ตอนที่ 419 ข่าวดีสุดพิเศษ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 419 ข่าวดีสุดพิเศษ

หลินม่ายได้ไม่รู้เลยแม้แต่น้อย ว่าหลังจากที่เธอออกไปจากห้างสรรพสินค้าลิ่วตู้เฉียวแล้วจะมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายขนาดนั้น

เธอขี่จักรยานไปที่โรงงานเสื้อผ้า Unique

เพิ่งจะนั่งลงในห้องทำงานของตนไม่นาน ยังไม่ทันจะได้หายใจหายคอ เถาจืออวิ๋นก็เดินเข้ามาบอกกับเธอว่ามีนักข่าวคนหนึ่งมาหา ต้องการจะสัมภาษณ์เธอ

หลินม่ายมีเรื่องเร่งด่วนต้องจัดการ ตอนนี้จะมีเวลาไปให้สัมภาษณ์ที่ไหนกัน?

เธอจึงบอกกับเถาจืออวิ๋น “พี่ให้สหายนักข่าวคนนั้นรอไปก่อนนะ ตอนนี้ฉันกำลังยุ่งอยู่”

พูดไปเพิ่งจะขาดคำ หนิวลี่ลี่ก็เดินอกตั้งหน้าเชิดเข้ามา ขณะกำลังจะเอ่ยปากพูดก็มองไปเห็นหลินม่าย

หล่อนตกตะลึง ชี้มาที่เธอแล้วพูด “เธอก็คือหัวหน้าโรงงานของโรงงานเสื้อผ้าUniqueงั้นเหรอ?”

“ทำไมคะ? ฉันไม่คู่ควรเหรอ?” หลินม่ายนึกไม่ถึงว่านักข่าวที่เถาจืออวิ๋นพูดถึงจะเป็นหนิวลี่ลี่

เธอส่งยิ้มให้กับหนิวลี่ลี่อย่างเป็นมิตร พูดด้วยความสุภาพอย่างยิ่ง “ที่แท้นักข่าวที่จะมาสัมภาษณ์ฉันก็คือคุณนี่เอง ทว่าต้องขออภัยจริงๆ ตอนนี้ฉันมีงานสำคัญของจัดการ ฉันขอให้สัมภาษณ์อีกครั้งในภายหลังได้ไหมคะ?

หนิวลี่ลี่พยักหน้า พูดอย่างกวนประสาทและลำพองอย่างที่สุด “เพราะเป็นเธอหรอกนะ ถ้าเป็นคนอื่นฉันไม่ยอมให้แบบนี้หรอก ไม่ได้มีแต่เวลาของพวกผู้ให้สัมภาษณ์อย่างคุณเท่านั้นนะที่มีค่า เวลาของฉันเองก็มีค่ามากเหมือนกัน”

หลินม่ายกลอกตาอย่างเงียบๆ ในใจ พลางตำหนิ …นี่เจ๊ เธอมาสัมภาษณ์คนอื่น ไม่ใช่คนอื่นไปขอร้องให้เธอมาสัมภาษณ์พวกเขา เธอไม่มีสิทธิ์มาว่ากันนะยะ

แต่คำพูดนี้เธอเองก็เพียงแค่คิดอยู่ในใจเท่านั้น

นักข่าวในยุคนี่ช่างหยิ่งยโสอวดดีนัก!

ถึงกระนั้นเธอก็แย้มยิ้มพร้อมพูดอย่างประจบเอาใจ “ใช่แล้วๆ ขอบคุณคุณนักข่าวหนิวที่ยอมให้ฉันนะคะ คุณไปนั่งที่ห้องประชุมก่อนนะคะ ฉันทำงานเสร็จแล้วจะรีบไปให้สัมภาษณ์แก่คุณนักข่าวหนิวทันที”

หนิวลี่ลี่จึงตอกรองเท้าส้นสูงคู่นั้นเดินตามเถาจืออวิ๋นไปที่ห้องประชุม

หลินม่ายเห็นว่าคนทั้งสองออกไปแล้ว เธอเองก็ออกจากห้องทำงานเช่นกัน แล้วไปยังห้องทำงานของพนักงานขาย

เหรินเป่าจูเพิ่งจะประชุมกับพนักงานขายเหล่านั้นเสร็จ ทุกคนจึงกำลังเตรียมที่พาพนักงานแนะนำลูกค้าที่เพิ่งรับสมัครมาเมื่อบ่ายวานนี้ ไปที่ยังบูธขายสินค้าที่ตนรับผิดชอบ

เมื่อเห็นหลินม่ายเข้ามา ก็ส่งเสียงทักทายอย่างพร้อมเพรียง “สวัสดีค่ะหัวหน้าโรงงานหลิน”

หลินม่ายเอ่ยตอบ “สวัสดีค่ะทุกคน”

เหรินเป่าจูพูดกับเธอด้วยสีหน้าชื่นบาน “หัวหน้าโรงงานหลิน มีข่าวดีมาบอกคุณค่ะ ห้างเจียงเฉิงเปลี่ยนตำแหน่งบูธขายสินค้าของเราใหม่แล้วค่ะ ดีกว่าที่ก่อนหน้านี้เยอะเลย!”

หลินม่ายเอ่ยอย่างสบายๆ “ฉันรู้แล้วค่ะ เพราะว่าฉันบังคับให้ผู้จัดการข่งเปลี่ยนที่ให้เอง”

เหรินเป่าจูเบิกตากว้างอย่างเคารพเลื่อมใส “คุณสุดยอดมากจริงๆ คุณทำให้เจ้าคนกลับกลอกนั่นเปลี่ยนความคิดได้ยังไงกัน?”

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะคุยเรื่องนี้กันหรอกนะ” ความจริงแล้วหลินม่ายไม่อยากพูด เธอจึงถามกลับไป “ฉันอยากจะรู้ตำแหน่งบูธขายสินค้าของเราที่ห้างอื่นๆ จัดให้หน่อย ว่าแย่เท่าตำแหน่งบูธที่ห้างเจียงเฉิงจัดให้เราก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”

เหรินเป่าจูกับพวกพนักงานขายทั้งหมดต่างส่ายหน้า “เปล่าค่ะ”

“อย่างนั้นถ้าเทียบกับห้างลิ่วตู้เฉียวล่ะ?”

เหรินเป่าจูคิดอย่างจจริงจัง “ตำแหน่งใกล้เคียงกันอยู่ค่ะ แต่ยังไงก็ไม่ได้อยู่ในหลืบหรอกค่ะ”

หลินม่ายพยักหน้า “อย่างนั้นก็ดี”

เธอเอ่ยกำชับเหล่าพนักงานขาย “อีกเดี๋ยวพวกคุณรีบไปที่บูธที่แต่ละคนรับผิดชอบ แล้วขึ้นราคาเสื้อผ้าทั้งหมด5หยวนนะคะ”

เหรินเป่าจูตกตะลึงอยู่สองสามวินาที “ทำไมจู่ๆ ถึงขึ้นราคากะทันหันล่ะคะ แถมยังขึ้นเยอะขนาดนี้ด้วย? ถ้าขึ้นราคาสูงขนาดนี้ เราจะไม่มีข้อได้เปรียบด้านราคาแล้วนะ อีกทั้งตำแหน่งบูธขายของเราก็ไม่ดี ฉันเกรงว่ายอดขายจะดิ่งลงเหวนะคะ”

หลินม่ายมั่นใจเต็มที่ “ยอดขายไม่มีทางดิ่งลงเหวได้อย่างแน่นอนค่ะ ราคาของพวกเราในตอนนี้เทียบกับราคาเสื้อผ้า Seaman แล้วยังห่างกันอยู่10หยวน ถึงจะขึ้นราคา5หยวน ก็ยังถูกกว่าของพวกเขาอยู่ไม่น้อย ในด้านราคานั้นก็ยังคงมีข้อได้เปรียบอยู่มาก ตราบใดที่บูธขายสินค้าของพวกเราไม่ถูกจัดให้อยู่ในหลืบ อีกทั้งตั้งแต่วันนี้ไปจะมีการแนะนำลูกค้าอีกด้วย กระแสผู้คนจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน ขอแค่กระแสผู้คนเพิ่มขึ้นแล้ว ยอดขายก็ไม่มีทางดิ่งลงอย่างแน่นอน อีกอย่างแม้แต่เสื้อผ้าของรัฐวิสาหกิจต่างก็ขึ้นราคากันสูงลิบ ถ้าพวกเรายังไม่ขึ้นราคาต่อไป ก็จะพอๆ กับราคาเสื้อผ้าของรัฐวิสาหกิจ ราคาสามัญชนแบบนี้จะเดินตามนโยบายระดับไฮเอนด์ได้ยังไง”

เหรินเป่าจูนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจึงถามขึ้น “ทำไมรอให้ผ่านวันนี้ไปก่อนล่ะค่ะ ดูว่าการแนะนำลูกค้ามีประสิทธิภาพมากแค่ไหน แล้วพรุ่งนี้ค่อยขึ้นราคา?”

“รอถึงพรุ่งนี้ไม่ได้” หลินม่ายอธิบายอย่างใจเย็น “วันนี้การแนะนำลูกค้าก็จะสามารถเรียกกระแสผู้คนได้ไม่น้อย หากวันนี้ลูกค้าเห็นราคาแล้ว พรุ่งนี้เราจะขึ้นราคาอีก5หยวน จะสร้างความไม่พอใจแก่ลูกค้าได้ เพราะจะรู้สึกว่าพอเราธุรกิจดีแล้ว ก็เริ่มขึ้นราคา หากเราขึ้นราคาในตอนที่ธุรกิจไม่ดี ถึงลูกค้าจะรับไม่ได้ เราก็ยังสามารถอธิบายได้ ว่าเพราะวัสดุขึ้นราคาอย่างหนัก คนอื่นๆ ก็ขึ้นราคากันหมด พวกเราเองก็รับไม่ไหวเหมือนกัน จึงได้แต่ถูกบีบบังคับให้ขึ้นราคา ลูกค้าเองก็จะปล่อยวางและยอมรับได้ง่าย”

เหรินเป่าจูได้ยินว่าที่เธอพูดนั้นมีเหตุผล จึงพยักหน้าแสดงออกอย่างเห็นด้วย

หากจะขึ้นราคาก็ต้องเปลี่ยนป้ายราคา

เหรินเป่าจูรีบจัดการให้พนักงานขายคนหนึ่งไปที่โรงงานของรัฐที่ผลิตโลโก้และป้ายราคาให้ทำป้ายราคาจำนวนหนึ่งอย่างเร่งด่วน

หลินม่ายถอนหายใจออกมา ยุคนี้ล้าหลังเกินไป แม้แต่ป้ายราคาก็ต้องไปสั่งทำที่โรงงาน

ไม่เหมือนอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ที่ซื้อเครื่องติดป้ายราคาเล็กๆ มาเครื่องหนึ่ง ก็สามารถติดราคาเองได้แล้ว สะดวกสบายอย่างมาก

เธอเห็นเหรินเป่าจูเตรียมแค่เสื้อผ้าแบบเดียวกันเป็นชุดมินิเดรสสีขาวให้กับพนักงานแนะนำลูกค้าเท่านั้น แต่กลับไม่ได้ให้ริบบิ้นติดอกกับพวกหล่อนด้วย จึงให้พนักงานขายคนหนึ่งไปสั่งทำริบบิ้นอย่างเร่งด่วนที่โรงงาน

ริบบิ้นสีแดงขนาดใหญ่ บนนั้นพิมพ์ตัวอีกษรสีเหลืองว่า“เสื้อผ้า Unique”

ขณะที่ทุกคนกำลังรอริบบิ้นและป้ายราคาอยู่นั้น เถาจืออวิ๋นก็วิ่งเข้ามา พูดขึ้นอย่างดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง “มีข่าวดี ข่าวดีสุดพิเศษเลยล่ะ!”

เหรินเป่าจูถามด้วยรอยยิ้ม “ข่าวดีสุดพิเศษอะไรเหรอคะ?”

“ก็เมื่อกี้นี้ พนักงานส่งเสริมการขายที่ห้างใหญ่ต่างๆ ของเราพากันยืมโทรศัพท์ของห้างโทรมาแจ้งข่าวดีกับเรา ว่าห้างสรรพสินค้าทุกแห่งต่างย้ายบูธของเราไปในตำแหน่งที่พอใช้ได้กันหมดเลย ธุรกิจดีขึ้นอย่างมากในทันทีเลย!”

ทุกคนพลันโห่ร้องด้วยความลิงโลด

จนเมื่อสงบลง ทุกคนก็ล้วนเต็มไปด้วยสีหน้างงงัน

ทำไมจู่ๆ พวกห้างใหญ่ถึงไม่กดขี่ Unique แล้วเป็นทำตัวมิตรขึ้นมาได้ล่ะ?

เหรินเป่าจูถามทุกคนอย่างสงสัยคลางแคลง “พวกคุณคิดว่า อยู่ๆ พวกห้างใหญ่ให้ตำแหน่งดีๆ กับพวกเราตามๆ กันได้ยังไง?”

ทุกคนพากันส่ายหน้า บ่งบอกว่าคาดเดาเหตุผลไม่ออกเลย

เหรินเป่าจูหันไปมองทางหลินม่าย “คุณเป็นคนทำเหรอคะ?”

หลินม่ายส่ายหน้า “ไม่ใช่ฉันค่ะ ฉันไม่ได้มีกำลังมากมายขนาดนั้น”

เถาจืออวิ๋นพูดอย่างคาดเดา “หรือจะเป็นแฟนหนุ่มศาสตราจารย์ของเธอล่ะ?”

“ไม่ใช่เขาหรอก ฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องพวกนี้กับเขาเลย”

หลินม่ายพูดพลางครุ่นคิด “อาจเป็นเพราะเลขาธิการกรรมการพรรคออกหน้าช่วยก็ได้ ไม่อย่างนั้นพวกห้างใหญ่ๆ ไม่มีทางให้ที่ดีๆ กับเราอย่างพร้อมเพรียงกันหรอกค่ะ”

ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

เหรินเป่าจูถาม “ในเมื่อตำแหน่งบูธของเราก็ไม่เลวแล้ว อย่างนั้นยังต้องการพนักงานแนะนำลูกค้าอีกไหมคะ?”

เหล่าพนักงานแนะนำลูกค้าสาวได้ยินเช่นนั้น ต่างก็มองไปยังหลินม่ายอย่างเป็นกังวล

พวกเธอไม่อยากจะถูกไล่ออกทันทีที่ได้รับการว่าจ้างหรอก

หลินม่ายพยักหน้า “ต้องการค่ะ ถ้ามีวิธีส่งเสริมการขายเพิ่มมาอีกอย่าง สามารถยกระดับการขายให้สูงขึ้นได้ หลังจากการขายระลอกนี้สิ้นสุดลง พนักงานแนะนำลูกค้าทุกคนที่ทำผลงานได้ดีจะได้อยู่ต่อ และได้รับการฝึกอบรมเป็นพนักงานขายทั้งหมด ”

เหล่าพนักงานแนะนำลูกค้าสาวต่างแสดงสีหน้ายินดี

เดิมทีเป็นงานพาร์ทไทม์ แต่ตอนนี้มีโอกาสที่จะได้ทำงานระยะยาวที่เสื้อผ้า Unique ก็ไม่ต้องเป็นหนุ่มสาวว่างงานต่อไปอีกแล้ว

ในตอนนี้ การเป็นคนหนุ่มสาวที่ว่างงานนั้นเป็นเรื่องน่าละอายอย่างมาก

ครึ่งชั่วโมงกว่าต่อมา ป้ายราคาและริบบิ้นที่สั่งทำทั้งหมดก็มาถึงมือแล้ว

เหรินเป่าจูแจกป้ายราคาและริบบิ้น แล้วจึงให้พนักงานขายและพนักงานแนะนำลูกค้าทั้งหมดออกไปทำงาน

เมื่อนั้นหลินม่ายถึงไปที่ห้องประชุม หนิวลี่ลี่ยังรอเธออยู่ในห้องประชุมนี่นะ

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

จะมาสัมภาษณ์อะไรคะคุณนักข่าว หักคะแนนจรรยาบรรณสื่อแล้วหนึ่ง โทษฐานไม่นัดคิวสัมภาษณ์ไว้ล่วงหน้า มา walk in แบบนี้ก็เป็นธรรมดาค่ะที่ฝ่ายให้สัมภาษณ์จะไม่มีเวลาให้

ไหหม่า(海馬)