ตอนที่ 418 คำพูดสองประโยคของหลินม่าย

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 418 คำพูดสองประโยคของหลินม่าย

หลินม่ายแนะนำตัวคุณปู่คุณย่าฟางให้กับครอบครัวเถาจืออวิ๋น

คุณย่าฟางพูดกับเถาจืออวิ๋นด้วยรอยยิ้มพริ้ม “เสี่ยวเถา ขอบใจที่หนูทำกระเป๋าหนังสือกับเสื้อผ้าให้โต้วโต้วของเรานะจ๊ะ”

แม่เถารีบโบกมือพูด “คุณย่าโต้วโต้วอย่าขอบคุณจืออวิ๋นไปเลยค่ะ ม่ายจื่อของคุณช่วยเหลือจืออวิ๋นของเราไว้มากมายยิ่งกว่า หากจะขอบคุณพวกเราต่างหากที่ต้องขอบคุณพวกคุณ”

พวกผู้ใหญ่กำลังคุยกัน เจ้าตัวน้อยทั้งสองเองก็ไม่ก่อกวน

โต้วโต้วเห็นฉีฉีสะพายกระเป๋าหนังสือแบบเดียวกับของหล่อน ทั้งสวมเสื้อผ้าที่ใช้วัสดุผ้ายีนทำ ก็ดีอกดีใจอย่างมาก

หล่อนดึงมือของฉีฉีแล้วพูด “พวกเราสองคนสวมเสื้อเหมือนกัน สะพายกระเป๋าเหมือนกัน อย่างนั้นก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”

ฉีฉีพยักหน้าใสซื่อ

ผู้ปกครองที่ฐานะทางบ้านไม่เลวบางคนเห็นเจ้าตัวน้อยทั้งสองสะพายกระเป๋าเป้ยีน ใส่เสื้อผ้าเด็กแฟชั่นจากผ้ายีนที่หาซื้อไม่ได้ในเมืองห่างไกลทะเล ก็วิ่งเข้ามาถามหลินม่ายกับเถาจืออวิ๋นว่าพวกเขาซื้อกระเป๋าเป้ยีนกับชุดยีนเด็กมาจากที่ไหน พวกเขาเองก็อยากจะซื้อให้ลูกรักของตนเช่นกัน

เถาจืออวิ๋นตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้ซื้อมาหรอกค่ะ เป็นของที่ฉันทำขึ้นเอง”

ผู้ปกครองเหล่านั้นถึงได้จากไปด้วยความเสียดาย

รอจนเด็กน้อยทั้งสองกินปาท่องโก๋หมด ครอบครัวใหญ่ของหลินม่ายและครอบครัวเถาจืออวิ๋นทั้งสามคนก็ส่งเจ้าตัวน้อยทั้งสองคนไปที่ห้องเรียน และฝากฝังถึงมือคุณครูด้วยกัน

โต้วโต้วพบว่าตนและฉีฉีไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันก็ร้องไห้โฮออกมา งอแงจะอยู่ห้องเดียวกับฉีฉี

หลินม่ายและฟางจั๋วหรานย่อตัวนั่งลงอธิบายกับเธอ เธอเป็นพี่สาวอายุสี่ขวบแล้ว จึงต้องเรียนชั้นอนุบาล2 แต่ฉีฉีเพิ่งจะอายุประมาณสองขวบเท่านั้น จึงได้แต่เรียนชั้นอนุบาล1 ทั้งสองคนเรียนชั้นเดียวกันไม่ได้

แต่โต้วโต้วไม่รับฟังเรื่องพวกนี้ ร้องไห้งอแงจะอยู่ห้องเดียวกับฉีฉีให้ได้ จนใครก็เกลี้ยกล่อมหล่อนไม่ไหว

หลินม่ายจนใจอย่างมาก “อายุของฉีฉีเรียนชั้นอนุบาล2ไม่ได้ หนูงอแงไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ”

โต้วโต้วพูดทั้งน้ำตา “หนูไปเรียนอนุบาล1ก็ได้ค่ะ”

หลินม่ายลูบศีรษะน้อยๆ ของหล่อนอย่างไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “หนูช่างมีความมุ่งมั่นจริงๆ!”

เธอหยุดชะงักครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น “ถ้าหนูอยากจะเรียนชั้นเดียวกับฉีฉี แม่จะให้โอกาสครั้งหนึ่งก็ได้ แต่แม่มีเงื่อนไขนะ”

โต้วโต้วเช็ดน้ำตา แล้วถามด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “เงื่อนไขอะไรเหรอคะ?”

“ถ้าหนูไปเรียนอนุบาล1หนูก็จะโตกว่าเพื่อนร่วมชั้นในห้องเดียวกัน หนูก็จะเป็นพี่สาว จะต้องดูแลพวกน้องสาว หนูจะทำได้ไหม?”

โต้วโต้วครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วผงกหัวน้อยๆ “หนูทำได้ค่ะ”

ดังนั้นหลินม่ายจึงไปหาครูใหญ่ จัดให้โต้วโต้วอยู่ชั้นอนุบาล1ที่ฉีฉีอยู่

คุณย่าฟางยืนอยู่หน้าห้องเรียน พูดกับโต้วโต้วที่กุมมือของฉีฉีไม่ยอมปล่อน “อยู่ที่โรงเรียนต้องตั้งใจเรียน เชื่อฟังคุณครูด้วยนะ ตอนเที่ยงย่าทวดกับปู่ทวดจะมารับหนูกลับไปกินของอร่อย”

หลินม่ายรีบพูดขึ้น “ฉันจองอาหารเที่ยงที่โรงเรียนอนุบาลไว้ให้โต้วโต้วแล้วค่ะ ตอนเที่ยงไม่ต้องกลับไปกินที่บ้านแล้ว”

คุณย่าฟางตอบรับ “บ้านเราอยู่ใกล้โรงเรียนขนาดนี้ ยังจะกินข้าวเที่ยงที่โรงเรียนอีกเหรอ”

หลินม่ายอธิบาย “กินข้าวที่โรงเรียนตอนเที่ยง จะสามารถปลูกฝังการพึ่งพาตัวเองให้กับโต้วโต้วได้ค่ะ”

พ่อเถาแม่เถาเองก็พูดขึ้นอยู่ข้างๆ “ฉีฉีของบ้านเราเองก็กินข้าวที่โรงเรียนเหมือนกัน เด็กสองคนเป็นอยู่เพื่อนกันก็ดีเลย”

เมื่อนั้นคุณย่าฟางถึงยอมแพ้

สองครอบครัวแยกกันที่หน้าประตูโรงเรียน

หลินม่ายกับฟางจั๋วหรานเดินเป็นเพื่อนคุณปู่คุณย่าฟางพักหนึ่ง แล้วจึงแยกกับคนชราทั้งสองไปเช่นกัน

ฟางจั๋วหรานต้องรีบไปทำงาน หลินม่ายก็ต้องไปดูที่ห้างเจียงเฉิงว่าผู้จัดการข่งกลั่นแกล้งเธอด้วยการย้ายบูธร้าน Unique เข้าไปอยู่ในซอกหลืบอีกหรือเปล่า

ตอนนี้เธอไม่ได้มีความเชื่อใจอะไรต่อผู้จัดการข่งมากนัก ในสายตาของเธอเขาก็คือคนต่ำทรามที่กลับกลอกปลิ้นปล้อนคนหนึ่ง

ตอนที่หลินม่ายมาถึงห้างเจียงเฉิงนั้นยังไม่ทันถึงแปดโมงครึ่ง ห้างเจียงเฉิงยังไม่เปิดให้บริการเลยด้วยซ้ำ

หลินม่ายเข้าไปทางช่องทางพนักงานด้านหลังห้าง เมื่อมาดูที่ชั้นสองและเห็นบูธขายสินค้าของ Unique ยังอยู่ในตำแหน่งเดียวกับเมื่อวาน เธอจึงวางใจลงได้ไม่น้อย

ดูเหมือนว่าเพื่อเงินค่าเสียหายห้าหมื่นหยวนนั้น ผู้จัดการข่งคงไม่กล้ามาจงใจหาเรื่องอีกแล้ว

หลินม่ายจากไปด้วยความพึงพอใจ แล้วจึงขี่จักรยานไปที่ห้างสรรพสินค้าลิ่วตู้เฉียว

ทันที่ขึ้นมายังลานขายเสื้อผ้าที่ชั้นสอง สิ่งเข้ามาในคลองสายตานั้นล้วนเป็นโปสเตอร์ของหวังหรงที่สวมเสื้อผ้าของ Seaman จุดที่เด่นสะดุดตาที่สุดก็คือบูธสินค้าของเสื้อผ้า Seaman

ทั้งสองจุดนี้อย่าพูดว่าคล้ายคลึงกับห้างเจียงเฉิง นี่มันลอกแบบมาแบบเป๊ะๆ เลย

หลินม่ายตำหนิอยู่ในใจ พลังของเสื้อผ้า Seaman ช่างไม่เบาเลยจริงๆ

ทั้งห้างเจียงเฉิงกับห้างลิ่วตู้เฉียว พวกเขาต่างก็ยึดครองตำแหน่งที่ดีที่สุดไปหมด

น่ากลัวว่าที่ห้างสรรพสินค้าอื่นเองก็เป็นแบบเดียวกัน

หลินม่ายแสร้งทำเป็นเดินผ่าน แล้วแอบมองราคาของ Seaman ซึ่งยังเป็นราคาเดิมกับเมื่อวาน แล้วจึงมองหาบูธ Unique ของตนเอง

ผู้จัดการฝ่ายขายของห้างลิ่วตู้เฉียวใจกว้างกว่าผู้จัดการข่งที่ห้างเจียงเฉิงอยู่สักหน่อย

แม้ว่าจะเปลี่ยนตำแหน่งของ Uniqueไปยังจุดที่ค่อนข้างลำเอียงเช่นกัน แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้อยู่ในหลืบในมุม

ลูกค้าเดินวนสักรอบก็ยังสามารถมองเห็นเสื้อผ้า Unique ได้

แต่หลินม่ายก็ไม่ได้พอใจ

เธอไปหาผู้จัดการฝ่ายขายของห้างสรรพสินค้าลิ่วตู้เฉียว แล้วถามเพียงสองประโยคเท่านั้น

ประโยคแรกก็คือ “คุณรู้ไหมว่าทำไมสุดท้ายเสื้อ Unique ถึงไม่ถูกเตะออกจากห้างสรรพสินค้าใหญ่แต่ละแห่งเสียที?”

เหตุผลที่ Unique ไม่ถูกเตะออกจากห้างสรรพสินค้าใหญ่นั้น ผู้จัดการฝ่ายขายย่อมรู้ดี เป็นเพราะท่านเลขาธิการพรรคออกหน้ายับยั้งไว้ให้

ประโยคที่สองของหลินม่ายคือ “คุณรู้เรื่องที่ห้างเจียงเฉิงได้ย้ายที่ตั้งบูธของเสื้อผ้า Unique ไปยังตำแหน่งที่ไม่เลวแล้วไหมคะ?”

ผู้จัดการฝ่ายขายงงงัน เขายังไม่รู้เลยจริงๆ!

หลินม่ายถามสองประโยคนี้จบ ใบหน้าก็ประดับรอยยิ้มจางที่แฝงด้วยเลศนัย ก่อนหันเดินจากไปทันที

ซึ่งเธอไม่ได้มาเจรจา ด้วยเพราะผู้จัดการฝ่ายขายไล่ Unique ไปอยู่ในมุมอับ

ยิ่งเธอทำเช่นนี้ ผู้จัดการฝ่ายขายของลิ่วตู้เฉียวก็ยิ่งลังเลใจ

เมื่อหลินม่ายเดินจากไป ผู้จัดการฝ่ายขายก็ไปที่ห้างเจียงเฉิงในทันที

เป็นอย่างที่หลินม่ายพูดเอาไว้ไม่มีผิด ตำแหน่งบูธขายสินค้าที่ห้างเจียงเฉิงจัดเตรียมให้ Unique นับว่าใช้ได้เลย

ผู้จัดการฝ่ายขายของห้างลิ่วตู้เฉียวสีหน้าหม่นครึ้มทันใด

ในตอนแรกท่านเลขาธิการพรรคออกหน้า ไม่อนุญาตให้ห้างใหญ่แต่ละแห่งกลั่นแกล้ง Unique

เขาก็ปล่อยให้ Unique ขายอยู่ในตำแหน่งเดิมทันที

ทว่าเมื่อวานประมาณสิบโมงเช้า ผู้อำนวยการหูก็โทรศัพท์มา สั่งให้เขาโยน Unique เข้าไปอยู่ในหลืบ แต่เขาเองก็ทนต่อแรงกดดัน ไม่ได้ทำตามคำพูดของเขา

ผู้จัดการหูทำแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโจมตีตอบโต้หัวหน้าโรงงานหลินม่ายแห่งเสื้อผ้า Unique

เพราะหลินม่ายทำให้เขาถูกเลขาธิการกรรมการพรรคตำหนิติติง

แต่ว่าเขาไม่อยากจะช่วยผู้อำนวยการหูกระทำการหน้าไหว้หลังหลอกต่อเลขาธิการกรรมการพรรค แล้วกดขี่ Unique

สุดท้ายผู้จัดการข่งของห้างเจียงเฉิงก็โทรศัพท์มา ให้ห้างลิ่วตู้เฉียวทำตามห้างเจียงเฉิงของพวกเขา เพื่อกลั่นแกล้งหลินม่าย

และยังบอกว่าห้างสรรพสินค้าอื่นๆ ก็ทำตามที่เขาพูดกันหมดแล้ว

แม้ว่าผู้จัดการฝ่ายขายของห้างลิ่วตู้เฉียวไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่ยังไงเขาก็ต้องไว้หน้าหัวมังกรในแวดวงธุรกิจ ด้วยเหตุนี้ในท้ายที่สุดเขาก็ยังโยน Unique เข้าอยู่ในมุม

แต่กลับไม่คาดคิดเลยว่า ห้างเจียงเฉิงจะตลบหลังพวกเขาย้ายบูธของ Unique ไปไว้ในตำแหน่งที่ค่อนข้างดีเสียได้

นี่เป็นการเตรียมการเพื่อให้เลขาธิการกรรมการพรรคเห็นอย่างนั้นเหรอ?

ให้ท่านเลขาธิการกรรมการพรรคนึกไปว่ามีเพียงห้างเจียงเฉิงเท่านั้นที่ดำเนินการตามคำแนะนำของเขา ส่วนห้างอื่นๆ ล้วนหน้าไหว้หลังหลอก?

ผู้จัดการฝ่ายขายห้างลิ่วตู้เฉียวยิ่งคิดยิ่งโมโห หลังจากที่เขากลับไปก็โทรศัพท์ไปหาห้างใหญ่อื่นๆ ทันที

เล่าทุกการกระทำของห้างเจียงเฉิงให้พวกเขาฟัง

และยังให้พวกเขาไม่ต้องฟังคำพูดของผู้จัดการข่ง รีบเอา Unique ออกมาจากหลืบให้เร็วที่สุด

ไม่อย่างนั้นหากถูกเลขาธิการกรรมการพรรครู้เข้า จะถูกตำหนิก็ดิ้นไม่หลุดแล้ว

ห้างใหญ่แต่ละแห่งรีบทำตามคำพูดของผู้จัดการฝ่ายขายห้างลิ่วตู้เฉียวทันที อีกทั้งต่างโกรธแค้นห้างเจียงเฉิง

ห้างเจียงเฉิงอยากจะเอาหน้าต่อหน้าเลขาธิการกรรมการพรรค แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ควรจะเอาพวกเขาทั้งหมดมาเป็นหินเหยียบขึ้นไป

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เอ็นดูน้องโต้วโต้ว อยากมีเพื่อน เลยยอมลดชั้นมาเรียนอนุบาล 1

เรื่องนี้มันต้องเล่นถึงคนใหญ่คนโตนี่แหละถึงจะได้ผล

ไหหม่า(海馬)