!

จู่ๆฟ้าก็ร้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้น ก็มีสายฟ้าฝ่าไปที่ท้องฟ้า ทำให้ป่าไม้สว่างขึ้นมาแป๊บหนึ่ง

มารุตเงยหน้าขึ้นมอง“ประธาน ฝนจะตกแล้วจริงๆ”

นัทธียังไม่มีการตอบสนองใดๆ เดินหน้าต่อไป

มารุตดึงเขาไว้ พูดด้วยสีหน้าร้อนใจ:“ประธาน ที่นี่คือป่า ถ้าฝนตกก็จะอันตรายอย่างมาก อาจจะดินถล่ม หรือว่าต้นไม้หัก จะบาดเจ็บได้ง่ายมาก ประธานครับ พวกเราหาต่อไปไม่ได้แล้ว จำเป็นต้องกลับ!”

“ปล่อย!”นัทธีสะบัดแขนออก

อย่างไรก็ตามมารุตจับไว้แน่นมาก เขาไม่ปล่อยเลย

มารุตพูดอีกว่า:“ประธาน ผมรู้ว่าคุณอยากหาคุณผู้หญิงเจอ แต่สถานการณ์แบบนี้จะดำเนินต่อไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคุณก็จะเกิดเรื่อง”

“ผมให้คุณปล่อย!”สีหน้านัทธีเยือกเย็นอย่างมาก น้ำเสียงก็ดังขึ้นเยอะ

มือมารุตค่อยๆคลายลงเล็กน้อย แต่แป๊บหนึ่ง ใบหน้าเขาก็ปรากฏความเด็ดเดี่ยว แล้วรัดแน่นอีกครั้ง“ผมไม่ปล่อย ประธานครับ คุณต้องลงเขาไปกับพวกเรา ผมจะมองดูคุณเป็นอะไรไปอีกไม่ได้”

“มารุตคุณ……”

ยังพูดไม่จบ นัทธีรู้สึกเจ็บช่วงท้ายทอย เขามองสันมือที่มารุตชูขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นจึงหมดสติไป

มารุตรีบประคองนัทธีไว้ ในสายตามีความรู้สึกผิด“ขอโทษนะ ประธาน ยกโทษให้ผมด้วย ผมเห็นคุณตกอยู่ในอันตรายไม่ได้”

พูดจบ เขาจึงเรียกให้ทีมค้นหาและช่วยเหลือถอย จากนั้นประคองนัทธีเดินลงไปที่ใต้เขา

พวกเขาต้องออกไปจากเขาลูกนี้ก่อนฝนตกหนัก ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะหลงทาง และเกิดเรื่องขึ้นได้

แป๊บเดียวฝูงชนก็ออกไปจากป่าเขา

ในป่าอีกด้าน วารุณีกำลังนอนอยู่ที่ทุ่งหญ้า

เสื้อผ้าที่ตัวเธอขาดไปหมด มีรอยแผลเป็น รอยถลอก ถูกบาดที่น่าตกใจทั่วใบหน้ามือและเท้า เสื้อผ้ารอบๆบาดแผลก็แดงไปด้วยเลือด

เปรี้ยง!

เม็ดฝนโปรยปรายลงมา ลงมาที่ใบหน้าของเธอพอดี จึงปลุกเธอตื่น

เธอลืมตามามอง ฝนเม็ดใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า แป๊บเดียวก็เปียกไปที่ผมและเสื้อผ้าของเธอ

วารุณีเย็นจนตัวสั่น จากนั้นยันตัวจะยืนขึ้นมา

สุดท้ายพอเธอขยับ ทั้งตัวก็มีความเจ็บปวดเข้ามา เจ็บจนเธอส่งเสียงร้อง

“เจ็บจัง……”วารุณียกแขนขึ้นมา มองบาดแผลทั่วมือ ความจำในหัวก็ได้สติคืนมาทันที

เธอคิดออกแล้ว เธอถูกนิรุตติ์จับตัว จากนั้นนัทธีก็มาช่วยเธอ

แต่สุดท้ายจู่ๆนิรุตติ์ก็จะตายไปกับเธอ จากนั้นก็พาเธอกระโดดลงหน้าผาด้วยกัน

ดังนั้น ตอนนี้เธออยู่ที่ใต้หน้าผา?

วารุณีเงยหน้ามองไปอีกครั้ง ตอนนี้ฟ้ามืดลงแล้ว บนศีรษะนั้นมีฝนเม็ดใหญ่ เธอมองอะไรไม่เห็นเลย จึงรีบก้มหน้าลงมา

การก้มหน้านี้ เธอจึงมองเห็นบนพื้นที่อยู่ตรงข้ามไม่ไกลกันนั้น มีคนหนึ่งนอนอยู่

นิรุตติ์!

ถึงแม้เธอจะมองหน้าตาของคนๆนั้นไม่ชัด แต่เธอก็มั่นใจมากว่า นั่นจะต้องเป็นนิรุตติ์แน่

เพราะว่าที่กระโดดหน้าผา มีแค่พวกเขาสองคน

วารุณีทนความเจ็บปวดทั้งตัวยืนขึ้นมา การเคลื่อนไหวที่ปกตินั้นธรรมดาอย่างมาก ตอนนี้เอง กลับเกือบจะใช้แรงทั้งหมดของเธอ

เธอจับต้นไม้ข้างๆไว้ เพื่อให้รูปร่างนั้นมั่นคง ไม่ให้ตัวเองล้มกลับไปอีกครั้ง

“ไม่ได้ ต้องรีบหาที่หลบฝน”วารุณีหอบ พูดอย่างอดทนต่อความเจ็บปวด

เธอไม่สนที่จะคิดแล้วว่าตัวเองรอดชีวิตมา และยังมือเท้าไม่หักได้อย่างไรกันแน่

สถานการณ์ตอนนี้ ทำให้เธอคิดไม่ได้ เธอต้องหาที่หลบฝน ไม่อย่างนั้นจะต้องตายเพราะความหนาวแน่