“ที่ฉันต้องการนั้นง่ายมาก นั่นก็คือออกไปจากตรงนี้อย่างปลอดภัย”นิรุตติ์สบตากับเขาด้วยรอยยิ้ม
นัทธีกำปืนในมือไว้แน่น“ฝันไปเถอะ!”
“เหรอ?งั้นก็หมดหนทาง ฉันได้แต่พาภรรยาของแกไป แล้วไปอยู่ด้วยกันกับฉัน ภรรยาแกสวยขนาดนี้ ฉันไม่ขาดทุนหรอก”รอยยิ้มของนิรุตติ์ชัดมากขึ้น
เส้นเลือดที่หลังมือของนัทธีปูดออกมา“ฉันจะบอกอีกครั้ง ปล่อยเธอซะ!”
“ไม่มีทาง นอกจากแกจะเอาคนออกไป วางปืนลง ปล่อยฉันไปจากที่นี่ พอฉันไปแล้ว ฉันก็จะเอาเธอคืนแกเอง”นิรุตติ์จ่อไปที่วารุณีต่อ
ตัวของวารุณีหดลง
ริมฝีปากบางๆของนัทธีเม้มลงอย่างเย็นชา“แกคิดว่าฉันจะเชื่อแก?”
“งั้นฉันก็ทำอะไรไม่ได้ ฉันจะพาเธอไปตายด้วยกัน”นิรุตติ์พูดไป นิ้วชี้ที่เหนี่ยวไกอยู่นั้นดึงเข้าไปด้านใน
วารุณีได้ยินเสียงขยับเหนี่ยวไก หัวใจก็เต้นแรงออกมา ความหวาดกลัวมหาศาลนั้นทำให้เธอกระหืดกระหอบ แล้วร้องออกมาเสียงดัง:“นัทธี ช่วยฉันด้วย……”
มือนัทธีกำลังสั่น
มารุตมองเขา แล้วมองวารุณีที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ก็รีบโน้มน้าว:“ประธาน ผมรู้ว่าคุณไม่อยากปล่อยนิรุตติ์ไป แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ คุณผู้หญิงยังอยู่ในมือเขา พวกเราปล่อยเขาก่อน รอคุณผู้หญิงปลอดภัยแล้ว พวกเราค่อยเอาคืนเขาก็ทัน”
“ใช่ประธานนัทธี”คนอื่นๆบนเครื่องบินก็โน้มน้าว
แม้แต่อารัณก็ร้องไห้:“พ่อ ช่วยหม่ามี๊ด้วย”
นัทธีหลับตาลง
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากช่วยวารุณี
เขารู้อยู่แล้วว่าตอนนี้ควรเลือกทำอย่างไร ถึงถูกต้องที่สุด แค่เขากังวลว่า ถึงเขาทำตามที่นิรุตติ์บอกให้ทำ นิรุตติ์ก็จะไม่ปล่อยวารุณี
เขาแค่ไม่กล้าเดิมพัน
แต่ตอนนี้ความจริงก็คือ เขาจำเป็นต้องเดิมพัน
“โอเค ฉันจะปล่อยแกไป แกปล่อยเธอซะ!”นัทธีวางปืนในมือลงก่อน
นิรุตติ์กลับยังจ่อวารุณี“แกให้พวกเขาออกไปก่อน”
สายตาเขายังคงจ้องเฮลิคอปเตอร์หลายลำพวกนั้น
นัทธีพยักหน้าให้มารุต
มารุตหยิบไมโครโฟนไร้สายขึ้นมา แจ้งให้เครื่องบินลำอื่นบินกลับ ยกเว้นเครื่องบินลำของพวกเขาเอง
แป๊บหนึ่ง เครื่องบินลำอื่นๆก็บินออกไป
กลางอากาศเหลือแค่ลำของนัทธีที่อยู่
นิรุตติ์พูดอีกว่า:“พวกคุณ ก็บินออกไปด้วย”
“เรื่องอะไรกันล่ะ เครื่องบินลำอื่นบินไปหมดแล้ว ถ้าพวกเราไป งั้นคุณผู้หญิง……”
“จะไปไหม!”นิรุตติ์เอากระบอกปืนจ่อไปที่ขมับของวารุณี
วารุณีร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
นัทธีได้ยิน สายตานั้นก็มีความสงสารแวบเข้ามา แป๊บเดียวก็ละกลับไป“ไป”
“ประธาน……”
รู้ว่ามารุตจะพูดอะไร นัทธีก็หรี่ตา“พวกเขาต้องขับรถถอยไป มีแค่ทางลงจากเขาเท่านั้น รอตอนที่พวกเขาขับไปถึงใต้เขา ขบวนรถที่พวกเราจัดไว้น่าจะหยุดพวกเขาได้”
พอได้ยิน มารุตก็หุบปากลงทันที
เฮลิคอปเตอร์สองลำนี้ก็บินออกไป แต่กลับไม่พ้นสายตาของนิรุตติ์กับวารุณีทั้งหมด มองมาจากระยะไกลร้อยกว่าเมตร
“ผู้อำนวยการ พวกเราไปไหม?”ในที่สุดตอนนี้ผู้ช่วยอภิสิทธิ์ก็มีความกล้าลงมาจากรถ
นิรุตติ์มองเขาแวบหนึ่ง“ไปไม่ได้ อย่าลืมขบวนรถที่ตามมาก่อนหน้านี้ล่ะ พวกเราไม่คิดกันว่านัทธีจะเอาเฮลิคอปเตอร์มาด้วย คิดแค่ว่าพวกเขาจะเอารถมาตามอย่างเดียว ดังนั้นพวกเรายังมีโอกาสเคลื่อนย้าย แต่เมื่อกี๊เฮลิคอปเตอร์มา รถพวกนั้นก็น่าจะใกล้ถึงตีนเขา”
“หมายความว่า พวกเราลงจากรถก็จะตกหลุมพราง?”ผู้ช่วยอภิสิทธิ์หายใจเข้า
นิรุตติ์เม้มริมฝีปาก“ใช่ แผนการลักพาตัวของเราไม่มีช่องโหว่ และคิดไม่ถึงว่าแผนการช่วยเหลือของนัทธีก็จะไม่มีช่องโหว่เช่นกัน”
“งั้นตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไร?”ผู้ช่วยอภิสิทธิ์ถามอย่างช่วยไม่ได้
นิรุตติ์ไม่พูด หันมองซ้ายมองขวา มองเห็นด้านหลังที่อยู่ไม่ไกลคือหน้าผา เขาก็ละสายตาลง
ผ่านไปสักพัก เหมือนจะตัดสินใจอะไรได้ เขาจับวารุณีถอยหลัง
“ผู้อำนวยการ คุณจะทำอะไร?”ผู้ช่วยอภิสิทธิ์มองการเคลื่อนไหวของเขา ก็ตกใจ
วารุณีถูกจับไว้ และมีปืนจ่อ ไม่สามารถขยับคอได้เลย จึงไม่รู้ว่าด้านหลังมีอะไร
เห็นนิรุตติ์พาตัวเองถอยหลัง ก็คิดว่าเขาอยากหลบซ่อน
บนเฮลิคอปเตอร์กว่าหนึ่งร้อยเมตรด้านนอกนั้น นัทธีกับมารุตก็มองเห็นการกระทำของนิรุตติ์ สีหน้าทั้งคู่ก็เปลี่ยนไป
“ประธาน เขาคงไม่ได้พาคุณผู้หญิงกระโดดหน้าผาหรอกนะ?”
นัทธีหยิบโทรโข่งตรงคนขับมาตะโกน“นิรุตติ์ แกจะทำอะไร?”
ฝีเท้านิรุตติ์ไม่หยุด ถอยหลังไปต่อ แป๊บเดียวก็ถอยไปถึงขอบหน้าผา มองเครื่องบินบนฟ้า รับรู้เหมือนคนบ้า“ฉันจะทำอะไรพวกแกรู้อยู่แล้วนี่?”
“คุณบอกแล้วนี่แค่พวกเราปล่อยคุณไป คุณจะปล่อยคุณผู้หญิงทันที ตอนนี้พวกเราปล่อยคุณแล้ว ทำไมคุณยังพาคุณผู้หญิงไปกระโดดหน้าผาอีก?”
กระโดดหน้าผา?
วารุณีรู้ว่านิรุตติ์จะทำอะไร รูม่านตาหด เริ่มส่ายหน้า
มือที่นิรุตติ์จับไหล่ของเธอ บีบไปอย่างแรง เตือนไปอย่างหมองหม่น“อย่าขยับมั่ว ถ้าขยับมั่วผมฆ่าคุณก่อนไปแน่”
วารุณีตัวสั่น เอาหัวอยู่นิ่งๆทันที ไม่กล้าขยับ
นิรุตติ์จึงเงยหน้าใหม่ มองพวกนัทธีทั้งสองคน“พวกแกบอกจะปล่อยฉัน แต่พวกแกคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่า การปล่อยของพวกแกก็แค่เอามาบังหน้า?ฉันรู้ แค่ฉันขึ้นรถและออกไป พวกแกจะจับฉันที่ตีนเขา”
มารุตอ้าปาก“ประธาน เขาดันรู้”
นัทธีไม่พูด มองนิรุตติ์อย่างหมองหม่น
ใบหน้านิรุตติ์ยังคงยิ้ม“ถึงแม้พวกแกไม่จับตัวฉันที่ตีนเขา แต่สุดท้าย แกนัทธีก็คงจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะแก้แค้นฉันสินะ ดังนั้นไม่ว่าฉันจะเดินไปทางไหนผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม งั้นฉันพาภรรยาของแกกระโดดลงไปจากตรงนี้ด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอ ให้เธอฝังไปกับฉัน!”
“แกกล้าเหรอ!”นัทธีพ่นคำออกมาสามคนจากช่องฟัน
นิรุตติ์หัวเราะเสียงดังมากขึ้น“งั้นแกก็ดูว่าฉันกล้าไหม!”
พูดจบ เขาก็ล้มลงไปด้านหลัง
ด้านหลังคือหน้าผา เขาดึงวารุณีอีกครั้ง
การล้มนี้ ทั้งสองคนจึงตกลงไปจากหน้าผา
“ไม่!”นัทธีตะโกนออกไปอย่างโมโห ปล่อยที่จับบนหัว จะกระโดดลงไป
มารุตมองเห็น จึงดึงเขากลับมาที่ห้องผู้โดยสารทันที“ประธาน นี่คุณทำอะไร ที่ตัวคุณไม่ได้สวมอุปกรณ์กระโดดร่มเตรียมไว้ คุณลงไปแบบนี้ตายได้”
ถึงเขาจะตกใจที่นิรุตติ์พาคุณผู้หญิงตกลงหน้าผาด้วย แต่เขาหมดหนทางห้าม และก็ไม่มีทางช่วยคุณผู้หญิงได้
แต่ว่าประธาน เขากลับช่วยได้
นัทธียืนขึ้นมา ตะโกนใส่ห้องนักบิน:“เร็ว รีบขับเครื่องบินไป!”
ตอนนี้นักบินและผู้ช่วยนักบินก็ได้สติคืนมาจากที่นิรุตติ์กับวารุณีสองคนนี้ตกลงหน้าผา จึงขับเครื่องบินไปทันที
อย่างไรก็ตามหน้าผาสูงมาก ด้านล่างคือหมอกขาวๆ เครื่องบินมองลงไปจากท้องฟ้า ก็มองอะไรไม่เห็นเลย
เวลานี้ ในใจของนัทธีนั้นตื่นตระหนก
มารุตก็กลืนน้ำลายอย่างหวาดกลัว“ที่ตัวคุณผู้หญิงกับนิรุตติ์ไม่มีอุปกรณ์ติดตัวใดๆ ตกหน้าผาลงไปจะต้อง……”
คำต่อจากนี้ เขาไม่ได้พูด
แต่ความหมายทุกคนรู้ดี
มือสองข้างของนัทธีกำไว้แน่น มองมารุตด้วยดวงตาแดงก่ำคู่นั้น“ติดต่อทีมค้นหาเพื่อลงหน้าผาไปตามหาทันที ต้องหาวารุณีให้ได้!”
“ครับ!”สีหน้ามารุตตะลึง หยิบโทรศัพท์โทรออกไปทันที
นัทธีให้เครื่องบินขับลง จากนั้นกระโดดลงจากเครื่องบินแล้วตรงไปที่ขอบหน้าผา ยืนมองลงไปตรงขอบหน้าผา หัวใจเจ็บจนแทบแหลกสลาย
เป็นอีกครั้งแล้วที่เขามองวารุณีตกลงหน้าผา ต่อหน้าตัวเอง!
ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ดึงเธอไว้ และครั้งนี้ เขาก็ยังไม่ได้….