นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 261 ไปจัดการซุนโก่วต้านก่อน
ที่บ้านมีเด็กและผู้หญิง หากซุนโก่วต้านลงมือทำอะไรขึ้นมา พวกนางก็จะทำอะไรไม่ได้เลย หากส่งผลกระทบทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บจะไม่ดี
ซุนโก่วต้านที่อยู่ในบ้านก้าวเดินไปหาโจวคายจือ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความร้องขอว่า ““คายจือ ที่ผ่านมาข้าไม่ดี ข้าดูแลเจ้ากับลูกได้ไม่ดี ข้ารู้ตัวว่าตนเองผิดไปแล้ว เจ้าพาลูกกลับบ้านกับข้าเถอะ ข้าคิดถึงพวกเจ้า”
หลายเดือนมานี้เขาอยากมาหาโจวคายจือตลอด แต่แม่ของเขารอคอยให้โจวคายจือมาคุกเข่าขอร้องตระกูลซุนด้วยตนเอง ไม่ยอมให้เขามา นับตั้งแต่คายจือไปแล้ว เขาต้องตักน้ำอาบเอง กลับมาจากสวนมืดๆค่ำๆ ก็ไม่มีคนเก็บกับข้าวไว้ให้ ต้องหิวโหยอยู่บ่อยๆ เสื้อผ้าก็ต้องซักเอง เขาเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว
ไม่นานก็ถึงฤดูทำสวนแล้ว แม่ของเขาเห็นงานในบ้านแล้วก็ไล่เขามา ยังให้เขาเอาเศษผ้ามาด้วย อยากที่จะให้โจวคายจือกลับไปด้วย
ใครจะไปคิด โจวคายจือไม่อยู่บ้านตนเอง เขาไปถามหากับคนหมู่บ้านต้าสือถึงรู้ว่านางอยู่บนเขานี้ เขาจึงขึ้นมาตามหา
โจวคายจือเห็นสภาพเขาน่าสงสาร ในใจก็เริ่มอ่อนลง ยังไงก็เป็นสามีภรรยากันมาตั้งหลายปี มองดูเสื้อผ้าที่สกปรกบนตัวเขา ก็รู้ว่าเขากินอยู่อย่างลำบาก แต่เมื่อได้ยินเสียงลูกอ่านหนังสือ นางก็แข็งใจ พูดขึ้นมาว่า “เก่วตั้น ข้าไม่กลับไปกับเจ้า เจ้ากลับไปคนเดียวเถอะ”
“ทำไม? ทำไมเจ้าไม่กลับไปกับข้า? หรือว่า….เจ้ามีผู้ชายคนอื่น? แอบคบชู้อยู่ที่นี่หรือ?” ซุนโก่วต้านคิดได้แบบนี้ เสียงก็ดังขึ้นมา
กวาดสายตามองไปรอบๆ ก็เห็นบนเก้าอี้ด้านข้างมีเสื้อของผู้ชายวางอยู่ จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักกว่าเดิมว่า “นี่คืออะไร? เจ้ามีผู้ชายคนอื่นหรือ?”
“เปล่า…..”
โจวคายจืออยากอธิบาย แต่เวลานี้ซุนโก่วต้านไม่ฟังอะไรทั้งนั้น รีบก้าวเท้าเดินไปคว้าจับเสื้อตัวนั้นขึ้นมา มองดูฝีมือการเย็บบนนั้นแล้วก็ยิ่งโกรธจัด
“ยังบอกว่าไม่ใช่? ข้าก็ว่าทำไมเจ้าถึงไม่ยอมกลับไป เพราะแอบคบชู้อยู่ที่นี่ ทำไมเจ้าชั่วขนาดนี้?” ซุนโก่วต้านพูดพร้อมกับฟาดตบบนใบหน้าโจวคายจือ
ห้องทางด้านเหนือตรงข้ามได้ยินเสียงก็รีบออกมาดู แล้วก็เห็นซุนโก่วต้านกำลังตบตีโจวคายจืออยู่บนพื้น พวกเด็กๆวิ่งไปห้ามพร้อมปกป้องโจวคายจือ ซุนโก่วต้านโกรธโมโห จึงตบตีพวกเด็กๆไปด้วย
หลิวเการีบร้องห้าม ซุนโก่วต้านเห็นว่าที่นี่มีผู้ชาย เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เหมือนอย่างที่ในมือเขาถือว่า จึงคิดว่าหลิวเกาคือชายชู้ ก่นด่าขึ้นมาอย่างดุเดือด
โจวกุ้ยหลานที่อยู่ไม่ไกลร้องเรียกหาสวีฉางหลินอยู่สักพัก ไม่เห็นมีเสียงตอบกลับ ในใจก็เป็นห่วงโจวคายจือที่อยู่บ้าน กำลังคิดอยู่ว่าจะกลับไปก่อนดีไหม
เพิ่งหันตัวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านหลัง นางหันไปมอง ก็เห็นสวีฉางหลินกำลังแบกกวางมาหนึ่ง
โจวกุ้ยหลานรีบวิ่งไปหา กำลังจะอ้าปากพูด สายตาสวีฉางหลินก็จ้องมองบนมือของนาง มองเห็นเลือดบนมือ สายตาของเขาหดลง พร้อมถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
โจวกุ้ยหลานค่อยคิดถึงบนฝ่ามือที่มีเลือดไหล พร้อมพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจว่า “ซุนโก่วต้านผลักข้า มือก็เลยไปบาดถูกหินบนพื้น ไอหยา เจ้าอย่าสนใจเรื่องนี้ รีบกลับบ้าน โยนซุนโก่วต้านออกไปทิ้งก่อน”
นางพูดพร้อมกับจะเอื้อมไปจับมือสวีฉางหลิน สวีฉางหลินเอากวางวางบนพื้น รีบดึงโจวกุ้ยหลานไปยังบ่อน้ำ หิ้วน้ำขึ้นมาหนึ่งถัง แล้วล้างแผลให้กับโจวกุ้ยหลาน
“ข้าทำเองได้ เจ้าฟังดูเสียงในบ้านสิ ซุนโก่วต้านจะต้องลงมือทำเรื่องชั่วแล้วแน่ รีบไปเถอะ” โจวกุ้ยหลานพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปผลักสวีฉางหลิน
แต่สวีฉางหลินไม่ขยับ ริมฝีปากบูด ร่างกายเยือกเย็นไปถึงกระดูก
“หากเจ้ายังไม่ไป ข้าจะโกรธแล้วนะ ไปจัดการซุนโก่วต้านก่อน เดี๋ยวค่อยพาข้าไปหาหมอ ดีไหม?” โจวกุ้ยหลานใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง
มือสวีฉางหลินหยุดชะงัก จากนั้นก็ยกถังน้ำที่หิ้วขึ้นมาเทลงบนมือทั้งคู่ของโจวกุ้ยหลานที่ถลอกเป็นแผล ล้างจนแผลสะอาดแล้ว เขาค่อยลุกขึ้น รีบก้าวเดินไปในบ้าน
มองเห็นเขาไปแล้ว โจวกุ้ยหลานค่อยสบายใจขึ้น
จัดการกับคนอย่างซุนโก่วต้าน ต้องเป็นคนอย่างสวีฉางหลิน
โจวกุ้ยหลานลุกขึ้นมา ตามหลังสวีฉางหลินไป เมื่อมาถึงหน้าประตูก็มองเห็นซุนโก่วต้านถูกโยนออกมา
โจวกุ้ยหลานรีบหลบไปด้านข้าง ซุนโก่วต้านถูกโยนลงพื้นจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากนั้นก็ตามด้วยเสียงร้องโอดโวย
โยนออกไปจริงๆ แล้ว สวีฉางหลินของนางมีเสน่ห์จริงๆ สั่งให้ทำยังไงก็ทำอย่างนั้น
โจวกุ้ยหลานเดินอ้อมซุนโก่วต้าน รีบเดินไปที่หน้าประตูด้านใน เห็นสวีฉางหลินเดินมาถึงหน้าประตู จากนั้นก็จะไปลงมืออีก
นางเองก็ไม่ห้าม รีบเดินไปที่ประตู เห็นโจวคายจือกับพวกเด็กๆร้องห่มร้องไห้ ส่วนหลิวเกาบนใบหน้าก็เขียวช้ำไปหมด นั่งอยู่บนพื้นพร้อมไอไม่หยุด หลิวอ้ายเป็นห่วงอยู่ด้านข้าง
“นี่เกิดอะไรขึ้น?” โจวกุ้ยหลานรีบเดินมาหา
ต้าญาเห็นโจวกุ้ยหลานมาแล้ว ก็เล่าทุกอย่างให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง
โจวกุ้ยหลานฟังแล้ว ในใจก็ยิ่งโกรธโมโห ถึงโกรธซุนโก่วต้าน และก็โกรธโจวคายจือ แต่เวลานี้ ความโกรธที่มีต่อซุนโก่วต้านนั้นมีมากกว่า นางหันไปพูดกับสวีฉางหลินด้วยเสียงเย็นชาว่า “ต่อยเขาให้เจ็บ ไม่ทำให้เจ็บก็ไม่รู้จักจำ”
สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุด ก็คือผู้ชายที่ทำร้ายผู้หญิง
ไม่ต้องรอให้ภรรยาของตนพูด สวีฉางหลินก็มีความคิดเช่นนี้แล้ว กล้าทำให้มือภรรยาของตนบาดเจ็บ ภรรยาสุดที่รักที่เขาถนุถนอมอย่างที่สุด
สวีฉางหลินก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ยื่นมือหิ้วซุนโก่วต้านขึ้นมาจากพื้น แล้วก็โยนฟาดบนพื้น ใช้เท้าเตะไปอีกหลายที ซุนโก่วต้านถูกทำร้ายจนไอไม่หยุด แต่เมื่อคิดว่าตนเองถูกสวมเขา จึงฮัดสู้ลุกขึ้นมาคิดจะต่อสู้กับสวีฉางหลิน แต่เพิ่งลุกขึ้นมาก็ถูกเตะตรงท้อง เขาล้มกองลงบนพื้นอีกครั้ง พร้อมกลิ้งไปหลายตลบ
พวกเด็กๆสงสาร อยากพูดร้องขอ แต่เมื่อเห็นสีหน้าโจวกุ้ยหลาน จึงต่างก็ก้มหน้าลง
โจวคายจืออ้าปาก ยังไงก็ทนไมไหว จึงพูดขึ้นว่า “กุ้ยหลาน….อย่า….อย่าทำร้ายจนเป็นอะไร…..”
สายตาโจวกุ้ยหลานเยือกเย็น พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้”
จากนั้นก็หันไปหาสวีฉางหลิน กำลังจะพูดว่าไม่ต้องต่อยแล้ว สวีฉางหลินเหมือนรู้สึกได้ หิ้วเขาขึ้นมาเหมือนอย่างคว้าจับไก่น้อย ก้าวเดินออกไปจากบ้าน แล้วโยนเขาออกไป
เมื่อกลับมาอีกครั้ง ในมือก็หิ้วกวางตัวนั้นกลับมาแล้ว
จากนั้นก็ปิดประตูแล้วก็ล็อกไว้
ทุกการกระทำเป็นเหมือนดั่งน้ำไหล ไม่มีความติดขัดเลยสักนิด
โจวกุ้ยหลานขยับริมฝีปาก สุดท้ายก็ยังคงเลือกที่จะหุบปาก
หลังจากสวีฉางหลินโยนกวางไปที่ข้างบ่อน้ำ เดินมาถึงข้างกายโจวกุ้ยหลาน แล้วจะพาตัวโจวกุ้ยหลานไป
คิดถึงเมื่อกี้ที่บอกว่าจะไปหาหมอ โจวกุ้ยหลานปัดมือของเขา จากนั้นก็หันตัวไปประคองหลิวเกา สวีฉางหลินรวดเร็วกว่า ประคองเขาขึ้นมาแล้วพาไปนั่งบนเก้าอี้ข้างโต๊ะ